บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 469 จะให้สาวงามลงมือได้อย่างไร
องครักษ์พุ่งเข้ามาทำให้กลุ่มคนแตกฮือ กระจายตัวออกไปล้อมรอบตัวจูนจิ่วกับลี่หยุนซูเอาไว้ ในขณะที่ลี่หยุนซูกำลังมึนงง องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าก็หันมาคำนับลี่หยุนซู “ขอคุณหนูใหญ่โปรดถอยไปก่อน ให้พวกข้าได้ทำการจับกุมเจ้าหัวขโมย”
“อะไรนะ”ลี่หยุนซูตกตะลึงจนเบิกตากว้าง
นางมองตามนิ้วมือของหัวหน้าองครักษ์ออกไปจนพบเข้ากับจูนจิ่ว จูนจิ่วยิ้มอย่างเรียบเฉย ปากโค้งขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก ตอนนี้เองเสี่ยวอู๋ที่ไม่รู้ว่าวิ่งไปไหนมากลับมาแล้ว กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของจูนจิ่วอย่างปราดเปรียวและร้องเหมียวๆ
เสี่ยวอู่พูดว่า “เจ้านาย องครักษ์เหล่านี้ได้เตรียมการมาก่อนแล้ว ข้ากับเหลิ่งยวนพบว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งสั่งการคนพวกนี้ให้กระทำการเช่นนี้ นางต้องการใส่ร้ายว่าท่านเป็นขโมย”
“เป็นใคร รู้จักหรือไม่ ”จูนจิ่วถาม
เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆส่ายหัว พวกนางไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ช่างน่าแปลกใจจริงๆทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องการจ้องจะหาเรื่องจูนจิ่วด้วย
จูนจิ่วมองไปยังคนพวกนั้นอย่างเย็นชา ลี่หยุนซูกำลังถามพวกเขาด้วยความโมโห “พูดจาเหลวไหล ขโมยอะไรกัน น้องจูนเป็นแขกที่ข้าเชิญมาเอง”
หัวหน้าองครักษ์นิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ได้รับคำสั่งมาเช่นกัน ถูกลี่หยุนซูตำหนิเข้าให้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมาทันที ลี่หยุนซูมีสถานะสูงส่ง ไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินไม่เชื่อฟังได้
ตอนนี้เอง เมี่ยวยู่เอ๋อก็พูดอะไรบางอย่างกับผู้ดูแล ผู้ดูแลงานเดิมพันหินทิพย์พยักหน้ารับทันที จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้ามา เขายืดอกเชิดหน้าขึ้น ยืดพุงที่อ้วนใหญ่ของเขาออกมา “เป็นนางไม่ผิดแน่ พวกเจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม รีบจับตัวเจ้าขโมยสิ”
“ผู้ดูแลหลี่ เจ้าว่าอะไรนะ”ลี่หยุนซูจ้องผู้ดูแลหลี่
ผู้ดูแลหลี่ได้คำนับลี่หยุนซูอย่างเคารพนอบน้อมก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็มองไปทางจูนจิ่ว สีหน้าโมโหเปิดปากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่“ คุณหนูใหญ่ลี่คงยังไม่ทราบ คนคนนี้ชื่อจูนจิ่ว บังอาจแฝงตัวเข้ามาในตำหนักไท่หวง ยังขโมยป้ายคำสั่งของเจ้าตำหนักตู๋กู ฉะนั้นจึงสามารถปลอมสถานะเข้ามาในตำหนักไท่หวงของพวกเราได้”
“คุณหนูใหญ่ลี่ ท่านต้องถูกนางหลอกแน่ๆ ขอเชิญคุณหนูใหญ่ลี่ถอยห่างออกมาด้วย เกรงว่าจะถูกโจรทำร้ายได้ ส่วนการเดิมพันหินทิพย์ของโจรผู้นี้ จะถูกยึดเป็นของหลวงทั้งหมด ”สายตาของผู้ดูแลหลี่เหลือบมองไปยังหินทิพย์ข้างกายจูนจิ่ว อยากจะได้จนน้ำลายหก
หินทิพย์ชั้นที่สี่เป็นของล้ำค่ามาก และมีมูลค่ามากเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินทิพย์ชั้นที่ห้าอีกเม็ดที่มีอยู่
ใต้เท้าเมี่ยวยู่เอ๋อบอกแล้วว่า ขอเพียงเขาจับตัวจูนจิ่วได้หินทิพย์เหล่านี้ล้วนมอบให้เขาเป็นรางวัล ผู้ดูแลหลี่คิดแล้วก็มีความสุขจนน้ำลายไหลยืด รู้สึกอดใจรอไม่ไหวอีกต่อไป “เร็วเข้า จับตัวขโมยคนนี้เอาไว้”
“บังอาจ”ลี่หยุนซูตะคอกเสียงดัง
นางรู้ดีกว่าใครว่าจูนจิ่วนั้นไม่ใช่ขโมย นางเห็นกับตาตนเองว่าจูนจิ่วเดินลงมาจากรถหงส์เก้าม้า ยังมีผางเจียเยว่ที่คอยดูแลอย่างพินอบพิเทา จะกลายเป็นขโมยได้อย่างไร นางยังเคยถามเมี่ยวยู่เอ๋อ นางก็บอกว่าจูนจิ่วเป็นแขกคนสำคัญ เจ้าพวกงี่เง่าไร้สมองเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าจับผิดตัวแล้ว
ลี่หยุนซูยกมือขึ้นกำด้ามมีดเอาไว้จะดึงออกมา เวลานี้เองมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาขวางที่แขนของนางเอาไว้ ลี่หยุนซูหันกลับไป ทั้งตกใจทั้งไม่เข้าใจ “น้องจูนเจ้าจะขวางข้าไว้ทำไม ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนพวกงี่เง่านี้เอง”
“ในเมื่อบอกว่าเป็นพวกงี่เง่า แล้วจะให้สาวงามลงมือได้อย่างไร เหลิ่งยวน สั่งสอนให้ข้าที”คำพูดแรกหยอกคนลี่หยุนซูหน้าแดง คำพูดสุดท้ายกลับดุร้ายหยิ่งยโส พยศถึงขีดสุด
เห็นเพียงเงาสีดำที่ไหววูบ เหลิ่งยวนกำหมัดชกออกไปหนึ่งหมัดจนทำให้องครักษ์ที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าทั้งแปดคนปลิวออกไป ชั่วพริบตานั้นทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติ แต่พอเห็นองครักษ์ที่ปลิวออกมาจากทั่วทุกทิศทางก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที แม่เจ้า แขกที่มาเข้าร่วมงานเดิมพันหินทิพย์ต่างก็ถอยหลังหลบไปอยู่ไกลๆ
องครักษ์ร่วงหล่นลงบนพื้นเป็นระนาว ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด ยังเหลือผู้ดูแลหลี่ที่ยังคงยืนอยู่ ตกใจจนสองขาสั่นเทา “เจ้า เจ้าเป็นใคร ”
สมควรตาย ทำไมจึงมีคนคอยอารักขาจูนจิ่วด้วย เมี่ยวยู่เอ๋อกำหมัดคว้าเสาเอาไว้
แต่ชั่วพริบตา เมี่ยวยู่เอ๋อก็ยิ้มออกมา อย่างนี้ก็ยิ่งนี้ ตอบโต้กลับมีเพียงแต่จะเป็นการยืนยันว่าจูนจิ่วเป็นหัวขโมยจริงๆ คำพูดเดียวก็ใช้ตัดสินใจได้ไม่มีทางที่นางจะได้แก้ตัว ขอเพียงหงยิงขวางเจ้าตำหนักไว้ได้ เจ้าตำหนักไม่รู้ก็ไม่มีใครสามารถปกป้องจูนจิ่วเจ้าคนต่ำช้าคนนี้ได้ นางต้องล้างแค้นให้ซิงโล่เฉินให้ได้
ส่วนเหลิ่งยวน เมี่ยวยู่เอ๋อไม่พอใจ องครักษ์เหล่านี้ไม่ได้เรื่อง เช่นนั้นถ้าเป็นองครักษ์เหล็กของตำหนักไท่หวงเล่า เขายังจะสู้ได้อีกหรือไม่
“น้องจูน เขาเป็นองครักษ์ของเจ้าจริงหรือ หล่อมาก ”ลี่หยุนซูตกตะลึง สายตาเอาแต่จ้องมองไปยังเหลิ่งยวน ครั้งที่แล้วนางก็มองอยู่หลายแวบ ครั้งนี้มองดูอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าเหลิ่งยวนนั้นหล่อเหลาเอาการมาก ตอนนี้ใช้หมัดชกไปทั้งสี่ทิศ ขาก็เตะองครักษ์ ทุกคนถูกซ้อมจนเหมือนหมาตัวหนึ่ง
องครักษ์ที่หล่อขนาดนี้ไปหาได้ที่ไหนกัน หามาให้สักหนึ่งโหลได้หรือไม่
หล่อหรือ หูของเสี่ยวอู่ตั้งขึ้น พึมพำเหมียวๆว่า เจ้านายข้าลงมือเองยังหล่อยิ่งกว่า หล่อระเบิดเลย
จูนจิ่วไม่ได้ตอบลี่หยุนซู นางกำลังไตร่ตรองถึงผู้หญิงคนนั้นที่ต้องการจะใส่ร้ายนางเพราะเรื่องอะไรกันแน่ เอ่ยปากออกมาก่อนเลยว่าป้ายคำสั่งนั้นนางขโมยมา เช่นนี้ก็ไม่สามารถเอาป้ายคำสั่งออกมายืนยันตัวตนได้ คนคนนี้ต้องรู้แน่ว่านางเป็นแขกของตู๋กูชิง
ถัดมา ทำไมต้องใส่ร้ายนาง มีความแค้นหรือ
คิดถึงเรื่องความแค้น คนแรกที่จูนจิ่วนึกขึ้นได้ก็คือหงยิง แต่ไม่ใช่หงยิง เพราะเสี่ยวอู่กับเหลิ่งยวนล้วนไม่รู้จัก เช่นนั้น ชั่วขณะนั้นแสงไฟสว่างวาบขึ้น จูนจิ่วแววตาเย็นยะเยือก นางคิดออกแล้ว มีเพียงคนที่เกี่ยวข้องกับซิงโล่เฉินเท่านั้น
เงยหน้าขึ้น จูนจิ่วสายตาเย็นชาคมกริบ จ้องตรงไปยังที่มาของสายตาที่เอาแต่จ้องมองนางด้วยเจตนาร้าย ระยะห่างไกลเกินไป นางเห็นเพียงมีคนคนหนึ่งไหวตัวหลบไป นางเดาถูกแล้วหรือ
“ใครบังอาจกล้าก่อเรื่องในตำหนักไท่หวง”เสียงดุจฟ้าผ่าดังขึ้น องครักษ์เหล็กของตำหนักไท่หวงร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า ชั่วพริบตาก็ล้อมรอบพวกจูนจิ่วเอาไว้ ดาบที่ชี้ออกไปเต็มไปด้วยความดุดัน
ผู้ดูแลหลี่ร้องตะโกนขึ้น “เป็นนาง พวกนางยังจี้ตัวคุณหนูใหญ่ลี่เอาไว้ด้วย”
ลี่หยุนซู :??
แม่เอ๊ยน่าไม่อาย อะไรที่ว่านางถูกจี้ตัวเอาไว้
ลี่หยุนซูกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย ก็มีเสียงที่แฝงไปด้วยความโมโหแทรกเข้ามา ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนเงียบสงัด เขาพูดว่า “บังอาจ”
“ชิ” เหลิ่งยวนแบะปากอย่างรังเกียจ เขาถอยไปยืนอยู่ด้านหลังของจูนจิ่วขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณเสียง“แม่นางจูน เจ้าคนหลอกลวงหน้าไม่อายบางคนมาแล้ว ”
คอยป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวแม่นางจูน น่าไม่อาย ยังหลอกแม่นางจูนว่ามีสัญญาแต่งงานกัน เขาไม่ใช่คนหลอกลวงแล้วจะเป็นใคร
“พี่ตู๋กู”ลี่หยุนซูเงยหน้าขึ้นมองตู๋กูชิง ความตกใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น รีบหันหน้าไปหาจูนจิ่วพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดีมากเลย พี่ตู๋กูมาแล้ว คราวนี้ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่ขโมย เจ้าโง่พวกนนี้ ข้าต้องลงโทษพวกเขาให้สาสมทีเดียว”
จูนจิ่วไม่ตอบ นางเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชามองไปยังมุมก่อนหน้านี้ คนคนนั้นพอเห็นตู๋กูชิง เห็นได้ชัดว่าตกใจกลัวเป็นอย่างมาก รีบซ่อนตัวหลบทันที
น่าสนใจ
จูนจิ่วส่งสัญญาณเสียงให้กับเหลิ่งยวน “ไปเฝ้าดูผู้หญิงคนนั้นเอาไว้”
“แล้วแม่นางจูนเล่า ”เหลิ่งยวนลังเล เงยหน้าจ้องไปยังตู๋กูชิงอย่างไม่เป็นมิตร ถ้าหากเขาไปแล้ว ตู๋กูชิงลงมือกับแม่นางจูนจะทำอย่างไร
รู้ถึงความกังวลของเหลิ่งยวน จูนจิ่วยิ้ม บอกให้เหลิ่งยวนวางใจ ตอนนี้ตู๋กูชิงยังไม่ลงมือแน่ นางปลอดภัยมาก เหลิ่งยวนจึงถอยหลังหายเข้าไปในความมืด ไปจับตาดูผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ กล้าวางแผนใส่ร้ายแม่นางจูน เจ้าซวยแน่
“จูนจิ่ว”ได้ยินเสียงเรียก จูนจิ่วก็หันไปสบเข้ากับสายตาที่ลึกซึ้งอ่อนโยนจนทำให้ขนลุกของตู๋กูชิง
เขาเอ่ยอย่างขออภัยว่า “ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทำให้เจ้าลำบากแล้ว ข้าจะคำตอบที่เจ้าพอใจแน่”
หางตาของจูนจิ่วเหลือบไปเห็นสีหน้าตกตะลึงของลี่หยุนซู