บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 456 เริ่มต้นด้วยความหวานซึ้งลงท้ายด้วยโศกนาฏกรรม
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่ 456 เริ่มต้นด้วยความหวานซึ้งลงท้ายด้วยโศกนาฏกรรม
สถานการณ์ในสำนักศึกษาเทียนซูตกตะกอนเร็วมาก หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวได้เปลี่ยนเจ้านายใหม่ด้วยพิษกู่ เชื่อฟังและถวายความจงรักภักดีให้แก่นายคนใหม่ เหล่าลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนซูตกอยู่ในม่านหมอกพิษของดอกโล๋ ถูกทำการกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะถึงเวลาพลบค่ำในวันเดียวกันนั้น สำนักศึกษาเทียนซูก็กลับสู่ภาวะสงบเงียบ
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีข่าวใดๆแพร่สะพัดออกไปเลยแม้แต่น้อย คนข้างนอกยังไม่มีใครรู้ ว่าสำนักศึกษาเทียนซูได้เปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่แล้ว
ถึงแม้จะพูดออกไป ก็เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อ ทั้งหมดนี้ ก็ต้องให้เวลาเป็นตัวคลี่คลายแล้ว
ช่วงพลบค่ำ จูนจิ่วก็พบเข้ากับป้าฟางที่ค่อยๆเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าที่ลังเลใจ สีหน้านางสับสนซับซ้อน ขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองเห็นจูนจิ่ว ก็คิดอยากจะหนีเตลิดจากไปด้วยซ้ำ
จูนจิ่วเอ่ยปากขึ้นร้องหยุดป้าฟางเอาไว้ก่อน “จะพูดอะไรก็เข้ามาพูดเถอะ”
ป้าฟางกำลังอ้าปาก เห็นจูนจิ่วหมุนตัวเดินเข้าไปข้างใน นางก็กัดฟันแต่ก็ยังเดินตามเข้าไป
ในห้องของจูนจิ่วเงียบสงบมาก เตาไฟมีควันพวยพุ่งออกมา มีกลิ่นหอมจางๆของยากระจายออกมาซึมซาบเข้าไปในหัวใจ พอเข้ามาแล้ว ป้าฟางรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในห้องที่มีมากขึ้นได้อย่างชัดเจน จูนจิ่วรินน้ำชาให้กับป้าฟางแก้วหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงตรงข้าม
เสี่ยวอู่นอนอยู่บนโต๊ะ เอียงหัวไปถูไถกับนิ้วมือของจูนจิ่วที่ยื่นเข้ามา
พลางลูบเสี่ยวอู่ จูนจิ่วก็พลางมองไปทางป้าฟาง“พูดเถอะ”
เห็นท่าทีลังเลของป้าฟางโดยไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี จูนจิ่วจึงเลิกคิ้วยิ้มเย็นเอ่ยขึ้นว่า “ก็ลองเล่ามาก่อนว่าท่านมาทำไม เล่าว่าท่านรู้จักกับท่านแม่ข้าได้อย่างไร”
“ได้”ป้าฟางพยักหน้า
เดิมทีนางคิดจะเก็บเรื่องทั้งหมดที่รู้ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ ไม่บอกกับจูนจิ่ว แต่เป็นเพราะนางเห็นตู๋กูชิงเข้าแล้ว ป้าฟางรู้ในทันทีว่า เวลานี้จะปิดบังซ่อนเร้นก็มีแต่จะเป็นการทำร้ายจูนจิ่วเท่านั้น ฉะนั้นนางจึงสับสนวุ่นวายใจอยู่เป็นเวลาหนึ่งวันสุดท้ายก็ตัดสินใจมาหาจูนจิ่ว
“เพราะเรื่องสัญญาแต่งงานที่ตู๋กูชิงพูดถึง ข้าจึงได้มา สิ่งที่ข้าอยากจะพูดมีมากมายนัก เพื่อให้เจ้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น ข้าจะเริ่มเล่าจากตอนที่ข้าเริ่มรู้จักคุณหนูม่านตงก่อนแล้วกัน ”
ป้าฟางพูดว่า “คุณหนูม่านตงมาที่ตำหนักไท่หวงเมื่อยี่สิบปีก่อน นางเป็นคุณหนูของตระกูลสูงศักดิ์ในชั้นกลางสามชั้น ฐานะของนางสูงส่งมาก ที่นางมาตำหนักไท่หวง ก็เพื่อที่จะทำภารกิจฝึกฝนเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ ข้าในตอนนั้น เป็นบ่าวรับใช้ที่ถูกตำหนักไท่หวงส่งไปรับใช้นาง”
น้ำเสียงของป้าฟางเต็มไปด้วยความทรงจำและความคิดถึง นางจ้องมองจูนจิ่วราวกับมองเห็นม่านตงผ่านจูนจิ่วอย่างไรอย่างนั้น
มือที่กำลังจับเสี่ยวอู่ของจูนจิ่วชะงักไป หรี่สายตาเย็นชาลง ท่านแม่ของนางมาจากชั้นกลางสามชั้น จูนจิ่วเคยคาดเดาเอาไว้ว่าสถานะของม่านตงนั้นคงไม่ธรรมดา แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะไม่ใช่คนจากชั้นต่ำชั้นสาม ตระกูลชนชั้นสูงจากชั้นกลางสามชั้น เหมือนกับระบอบราชวงศ์อยู่บ้าง
ป้าฟางพูดต่อไปว่า “คุณหนูม่านตงเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา นางทำภารกิจสำเร็จแล้วแต่ก็ยังไม่จากไป แต่เลือกที่จะท่องเที่ยวไปทั่ว และเป็นเช่นนี้เอง นางจึงได้รู้จักกับพ่อของเจ้าจูนหมิงเย่”
นั่นเป็นนิทานที่แสนจะหวานซึ้งเรื่องหนึ่ง เพียงแต่เสียดายที่มีจุดเริ่มต้นแสนหวาน และผ่านเรื่องราวที่มีความสุขไปแล้ว จุดจบกลับเป็นโศกนาฏกรรม
“สถานะของคุณหนูม่านตง ไม่อนุญาตให้นางได้แต่งงานกับคนที่อยู่ในชนชั้นต่ำกว่าแน่นอน ชายหนุ่มที่แม้แต่พลังก็ยังไม่บรรลุถึงนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง คนของตระกูลของคุณหนูม่านตงส่งคนมาพานางกลับไป”
“เดี๋ยวก่อน ท่านแม่ของข้าไม่ตายหรือ”จูนจิ่วขมวดคิ้วตัดบทป้าฟาง
ป้าฟางพยักหน้า “ใช่ คุณหนูม่านตงไม่ตาย และพ่อของเจ้าก็เช่นกัน ตอนนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ข้ารู้ ถ้าหากการมีตัวตนอยู่ของเจ้าถูกตระกูลนั้นรู้เข้า พวกเขาจะฆ่าเจ้า ฉะนั้นพวกเขาจึงทิ้งเจ้าเอาไว้และส่งกลับไปที่แคว้นเทียนโจ้ง จูนหมิงเย่ได้ไล่ตามไปที่ชั้นกลางสามชั้นเพื่อค้นหาคุณหนูม่านตงแล้ว”
ขณะเล่า ป้าฟางก็คอยสังเกตสีหน้าของจูนจิ่วอย่างระมัดระวัง
แต่นางไม่เห็นอะไรเลย จูนจิ่วนอกจากขมวดคิ้วใช้ความคิดแล้ว ก็ไม่เห็นอารมณ์อื่นใดอีก ป้าฟางไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่ แต่พอนึกถึงความปลอดภัยของจูนจิ่ว นางก็ตัดสินใจพูดต่อไป “จูนจิ่ว พ่อของเจ้าไปยังชั้นกลางสามชั้น นานแล้วก็ไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา เกรงว่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”
ป้าฟางพูดอย่างอ่อนโยน พูดตรงๆก็คือ ด้วยสถานะและพลังของจูนหมิงเย่ เดิมทีคนของตระกูลคุณหนูม่านตงก็ต้องการจะฆ่าเขาอยู่แล้ว เพียงแต่คุณหนูม่านตงขัดขวางเอาไว้ จูนหมิงเย่ตามไป ก็เท่ากับรนหาที่ตายเท่านั้น
คิดถึงตรงนี้ สายตาที่ป้าฟางมองจูนจิ่วก็เต็มไปด้วยความสงสารเต็มประดา
เกิดมาก็ต้องสูญเสียพ่อแม่ อีกทั้งยังมีคนอยากจะฆ่านางตลอดเวลา หลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ป้าฟางก็ถูกตำหนักไท่หวงเนรเทศ นางเกรงว่าถ้าไปหาจูนจิ่วแล้วต้องเปิดเผยความจริง ฉะนั้นจึงไม่กล้าไปตามหาจูนจิ่ว หลังจากนั้นพอเจอกับจูนจิ่ว ก็คิดแต่อยากจะซ่อนตัวนางเอาไว้ รีบไล่กลับไป
หลังจากนิ่งขรึมอยู่นานจูนจิ่วก็เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อท่านเคยเป็นสาวใช้ของแม่ข้ามาก่อน เช่นนั้นท่านก็รู้สินะว่าสัญญาแต่งงานที่ตู๋กูชิงพูดถึงนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่ ”
“ข้าไม่รู้”ป้าฟางส่ายหน้าอย่างลังเลใจ
นางพูดว่า “เจ้าตำหนักตู๋กูตอนนั้นอายุแค่สิบกว่าปี ข้ารู้แค่ว่าเขารู้จักคุณหนูม่านตง อีกทั้งของแทนคำมั่นสัญญาในมือของเขาเป็นสิ่งที่คุณหนูม่านตงมอบให้เขาจริงๆ แต่เรื่องสัญญาแต่งงาน คุณหนูม่านตงไม่เคยเอ่ยกับข้ามาก่อน ”
ถ้าเช่นนั้นหรือว่าสัญญาแต่งงานจะเป็นเรื่องจริง ตู๋กูชิงเป็นว่าที่สามีของเจ้านายจริงหรือ ขนปุกปุยของเสี่ยอู่ชี้ฟูไปทั้งตัว
จูนจิ่วรู้สึกว่าเสี่ยวอู่ยังถือว่าดีอยู่ ปีศาจที่อยู่ข้างหลังต่างหากที่จะระเบิดขึ้นมาจริงๆ
ป้าฟางไม่รู้ความคิดของจูนจิ่ว นางยังคงพูดต่อไปว่า “ในตำหนักไท่หวงมีเจ้าตำหนักทั้งหมดเจ็ดคน เจ้าตำหนักสามในเจ็ดคนที่แข็งแกร่งที่สุดอายุมากที่สุดได้ทำการเก็บตัวเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว เจ้าตำหนักคนหนึ่งร่างกายอ่อนแอต้องพักฟื้น ไม่พบเจอคนข้างนอกง่ายๆ อำนาจทั้งหมดของตำหนักไท่หวง จึงตกอยู่ในมือของเจ้าตำหนักที่เหลืออีกสามคน ”
“แม้จะพูดว่าตู๋กูชิงเป็นหนึ่งในเจ้าตำหนักทั้งเจ็ดที่อายุน้อยที่สุด แต่อำนาจของเขายิ่งใหญ่ที่สุดเจ้าตำหนักอีกสองคนรวมกันจึงจะสามารถต่อต้านเขาได้ คนภายนอกบอกว่าเขาอ่อนโยนดุจสายลม ที่จริงตู๋กูชิงอันตรายยิ่งนัก สามารถแย่งชิงอำนาจจากเจ้าตำหนักอีกสองคนมาได้ เขาจะทำด้วยวิธีการที่ใสสะอาดได้อย่างไร”
แม้ว่าป้าฟางจะไม่ได้อยู่ในตำหนักไท่หวงแล้ว แต่สัญชาตญาณของนางแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับจูนจิ่ว
ดูจากภายนอกแล้วการที่จูนจิ่วกับตู๋กูชิงมีสัญญาแต่งงานกันนั้นเป็นเรื่องที่ดี เช่นนี้ถ้าสถานะที่แท้จริงของจูนจิ่วถูกเปิดเผย ไม่แน่ตู๋กูชิงยังสามารถช่วยปกป้องจูนจิ่วได้ แต่ว่า ป้าฟางรู้ดีว่าตำหนักไท่หวงนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด ทุกที่แฝงไปด้วยความอันตรายถึงแก่ชีวิต สถานที่เช่นนี้ ด้วยพลังนักจิตใหญ่ชั้นเก้าของตู๋กูชิงก็สามารถตั้งตนเป็นอิสระกับเจ้าตำหนักอื่นๆของแดนราชาทิพย์ได้ ไม่รู้สึกประหลาดใจหรือ
ป้าฟางชอบความปลอดภัย นางเคยทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายที่สุด ก็คือการช่วยเหลือให้ม่านตงและจูนหมิงเย่ได้อยู่ด้วยกัน สุดท้ายทุกคนก็รู้เข้า ป้าฟางรู้สึกเสียใจตลอดชีวิต
นางพูดกับจูนจิ่วว่า :“จูนจิ่ว เห็นแก่คุณหนูม่านตง ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้าแน่นอน ขอให้เจ้าเชื่อใจข้า เจ้าอย่าไปตำหนักไท่หวงเลย”
“ข้าเคยบอกเมื่อไหร่กันว่าจะไปตำหนักไท่หวง”จูนจิ่วมองป้าฟางด้วยสายตาเย็นชาเรียบเฉย
“แต่ตู๋กูชิงมา ก็เพื่อจะรับเจ้าไปยังตำหนักไท่หวง สัญญาแต่งงานเป็นเรื่องจริงหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่เจ้าจะไปไม่ได้ เจ้าอยู่ที่นี่ยังนับว่าปลอดภัย แต่ถ้าไปที่ตำหนักไท่หวงแล้วถูกคนอื่นรู้เข้าว่าเจ้าเป็นลูกสาวของคุณหนูม่านตง แล้วส่งข่าวไปยังชั้นกลางสามชั้น คนพวกนั้นต้องไล่ล่าเพื่อฆ่าเจ้าแน่ ”ป้าฟางพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
จูนจิ่วนิ่งขรึมไร้ซึ่งคำตอบ
จูนจิ่วส่งป้าฟางออกไปแล้ว คำพูดของนางจูนจิ่วจดจำไว้ทุกคำ อุ้มเสี่ยวอู่หันหลังกลับไป จูนจิ่วเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “อู๋เยว่ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร”
“สัญญาแต่งงานเป็นเรื่องไม่จริง ที่ตู๋กูชิงต้องการถ้าไม่ใช่สถานะของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ก็คงจะเป็นกุญแจเวลา ”โม่อู๋เยว่เกินออกมาจากฉากกั้น เขายืนฟังการสนทนาของป้าฟางกับจูนจิ่วอยู่ข้างหลังตลอดเวลา
“หรือบางทีอาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง”จูนจิ่วแววตาเย็นยะเยือก