บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 445 ฆ่าคนไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
ขอเพียงถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ก็สามารถสลัดเดรัจฉานพวกนี้ออกไปได้
ซิงโล่เฉินพลางวิ่งพลางถอดเสื้อผ้า ฝั่งหงยิงลังเลอยู่ชั่วครู่สุดท้ายก็กัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่ไหนแต่ไรนางก็ใส่ค่อนข้างเบาบาง ฤดูหนาวแล้วก็ไม่เห็นนางจะใส่ให้หนาขึ้น พอต้องถอดชุดด้านนอกออก ข้างในก็เป็นเสื้อชั้นในแล้ว สามารถปกปิดได้ค่อนข้างจำกัด แต่เพื่อเอาชีวิตรอดก็ไม่สนใจแล้ว
ฝู้หลินซวงเห็นดังนั้น ก็เลื่อนสายตาออกไปเพราะคิดว่าไม่เหมาะสม มู่จิ่งหยวนก็เช่นกัน เขาถามจูนจิ่ว “ศิษย์น้องจูน พวกเขาถอดเสื้อผ้าแล้วได้ผลจริงหรือ”
“ไม่ได้ผล กลิ่นของเครื่องหอมดึงดูดสัตว์กับดอกไม้จิตอสูรซ้อนกัน นอกจากพวกเขาจะถลกหนังออกสามชั้น ไม่เช่นนั้นกลิ่นก็คงไม่หายไป”จูนจิ่วยิ้มอย่างมีเลศนัย ยิ้มเยือกเย็น ในเมื่อส่งของขวัญไปให้ถึงที่แล้ว จะให้ของขวัญที่ง่ายดายเกินไปได้อย่างไร
เห็นซิงโล่เฉินกับหงยิงถอดเสื้อผ้าแล้ว ก็ไม่เห็นจะสามารถสลัดฝูงสัตว์ทิพย์ที่ไล่ตามมาได้ ความเร็วของหงยิงลดลงเล็กน้อย ถูกกริฟฟอนหน้ากระดูกพุ่งชนจนกระเด็นออกไป หน้ากระแทกพื้นกลิ้งไปหลายตลบกว่าจะหยุดลง กระอักเลือดหลายครั้งและยืนขึ้นไม่ได้
ซิงโล่เฉินเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว เดิมทีคิดว่าไม่อยากสนใจหงยิง แต่หงยิงได้มองมาทางเขาเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว “ศิษย์พี่ซิงช่วยข้าด้วย”
“สมควรตาย ”ซิงโล่เฉินวิ่งต่อไปอีกสองก้าวกว่าจะหยุดลง กลิ่นบนร่างไม่ได้ถูกกำจัดไป สัตว์ทิพย์พวกนี้ฆ่าหงยิงแล้วก็คงจะไล่ตามมาทันในไม่ช้า ซิงโล่เฉินปล่อยพลุสัญญาณ หมุนตัวพุ่งไปทางหงยิงคว้าร่างนางโยนขึ้นไปบนที่สูงของต้นไม้ใหญ่
ยืนอยู่บนต้นไม้แล้วหมุนร่าง ซิงโล่เฉินถ่ายทอดพลังทิพย์ ปลายมีดของมีดโค้งมีไฟเกิดลูกไฟที่ถูกจุดขึ้นจากพลังทิพย์ เป็นดังคาดเมื่อเห็นดวงไฟ เหล่าสัตว์ทิพย์ชั้นเจ็ดต่างก็ร่นถอยไปครึ่งก้าว
แต่ว่ากลิ่นของเครื่องหอมดึงดูดสัตว์กับดอกไม่จิตอสูร ดึงดูดพวกมันจนบ้าคลั่ง สัตว์ทิพย์ระดับเจ็ดยังคงถูกความปรารถนาครอบงำ รอโอกาสเตรียมตัวลอบโจมตี
หงยิงกุมแผลที่หน้าท้องไว้แน่น เลือดไหลออกมาจากท้องผ่านง่ามนิ้วมืออย่างไม่หยุด นางกินยาแล้วก็ไร้ประโยชน์ เจ็บปวดราวหัวใจถูกฉีกทึ้ง สีหน้าซีดขาว อีกมือของหงยิงก็จับแขนเสื้อของซิงโล่เฉินไว้แน่น
หงยิงขอร้องอย่างน่าอนาถ “ศิษย์พี่ซิงท่านอย่าทิ้งข้าไว้ที่นี่ อาจารย์ต้องมาช่วยพวกเราโดยเร็วที่สุด”
ซิงโล่เฉินไม่พูดจา
หงยิงสะกดกลั้นความเจ็บปวด น้ำเสียงบิดเบี้ยวราวกับสาปแช่ง “รอให้อาจารย์มาแล้ว ข้าจะทำให้จูนจิ่วน่าดูแน่ ข้าจะแก้แค้น ข้าจะลงกรีดมีดลงบนร่างนาง ให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ข้าต้องพบเจอในตอนนี้เป็นพันเท่า”
“หุบปากไปเถอะเจ้า”ซิงโล่เฉินตะคอกอย่างโมโห มองหงยิงด้วยสายตาเยือกเย็น
สมควรตาย ทำไมข้างกายเขาจึงมีแค่พวกคนโง่ ถึงว่าสามสำนักศึกษาทั้งสามจึงเป็นได้แค่ทาสในเรือนเบี้ยของตำหนักไท่หวง ไม่มีใครที่มีฉลาดพอจะใช้งานได้ จูนจิ่วกล้าทำเช่นนี้ นางต้องมีที่พึ่งจึงไม่กลัว เจ้าเฒ่ามาแล้วจะมีประโยชน์อะไร
ขณะครุ่นคิด ซิงโล่เฉินก็ยิ่งรู้สึกไม่เป็นสุข ปล่อยพลุออกไปตั้งนานแล้ว ทำไมเจ้าผู้เฒ่ายังไม่มาอีก
อีกฝั่งหนึ่ง
เหลิ่งยวนส่งสัญญาณเสียงบอกกับจูนจิ่ว เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับป้าฟางเห็นพลุสัญญาณแล้ว แต่ว่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่ได้รีบร้อน กลับเป็นป้าฟางที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างร้อนใจ แต่มีม่านกั้นที่เขาจัดการวางเอาไว้ พวกเขาก็ได้แต่ย่ำอยู่กับที่เท่านั้น
จูนจิ่ว “ให้รอไปก่อน ค่อยปล่อยพวกเขาเข้ามา ”
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่รีบร้อน เพราะคิดว่าเกิดเรื่องกับพวกเขาแล้วจึงขอความช่วยเหลือ ฉะนั้นไม่รีบ ยังถ่วงเวลาของป้าฟางด้วย โดยที่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่รู้เลยว่า ที่เกิดเรื่องนั้นไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นลูกศิษย์ที่รักของเขาทั้งสองคน ถ้าเขารู้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ขณะคิด จูนจิ่วก็รู้สึกจะอดใจรอไม่ได้ ต้องเป็นฉากที่น่าดูมากแน่ๆ
มองไปทางกระจกน้ำอีกครั้ง ดวงไฟไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว สัตว์ทิพย์ชั้นเจ้ดได้โถมเข้ามาโจมตี ซิงโล่เฉินโต้กลับจนได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า เสื้อผ้าค่อยๆถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดง
หงยิงยิ่งน่าสงสาร
นางตกลงมาจากบนต้นไม้ ซิงโล่เฉินไม่มีเวลาสนใจนาง หงยิงกลิ้งหลบไปมาอยู่ที่พื้นเพื่อหลบการโจมตีของสัตว์ทิพย์ หลายครั้งที่เกือบจะถูกสัตว์ทิพย์กัดคอขาด เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครเห็นใจนางสักคน
ชิงหยู่หลุบตาลง ยิ้มเย็นพูดว่า “คนบริสุทธิ์ที่เคยตกอยู่ในมือหงยิง อนาถกว่านางในตอนนี้เป็นร้อยเท่า เพชฌฆาตหญิงคนนี้ สมน้ำหน้า”
“อย่างนางเรียกว่ากรรมตามสนอง”ฝู้หลินจ้านเอ่ยเสียงเย็น
ตอนนี้เอง จูนจิ่วจึงมีคำสั่งให้เหลิ่งยวนปลดม่านกั้นออกได้ ปล่อยพวกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเข้ามา ตอนที่ได้ยินคำสั่งนาง เหลิ่งยวนยังคงถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมแม่นางจูนต้องปล่อยให้พวกเขาเข้ามาช่วยคนด้วย ปล่อยให้พวกซิงโล่เฉินถูกกัดตายก็ดีแล้ว”
“ที่ข้าต้องการคือให้เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเจ็บใจ แต่ไม่ใช่ทำให้เขาโกรธจนคลั่งไล่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า ซิงโล่เฉินกับหงยิงสมควรตาย แต่ไม่ใช่ตอนนี้”จูนจิ่วพูดเสียงเย็น
ที่นางต้องการไม่ใช่ให้ซิงโล่เฉินกับหงยิงตายที่นี่ตอนนี้ แต่มีแผนที่มากกว่า นางจะทำลายเทียงฉิวทั้งหมด ของขวัญชิ้นนี้ ก็แค่ส่วนหนึ่งในแผนการของนางเท่านั้น
หลังจากเหลิ่งหยวนเข้าใจเจตนาของจูนจิ่วแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่า “ไม่เสียทีที่แม่นางจูนเป็นคู่วิญญาณของเจ้านาย ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างจริงๆ”
จูนจิ่ว:??
เหลิ่งยวนพยักหน้าติดๆ นิสัยการทำงานของแม่นางจูนกับเจ้านายช่างเหมือนกันจริงๆ จะบอกว่าไม่ใช่คู่สามีภรรยา คู่ฟ้าประทานได้อย่างไร
หลังจากเปิดม่านกั้นออก ไม่กี่อึดใจเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับป้าฟางก็เข้ามาถึง รุดไปในสนามรบ
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูยังคงมีท่าทีไม่ค่อยใส่ใจนัก กระทั่งป้าฟางพูดอย่างตกใจว่า “เจ้าสำนักเทียนซู่ นั่นมันลูกศิษย์ของท่านมิใช่หรือ”
“ว่าไงนะ”ปฏิกิริยาแรกของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูคือไม่เชื่อ แต่พอก้มหน้ามองดูดีๆ เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็ต้องอ้าปากตาค้าง
ซิงโล่เฉิน หงยิง
อีกนิดเดียวซิงโล่เฉินก็จะถูกบีบให้ใช้วิชาหลบพ้นด้วยเลือดในการเอาชีวิตรอด พอเห็นเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ก็รีบตะโกนทันที “ท่านผู้เฒ่าทำไมเพิ่งมา ยังไม่รีบฆ่าเดรัจฉานพวกนี้ ช่วยข้า”
“อาจารย์ช่วยข้าด้วย “หงยิงร้องอย่างไร้เรี่ยวแรง สภาพอนาถจนทำให้รู้สึกตกใจ
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูรีบเข้าไปช่วยพวกเขาสองคน ป้าฟางหันไปมองรอบๆ พอไม่เห็นเงาร่างของพวกจูนจิ่วก็รู้สึกคลายใจได้ในชั่วขณะ คนที่เกิดเรื่องไม่ใช่จูนจิ่วก็ดีแล้ว
แต่ป้าฟางก็ไม่เข้าใจ ทำไมซิงโล่เฉินกับหงยิงจึงทำให้สัตว์ทิพย์ระดับเจ็ดทั้งหมดคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้จนไล่ฆ่าพวกเข้าได้
สลายกระจกน้ำ จูนจิ่วยิ้มมองไปทางทุกคน “ไปเถอะ ละครดีๆจบลงแล้ว ได้เวลาพวกเราออกโรงแล้ว”
“แต่ว่าถ้าไปตอนนี้ ถ้าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูรู้ความจริงเข้า จะไม่คลั่งจนฆ่าพวกเราหรอกหรือ”ชิงหยู่ขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างระวัง
จูนจิ่ว “ไม่มีทาง”
……
สัตว์ทิพย์ระดับเจ็ดทั้งหมดคลุ้มคลั่งไปหมดแล้ว ขวางก็ขวางไม่อยู่ พอเห็นเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจะช่วยเหยื่อที่เป็นอาหารพวกมัน ก็เกิดคลุ้มคลั่งจนโจมตีเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูด้วยอีกคน เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจำเป็นต้องลงมือ ฆ่าสัตว์ทิพย์ระดับเจ็ดทั้งหมดตายเกลี้ยง
เลือดสาดกระเด็นเต็มหน้าและร่างกาย แต่เหล่านี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกตกตะลึงและโกรธยิ่งกว่าตอนที่เห็นซิงโล่เฉินบาดเจ็บสาหัส และหงยิงก็ลมหายใจรวยรินใกล้ตาย
หัวใจของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเจ็บปวดยากจะทานทน และก็ไม่อยากเชื่อ “นี่มันเรื่องอะไรกัน คนที่พวกเจ้าพามาด้วยเล่า ทำไมจึงถูกสัตว์ทิพย์ระดับเจ็ดไล่ฆ่าได้”
“เป็นจูนจิ่ว”หงยิงล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแอ อ้าปากพูดขึ้น
ซิงโล่เฉินดีกว่านางหน่อย ยังพอมีแรงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูฟัง แต่พอเห็นว่ามีป้าฟางอยู่ด้วย เขาก็ปิดบังเรื่องที่หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวปิดล้อมจูนจิ่วเอาไว้ บอกเพียงว่าจูนจิ่วโผล่ออกมากะทันหัน จากนั้นก็ทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย
“เป็นไปไม่ได้ ”ป้าฟางได้ยิน ก็เอ่ยอย่างสงสัย “จูนจิ่วจะฆ่าพวกเจ้าทำไม“ฆ่าคนยังต้องการเหตุผลอีกหรือ”สาวน้อยส่งเสียงอวดดี ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ไว้ในอก พาพวกชิงหยู่เดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม