บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 450 จูนจิ่วหายตัวไปแล้ว
จูนจิ่วหายตัวไปแล้ว
ตอนที่พบเจอเหตุการณ์นี้ เป็นวันที่สองที่ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงไปหาจูนจิ่ว ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็หาตัวจูนจิ่วไม่พบ สุดท้ายก็ไปหาชิงหยู่ แต่ก็ไม่พบเช่นกัน อีกทั้งเปิดประตูเข้าไป สิ่งของในห้องของทั้งสองก็ไม่ได้มีการเคลื่อนย้าย กาน้ำชายังคงว่างเปล่า นี่แสดงว่าพวกจูนจิ่วยังไม่เคยกลับมาเลยด้วยซ้ำ
พวกเขารีบออกไปสอบถามจากคนรอบข้างทันที สุดท้ายก็ได้รู้ว่าก่อนที่จูนจิ่วกับชิงหยู่จะกลับมา เคยไปพบกับจี้อีหมิงและเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว จากนั้นก็บอกว่าจะกลับไปพักผ่อน ปรากฏว่าพอไปก็ไม่หายวับ
ป้าฟางยังคงซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเพื่อรอจูนจิ่ว นางยังคงรออยู่อย่างนั้น และได้ยินได้เห็นที่พวกฝู้หลินจ้านตามหาคนอย่างร้อนรน ขณะเดียวกันก็หัวใจกระตุกวูบ ป้าฟางกังวลใจ จูนจิ่วจะถูกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจับตัวไปหรือไม่
ป้าฟางไม่สนใจเรื่องการซ่อนตัวอีกต่อไป นางรีบเดินออกไปขวางพวกฝู้หลินจ้านเอาไว้ “พวกเจ้าไม่ได้พบกับจูนจิ่วจริงหรือ”
“ป้าฟาง”มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้ว
ฝู้หลินจ้านถามเสียงดุออกไปว่า “ป้าฟางถามพวกข้าหรือ พวกข้ายังต้องขอถามป้าฟางท่าน ที่จูนจิ่วกับชิงหยู่หายตัวไปเกี่ยวข้องกับท่านหรือไม่ เพราะว่าท่านเอาแต่หาเรื่องจูนจิ่ว น่าสงสัยพอๆกันกับเทียงฉิว”
ยากมากที่ฝู้หลินซวงจะไม่ยับยิ้งคำพูดที่รุนแรงของฝู้หลินจ้าน ความเย็นชาบนใบหน้าเขา ยิ่งทวีความเคร่งขรึมขึ้น
พวกเขาทั้งหมดกำลังสงสัยป้าฟาง
พอป้าฟางได้ยินดังนั้น ก็รีบอธิบายว่า “ไม่ ข้าไม่เกี่ยวข้อง”นางคิดว่าจะจับตัวจูนจิ่วจริงๆ แต่นางไม่ได้เจอจูนจิ่วนางจะจับจูนจิ่วได้อย่างไร
ป้าฟางขมวดคิ้วแน่น พูดต่อว่า “จูนจิ่วหายตัวไป ที่ลงมือกับนางได้ก็คงจะมีแต่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ข้าจะไปหาเจ้านักศึกษาเทียนซูเดี๋ยวนี้ เพื่อถามให้ชัดเจน”
“พวกเราจะไปกับท่านด้วย”ฝู้หลินจ้านพูด
พวกเขาไม่เชื่อป้าฟาง ไปพบเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็จะรู้เองว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ แต่พวกฝู้หลินจ้านคิดผิด ไปพบกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแล้ว พวกเขาก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี
ด้วยการนำของป้าฟาง พวกเขาเข้าพบเจ้าสำนักศึกเทียนซูได้อย่างฉลุยไร้สิ่งกีดขวาง
ขณะเดียวกัน เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็กำลังปวดหัวสีหน้าเคร่งขรึม พอป้าฟางเข้ามาถึงก็ถามออกไปตรงๆ เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูนิ่งอึ้งก่อนจะพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “จูนจิ่วก็หายตัวไปหรือ”
“ก็หายตัวไป”
“ซิงโล่เฉินก็ไม่เจอตัว เดิมทีเขาจะต้องมาพักฟื้นที่ตาน้ำวิเศษหลังที่พักข้า แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเขา แล้วยังมีคนอารักขาที่ส่งเขามา ก็ไม่เห็นเช่นกัน ตอนนี้ได้ตามหาจนทั่วสำนักศึกษาเทียนซูแล้ว ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาพวกเขา”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูพูด
พวกฝู้หลินจ้านต่างมองตากัน ถึงว่าตอนที่พวกเขามา ก็เห็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนซูกับหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวเดินไปมาราวกับกำลังตามหาอะไรอยู่ ที่แท้ซิงโล่เฉินหายตัวไปนี่เอง
เดี๋ยวก่อน
ทุกคนต่างรู้สึกตกใจจนตัวแข็ง เบิกตากว้าง
สถานการณ์ไม่ดีซะแล้ว จูนจิ่วกับชิงหยู่หายตัวไป ซิงโล่เฉินก็เช่นกัน นึกถึงความแค้นระหว่างซิงโล่เฉินกับพวกจูนจิ่วแล้ว ฝู้หลินจ้านก็หลุดปากออกไปว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าซิงโล่เฉินจะจับตัวจูนจิ่วกับชิงหยู่ไป”
“ก็เป็นไปได้”มู่จิ่งหยวนพูดด้วยสีหน้าดำคล้ำ เขามองไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู “เห็นทีข้าต้องรายงานอาจารย์แล้ว ต้องหาตัวจูนจิ่วให้พบ”
ฟังความหมายของเขาออก ล้วนกำลังสงสัยว่าซิงโล่เฉินจับตัวจูนจิ่วกับชิงหยู่ไป
สีหน้าของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่น่าดูเอาซะเลย แต่พอเขาจะตอบโต้ ในใจตัวเองก็ยังรู้สึกผิดมีพิรุธ จะใช่ซิงโล่เฉินจับตัวจูนจิ่วกับชิงหยู่ไปจริงหรือไม่
พอคิดว่าซิงโล่เฉินนั้นรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขารู้ทั้งหมด แล้วยังเป็นคนของตำหนักไท่หวง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูอดคิดไม่ได้ว่า คงไม่ใช่เพราะซิงโล่เฉินต้องการเก็บของล้ำค่าไว้เอง จึงได้จับตัวจูนจิ่วไปซ่อนไว้เพื่อแอบลงโทษสอบสวนกระมัง
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูรู้สึกทั้งร้อนใจทั้งโมโหขึ้นมาทันที เขาเองก็มีส่วนช่วยในการหาของล้ำค่าเช่นกัน
ตอนนี้ทุกคนต่างก็แน่ใจได้แล้วว่าต้องเป็นซิงโล่เฉินที่จับตัวจูนจิ่วกับชิงหยู่ไป ส่วนสาเหตุเป็นเพราะอะไรนั้นไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง นอกเสียจากเพราะว่าอูฐผอมก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ซิงโล่เฉินบาดเจ็บสาหัส แต่พลังยังคงห่างไกลกว่าจูนจิ่วอยู่มาก
ถ้าไม่กดทับพลังการฝึกทนเอาไว้ จูนจิ่วกับชิงหยู่ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกทั้งตอนนั้นซิงโล่เฉินยังมีผู้ช่วย นำคนมาด้วย พวกจูนจิ่วก็ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่
ขณะเดียวกัน เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับพวกมู่จิ่งหยวนต่างก็เคลื่อนไหว พลางค้นหาคนอย่างผลิกแผ่นดิน พลางมู่จิ่งหยวนก็ตามเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูมา วันที่สองก็มีขบวนมาส่งถึงสำนักศึกษาเทียนซู
เวลานี้ ห่างจากตอนที่จูนจิ่วกับชิงหยู่หายตัวไป ก็สามวันแล้ว
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูกับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพบหน้ากัน หันหลังให้กับเหล่าลูกศิษย์ เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวบอกสิ่งที่จูนจิ่วทิ้งท้ายไว้ให้ก่อนจากไปให้กับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูได้ยินก็อึ้งไป“ทำไม ความหมายของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวคือ จูนจิ่วไม่ได้ถูกซิงโล่เฉินจับตัวไปอย่างนั้นหรือ ”
“ข้าคิดว่าสาวน้อยจูนจิ่วคนนี้ทั้งเจ้าเล่ห์มีเลศนัย มีหัวสมองฉลาดขนาดที่ว่าพวกเรารวมกันยังสู้ไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะถูกซิงโล่เฉินจับตัวไปอย่างกะทันหัน อีกอย่างคำพูดนางในตอนนั้น ยิ่งไม่เหมือนคนที่ตกอยู่ในอันตราย”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูด
ผ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สำนักศึกษาจื่อเซียว จูนจิ่วพลิกสถานการณ์จนทำให้สำนักศึกษาเทียนซูต้องกระอักเลือด เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวรู้สึกทึ่ง และชื่นชมจูนจิ่วมาก
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูนิ่งขรึมไปทันที ไม่ได้พูดอะไร เขากำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว พูดมีเหตุผล แต่ว่าไม่เจอตัวจูนจิ่วเป็นเวลาสามวันแล้วก็เป็นเรื่องจริง
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดต่อไปว่า “ฉะนั้นข้าว่า พวกเราอย่าร้อนใจ ให้แรงกดดันกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูสักหน่อย ให้เขารู้ว่าพวกเราต้องการหาตัวจูนจิ่ว อย่างนี้ถึงแม้จูนจิ่วอาจจะตกอยู่ในมือของเขาจริง ก็คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในทันที พวกเรายังต้องค้นหาจูนจิ่วต่อไป”
“ไม่ดีแล้ว ท่านปู่ เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพวกท่านเปิดประตู เกิดเรื่องแล้ว”
“อาจารย์ เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเปิดประตู สถานการณ์ไม่ดีแล้ว”
มู่จิ่งหยวนกับฝู้หลินจ้านตะโกนอยู่ข้างนอก ทั้งสองหันมาสบตากัน รีบเปิดประตูทันที
พอเปิดประตู ทั้งสามคนก็พุ่งเข้ามา ฝู้หลินจ้านชิงพูดก่อนว่า “มีคนพบศพของซิงโล่เฉิน”
อะไรนะ ศพของซิงโล่เฉิน
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูกับจื่อเซียวต่างก็ตกใจจนนิ่งอึ้ง รีบถามพวกเขาว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่
มู่จิ่งหยวนเล่าต่ออย่างละเอียดว่า “เมื่อครู่ตอนที่พวกเราตามหาจูนจิ่วกับชิงหยู่ ได้ยินเสียงของลูกศิษย์สำนักศึกษาเทียนซูที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู พลางวิ่งพลางตะโกน ว่าเห็นศพของซิงโล่เฉินที่ตำหนักด้านข้างทางทิศเหนือ”
“ความจริงเป็นอย่างไรนั้นพวกเราไม่รู้ ไม่สู้ไปดูให้เห็นกับตาตัวเองดีกว่า ”ฝู้หลินจ้านพูด
แน่นอนว่าต้องไปดู
จูนจิ่วกับชิงหยู่ และซิงโล่เฉินถือได้ว่าหายตัวไปเกือบจะพร้อมกัน ทุกคนต่างมั่นใจว่าพวกเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกัน กระทั่งคิดว่าซิงโล่เฉินจับตัวพวกเขาไป แต่ตอนนี้กลับมีข่าวแพร่ออกมาว่าซิงโล่เฉินตายแล้ว ใครได้ยินก็ต้องตกใจจนตัวสั่น
พวกเขารีบออกไปทันที
ตอนที่พวกเขาไปถึง ตำหนักข้างนี้ได้ถูกหน่วยกล้าตายของเทียวฉิวล้อมไว้หมดแล้ว เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็เพิ่งจะมาถึง ข้างหลังยังมีหงยิงที่ต้องให้คนช่วยพยุงยืนอยู่ พวกเขาต่างยืนนิ่งอยู่หน้าประตูตำหนักข้าง มองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย
พวกฝู้หลินจ้านเงยหน้าขึ้นดู ต่างก็สูดลมหายใจเฮือก
เห็นเพียงหัวของซิงโล่เฉินที่เหลือแค่ซีกซ้ายซีกเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นซิงโล่เฉินไม่ผิด
ซิงโล่เฉินถูกมีดสั้นหลายเล่มตรึงเอาไว้กับกรอบประตู มือขวายังแบออกทำท่าเหมือนเชื้อเชิญ ราวกับกำลังเชิญให้พวกเขาเข้าไปในตำหนักข้าง
ช่างลึกล้ำช่างแปลกประหลาดช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว ใครฆ่าซิงโล่เฉิน ทั้งยังให้เขาทำท่านี้