บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 448 ความสนใจไม่ได้อยู่ที่แมว
ทุกคนได้ยินต่างก็ยิ่งอึ้งไป จูนจิ่วพูดต่อไปว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องไปศึกษา แค่ดัดแปลงนิดหน่อย เปลี่ยนให้หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวหันมาฟังคำสั่งข้า ก็พอแล้ว”
ทุกคนยังคงนิ่งอึ้งไม่พูดจา แต่ทุกคนต่างก็ยกนิ้วโป้งให้กับจูนจิ่วอยู่ในใจเงียบๆ ร้ายกาจมาก วิธีการนี้เยี่ยมยอดมาก
แต่ว่าพูดแล้วฟังดูง่าย หากทำจริงจะทำได้หรือ
จูนจิ่วเปิดกล่องออกพิจารณายาอยู่ชั่วครู่ เสี่ยวอู่หมอบอยู่ที่ไหล่ของนาง จ้องมองยาเม็ดอย่างพินิจพิเคราะห์ ผ่านไปชั่วครู่ จูนจิ่วพูดว่า “ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะแก้ปัญหานี้ให้อยู่หมัด”
“และในสามวันนี้ พวกท่านต้องเร่งการเคลื่อนไหว ยิ่งเข้าไปในสำนักศึกษาเทียนซูได้ลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อีกทั้งเริ่มทำการคัดเลือกคน เขียนรายชื่อส่งให้ศิษย์พี่รับผิดชอบต่อไป”จูนจิ่วมองไปทางชิงหยู่ ชิงหยู่ตอบรับทันที
เคยบอกแล้วว่าจะทำลายสำนักศึกษาเทียนซู นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวโยงกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ต้องถอนรากถอนโคนให้หมด จูนจิ่วรู้ตัวเองดีว่าแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจดี นางจะไม่ยอมเอาความปลอดภัยพวกชิงหยู่ และสำนักเทียนอู่จงมาเสี่ยงเด็ดขาด ถ้าจะลงมือ ต้องสำเร็จเท่านั้น
ตอนนี้ โอกาสกำลังเหมาะเจาะพอดิบพอดี จูนจิ่วเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะรอต่อไปแล้ว จากนั้น ก็แบ่งงานพวกเหอซ่าน “นี่เป็นควันพิษที่ทำจากดอกโล๋ แบ่งเป็นสองขั้นตอน ขั้นที่หนึ่งคือหยดของเหลวในขวดนี้ ลงในน้ำหนึ่งหยด”
“ฤทธิ์ของยาจะคงสภาพอยู่ในน้ำนิ่งได้สามวัน ถ้าเป็นน้ำที่ไหลจะอยู่ได้ครึ่งวัน แต่สามารถหยดเพิ่มได้ สุดท้ายหากต้องการให้เกิดควันพิษ ก็ให้โรยผงยาลงไป ควันพิษก็จะก่อตัวขึ้นราวกับหมอกหนาในป่า ถ้าสูดดมเข้าไป แขนขาจะชาร่างจะไร้เรี่ยวแรง และใช้พลังทิพย์ไม่ได้ ”
นี่เป็นกลุ่มยาที่ทำจากดอกโล๋ที่จูนจิ่วเพิ่มคุณภาพของมันให้แข็งแกร่งขึ้น นางยังให้ยาถอนพิษพวกเขาไปด้วย เพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากพิษของดอกโล๋
นี่เป็นการเตรียมการอย่างรอบคอบรัดกุม เพราะหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวไม่ได้เหมารวมถึงลูกศิษย์ทั้งหมดในสำนักศึกษาเทียนซูด้วย
เมื่อถึงเวลาลงมือ ต้องรับรองได้ว่าลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนซูจะไร้กำลังในการตอบโต้
เมื่อจัดการวางแผนทั้งหมดนี้แล้ว จูนจิ่วก็มองไปทางทุกคน ยิ้มบางๆ “ต้องลำบากทุกท่านแล้ว จะสามารถขจัดปัญหาเรื่องสำนักศึกษาเทียนซูได้หรือไม่ ก็ต้องพึ่งทุกคนแล้ว แยกย้ายกันเถอะ รอสัญญาณข้าอีกที”
“ได้”หยูนเฉียวพยักหน้า มองจูนจิ่วด้วยสายตาวิบวับและพูดว่า “แม่นางจูนเจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังเด็ดขาด”
“เสี่ยวจิ่ววางใจเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เสด็จปู่จะทำให้ดีที่สุด”เฟิ่งเซียวพูดพลางตบไปที่หน้าอกตนเองเพื่อยืนยัน สถานะที่เขาแฝงตัวแปลงโฉมเข้าไปนั้นถือว่าอยู่สูงสุด อำนาจก็มากที่สุด และหน้าที่ความรับผิดของเฟิ่งเซียวก็ไม่เบาเช่นเดียวกัน
เหอซ่านกับโจวเตี๋ยก็ยืนยันเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็สลายตัวไป กลับไปยังตำแหน่งที่ตนได้แฝงตัวอยู่
ชิงหยู่ “ไปเถอะ ศิษย์น้องพวกเรากลับกัน ”
จูนจิ่วพยักหน้า นางปิดกล่องลง เก็บเอาไว้ในช่องว่างของกำไล แผนการได้ถูกแบ่งงานกันไปทำแล้ว ตอนนี้ที่จูนจิ่วต้องทำก็คือตั้งใจแก้พิษกู่ เพื่อควบคุมหน่วยกล้าตายของเทียงฉิว นางกับชิงหยู่เดินกลับไป ปรากฏว่าไปถึงครึ่งทางก็พบกับคนดักกลางทาง
เป็นซิงโล่เฉิน
เขาถูกหามอยู่บนเก้าอี้ เก้าอี้ที่มีขนาดใหญ่คล้ายเตียง ซิงโล่เฉินกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนนั้น กำลังสั่งการให้ลูกศิษย์พาเขาไปที่ไหนสักแห่ง พวกเขาเจอกันระหว่างทาง ปรากฏตัวขึ้นคนละฝากของถนน
“จูนจิ่ว”ซิงโล่เฉินมองไม่เห็นชิงหยู่ ดวงตาของเขาจดจ้องอยู่แต่จูนจิ่ว จ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย กัดฟันด้วยความแค้นเคือง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
กระทั่งเกือบจะบีบให้เขาต้องใช้วิชาหลบพ้นด้วยเลือดเพื่อเอาชีวิตรอด ความอัปยศอดสูนี้ ก็เป็นจูนจิ่วที่มอบให้แก่เขา ยิ่งไปกว่านั้นซิงโล่เฉินยังสงสัยว่าตัวเขาเองดวงตกใช่หรือไม่ จึงพบเข้ากับจูนจิ่วจะทำเรื่องอะไรก็ไม่เคยราบรื่น ล้มเหลวทุกครั้งถูกตบหน้าทุกครา
ตอนนี้เขาเพิ่งจะกลับมาจากที่อยู่ของนักกลั่นยาพิษเฟยชิง บาดแผลของเขาไปต้องไปพักฟื้นที่ตาน้ำวิเศษหลังที่อยู่ของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู จึงจะสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ตาน้ำที่ว่านี้ แม้แต่หงยิงเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูยังไม่ให้นางได้ใช้
แต่ซิงโล่เฉิน สถานะของเขาไม่ธรรมดา เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจึงได้ยอมเจ็บเพื่อตัดรัก ซิงโล่เฉินคิดไม่ถึงว่าจะเจอจูนจิ่วระหว่างทาง
พอเห็นจูนจิ่ว เขาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ปวดกระดูกจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไรอย่างนั้น ความอับอายและแค้นใจที่อยู่ในอกยิ่งทำให้ซิงโล่เฉินไม่อาจทนทานได้ เขาใช้มือตบลงไปที่เก้าอี้ “เจ้าพวกโง่ยังจะยืนบื้ออยู่ทำไม ไปจับตัวนังคนต่ำช้ามาให้ข้า”
องครักษ์รอบตัวของซิงโล่เฉินรีบชักดาบพุ่งเข้าไปทันที จูนจิ่วไม่ขยับเขยื้อน ชิงหยู่เดินเข้าไปข้างหน้าชักมีดเซ่หยิ่งออกมา
คนกลุ่มหนึ่งเข้าต่อสู้กับชิงหยู่ ที่เหลือก็ล้อมตัวจูนจิ่วเอาไว้ ซิงโล่เฉินให้คนวางเขาลง ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลจ้องจูนจิ่วเขม็ง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำเต็มไปด้วยแววโหดเหี้ยมและเกลียดชัง
ซิงโล่เฉินเอ่ยอย่างอำมหิตว่า “จูนจิ่ว เจ้าหนีไปสิ ข้าจะดูเจ้าจะหนีไปไหน ครั้งนี้ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้ เจ้าตกอยู่ในมือข้าแล้ว ข้าจะให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย”
พูดจบแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองนั้นบางเบาเกินไป ไม่โหดเหี้ยมพอที่จะทำให้หวาดกลัวได้ จากนั้นซิงโล่เฉินก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและโอหัง น้ำเสียงเย็นเยียบพูดต่อไปว่า “จูนจิ่ว เจ้าเป็นนักกลั่นยาน่าจะรู้จักแมลงกัดต่อย ช่วงนี้เฟยชิงกำลังขาดหุ่นเชิดของแมลงกัดต่อยพอดี ”
“ข้าจะจับเจ้า ขังไปในโหลแมลงของเฟยชิง ให้แมลงมีพิษพวกนั้นไต่เต็มร่างเจ้า กัดจนเนื้อขาดแล้วมุดเข้าไปข้างใน จากนั้นให้มันค่อยๆกินเลือดเนื้อของเจ้าจนหมด แต่เจ้าจะไม่ตาย เจ้าจะยังคงมีชีวิต อีกทั้งยังสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดทรมานนั้น”
จูนจิ่วเลิกคิ้ว นิ้วมือม้วนหางของเสี่ยวอู่ นางยิ้มพลางเหลือบมอง “วิธีการหลอกเด็กให้กลัวเช่นนี้ ซิงโล่เฉินเจ้าเป็นปัญญาอ่อนหรืออย่างไร”
“เจ้า ”ซิงโล่เฉินโกรธจนกัดฟันแน่น ร้องเสียงดังว่า “เข้าไป จับตัวนางให้ได้ ตีมือนางให้หัก ขาสองข้างก็ด้วย อย่าให้นางหนีไปได้ ถ้านางกล้าหนี ก็ฟัดขานางให้ขาด”
ความโหดร้ายคลุ้มคลั่ง บิดเบี้ยวจนล้นทะลักออกมา ราวกับปีศาจชั่วร้าย
จูนจิ่วไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไม่มองคนที่เข้าใกล้เข้ามารอบตัว นางมองไปทางชิงหยู่ ชิงหยู่สามารถชนะได้ แต่ก็ต้องเสียเวลาไปบ้าง และตอนนี้ จูนจิ่วนั้นไม่อยากจะเสียเวลาตนเองเลยสักนิด นางยังมีเรื่องสำคัญอย่างการศึกษาพิษกู่จะต้องไปทำ
มองไปทางซิงโล่เฉินอีกครั้ง ใบหน้าโหดเหี้ยมบิดเบี้ยวนั้นแทบจะมองเค้าลางความเป็นคนไม่ออกแล้ว มีเพียงไออำมหิตแค้นเคืองที่แยกเขี้ยวกางกรงเล็บวนเวียนอยู่รอบตัว
จูนจิ่วสั่นกระดิ่งที่ข้อมือ พูดเบาๆว่า “อู๋เยว่ช่วยที~~”
คนอื่นเล่นโกงต้องอาศัยจังหวะและโชคชะตา แต่นางเล่นโกง โม่อู๋เยว่นั่นแหละที่เป็นกลโกงที่ใหญ่ที่สุดบนโลก
ปังปังปัง
เริ่มตั้งแต่คนที่พุ่งเข้าหาจูนจิ่ว แต่ละคนระเบิดแตกกระจายเป็นหมอกเลือดในพริบตา ตามติดมาด้วยลมที่ถูกเกิดจากการแหวกอากาศอย่างรวดเร็วไม่ทิ้งร่องรอยแม้แต่น้อย จากนั้นก็กระจายออก ไปที่ชิงหยู่ ไปที่ข้างกายซิงโล่เฉิน นอกจากซิงโล่เฉิน คนของเขาต่างหายวับไปกลางอากาศ
ชิงหยู่นิ่งอึ้ง หันไปมองเห็นโม่อู๋เยว่ยืนอยู่ข้างหลังจูนจิ่ว ยื่นมือมาลูบเสี่ยวอู่ แม้จะเป็นการลูบเสี่ยวอู่ แต่มองดูแล้วเห็นได้ชัดว่ากำลังโอบกอดจูนจิ่ว ชิงหยู่กระตุกมุมปาก
ลาก่อนซิงโล่เฉิน ยืนบื้อไปแล้ว สีหน้าตกตะลึง ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
จูนจิ่วเห็นโม่อู๋เยว่ลูบหัวเสี่ยวอู่ ก็ยัดเสี่ยวอู่ไปที่อ้อมอกของเขา “ รบกวนช่วยข้าสะกดซิงโล่เฉินที ข้าจะรีบสู้รีบจบ เสี่ยวอู่มอบให้ท่าน ค่อยๆลูบถือว่าเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณแล้วกัน”
เสี่ยวอู่ เหมียว ไม่เอา
เป้าหมายของโม่อู๋เยว่ไม่ได้อยู่ที่แมว ก้มลงมองเสี่ยวอู่ที่ดิ้นรนอยู่ในอกแล้วก็ถอนหายใจ เขายกมือขึ้นใช้นิ้วจุดหนึ่งที ช่วยจูนจิ่วสะกดการเคลื่อนไหวของซิงโล่เฉิน