บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่101ใครก็ตามที่ขัดขวางนางต้องตาย
บทที่101ใครก็ตามที่ขัดขวางนางต้องตาย
“ว่าไงนะ!นางคือจูนจิ่วงั้นเหรอ!จะเป็นไปได้ยังไง!ไม่มีทางที่นังแพศยาคนนั้นจะมีความสามารถขนาดนี้ต่อให้เป็นฝีมือของไท่ซ่างฮ่องก็ไม่สามารถทำเสร็จได้ภายในสามวันไม่มีทางที่จะเป็นนางไปได้!”
เวลานี้ที่สำนักเทียนโจ้งจูนหยูนเสวี่ยอยู่ข้างในนี้เสียงแหลมของซั่งกวนอี่หรงดังแสบหูขึ้นมา
หลังจากที่ดูห้องข้างในนางกับจูนสงเทียนก็ค่อยๆจ้องมองจูนหยูนเสวี่ยพอเห็นว่าทั่วทั้งร่างของจูนหยูนเสวี่ยเต็มไปด้วยบาดแผลใบหน้าฟกช้ำไม่มีใครที่แสดงความเป็นห่วงแผลในตัวของจูนหยูนเสวี่ยเลยแต่กลับไปซักถามจูนหยูนเสวี่ยว่าไปผิดใจกับใครมา!
หลังจากที่ได้รู้ว่าเป็นฝีมือของจูนจิ่วคนเดียวซั่งกวนอี่หรงกับจูนสงเทียนก็ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินมาเลย
จูนสงเทียนกำหมัดแล้วทุบโต๊ะจนเกิดเสียงดังปังออกมาเขาจ้องมองจูนหยูนเสวี่ยด้วยความโกรธ“ไม่มีทางที่จะเป็นจูนจิ่ว!คนไร้ประโยชน์พันธุ์นั้นไม่มีทางมีความสามารถมากขนาดนี้ตระกูลจูนของพวกเราเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานานนับหลายร้อยปี!ยิ่งมีลุงห้าของเจ้าค่อยวางรากฐานให้ไม่มีใครที่จะมาเขย่าขวัญของอำนาจของตระกูลจูนได้หรอก?”
“จูนจิ่วไท่ซ่างฮ่องตระกูลหยุนรวมกันยังไม่มีความสามารถขนาดนี้จะต้องมีคนอื่นอีกแน่!ในสิบแคว้นนี้ที่เหลืออีกเก้าแคว้นก็ยังไม่มีใครที่มีความสามารถขนาดนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอู๋อจง!เสวี่ยเอ๋อร์พูดความจริงออกมาเถอะว่าตกลงเจ้าไปผิดใจกับใครที่ไหนมา?”ซั่งกวนอี่หรงก็จ้องจูนหยูนเสวี่ยแล้วซักถามคำตอบจากนาง
พอเห็นพ่อแม่ตัวเองแสดงท่าทีที่ดุร้ายแล้วทำเหมือนนางเป็นนักโทษที่กำลังถูกซักถามคำตอบจูนเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เจ็บเพียงร่างกายจิตใจของนางก็ได้รับผลกระทบไปด้วย!และในเวลาเดียวกันจูนเสวี่ยเอ๋อร์ก็รู้สึกไม่พอใจอย่างแรง
นางกัดฟันด้วยความโกรธ“ทำไมพวกท่านถึงโทษข้า!อู๋อจงอะไรกัน?ตอนที่ข้าอยู่ที่สำนักเทียนโจ้งนอกจากจูนจิ่วแล้วยังมีใครที่กล้ามาต่อกรกับข้ออีก?ที่หยุนฉองจิ่นพูดแบบนี้ก็เพื่อหลอกพวกท่านแต่พวกท่านกลับเชื่อในคำพูดของเขา?”
“สามหาว!เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดจากับพ่อของตัวเองแบบนี้?”จูนสงเทียนพูดด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อยจูนจิ่วหลังจากที่ทำร้ายข้าก็พูดออกมาเองกับปากว่านางให้ข้ามาบอกกับพวกท่านว่านี่มันแค่จุดเริ่มต้น!แต่พวกท่านกลับไม่เชื่อข้า?”
“เสวี่ยเอ๋อร์อย่าพูดจาเหลวไหลจูนจิ่วนังแพศยาคนนั่นไม่มีทางที่จะมีความสามารถขนาดนี้เจ้าลองคิดดูดีๆ”ซั่งกวนอี่หรงก็ยังไม่เชื่อแล้วบอกให้จูนเสวี่ยเอ๋อร์ลองคิดดูอีกที
พอเห็นพ่อแม่ตัวเองแสดงท่าทีแบบนี้จูนเสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง
นางก้มหน้าไม่พูดอะไรใจเต็มไปด้วยความแค้นตั้งแต่เกิดมานางก็มีชีวิตที่สุขสบายมาตลอดพอโตมาก็ถูกทุกคนชื่นชมจนถูกเรียกว่าเป็นเทพธิดาไม่เคยทำอะไรผิดพลาดมาก่อนแต่พอได้มาเจอกับจูนจิ่วก็ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นไปตามที่นางต้องการเลย!ล้วนเป็นเพราะจูนจิ่วทุกอย่างเป็นความผิดของนาง!
แผลตามตัวทำให้จูนหยูนเสวี่ยแสบไปทั้งร่างนางจึงสาบานว่านางจะต้องทำให้จูนจิ่วตายทั้งเป็น!จะต้องแก้แค้นให้ได้
พอเงยหน้าขึ้นมาดวงตาสีฟ้าของจูนหยูนเสวี่ยทำได้แค่มองต่ำลงมานิดนึงนางจ้องมองไปที่จูนสงเทียนกับซั่งกวนอี่หรงแล้วเปิดปากพูดขึ้นมา“ตอนนี้ตระกูลจูนไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อกรกับตระกูลหยูนซึ่งๆหน้าได้ถ้าเกิดพวกท่านไม่อยากให้ตระกูลจูนต้องถูกจูนจิ่วหรือตระกูลหยูนทำลายล่ะก็พวกท่านก็ต้องพึ่งพาของสามารถของข้า!”
“อู๋อจงจะมาคัดเลือกลูกศิษย์ก่อนกำหนดขอแค่ข้าถูกเลือกเข้าไปในอู๋อจงถึงเวลานั้นตระกูลหยูนยังมีอะไรน่ากลัวอีก?ตระกูลจูนของเราก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วเราจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งไม่แน่อาจจะกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของแคว้นเทียนโจ้งก็ได้!”
คำพูดของจูนหยูนเสวี่ยทำให้จูนสงเทียนกับซั่งกวนอี่หรงเกิดความหวั่นไหวขึ้นในใจ
อำนาจที่อยู่ในกำมือตระกูลหยูนไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อ่อนแออีกต่อไปกลับกันยังเป็นภัยสุดๆแต่ถ้าเกิดว่าจูนหยูนเสวี่ยได้รับเลือกเป็นลูกศิษย์ของอู๋อจงจริงๆล่ะก็ความลำบากที่เจอในตอนนี้ก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปถึงเวลานั้นการที่จะทำลายตระกูลหยูนให้พังพินาศก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
พอคิดมาจนถึงตรงนี้จูนสงเทียนกับซั่งกวนอี่หรงก็รีบเปลี่ยนสีหน้ากลับไปเป็นสีหน้าที่อบอุ่นทั้งทีซั่งกวนอี่หรงไปนั่งข้างๆจูนหยูนเสวี่ยแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย“จูนหยูนเสวี่ยที่น่าสงสัยของแม่ทำไมถึงมีแผลเต็มตัวขนาดนี้ยัยจูนจิ่วนั่นน่าจะตายๆไปซะ!
“เสวี่ยเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงผู้เป็นพ่อคนนี้จะเป็นคนฆ่าจูนจิ่วแก้แค้นแทนในส่วนของเจ้าเอง!เจ้าค่อยรักษาแผลของเจ้าให้ดีๆเจ้าควรให้ความสำคัญกับงานคัดเลือกลูกศิษย์ของอู๋อจงเป็นอันดับแรก!”
จูนหยูนเสวี่ยกำมือแน่น“ท่านพ่อท่านควรลงมือตั้งแต่ตอนนี้!ไปหาคนมาฆ่าจูนจิ่วให้ได้!”
“ตอนนี้?”
“ถูกต้องอย่าได้มองฝีมือของจูนจิ่วต่ำไปแผลในตัวของข้าล้วนเป็นฝีมือของนางทั้งนั้นก่อนที่คนของอู๋อจงจะมาถึงจะต้องฆ่าจูนจิ่วให้ได้ไม่งั้น จำนวนของลูกเมล็ด ด้วยความลำเอียงของอาจารย์ใหญ่กับไท่ซ่างฮ่องจะต้องเอาสิทธิ์นั้นให้กับจูนจิ่วแน่”
จูนหยูนเสวี่ยจ้องมองจูนสงเทียนกับซั่งกวนอี่หรงสลับไปมา“ท่านพ่อท่านแม่รึว่าพวกท่านจะยอมให้จูนจิ่วถูกรับเลือกให้เข้าอู๋อจงด้วยงั้นเหรอ?นางเป็นศัตรูกับตระกูลจูนของพวกเราถ้านางไม่ตายคนที่ต้องตายก็คือพวกเรา”
จูนสงเทียน“ได้!ข้าจะลองหาวิธีจะต้องฆ่าจูนจิ่วให้ได้”
“เสวี่ยเอ๋อร์เจ้าค่อยรักษาแผลของตัวเองให้ดีๆแล้วเตรียมตัวเรื่องของอู๋อจงส่วนเรื่องของจูนจิ่วข้ากับแม่ของเจ้าจะเป็นคนรับมือกับเรื่องนี้เองจะไม่ปล่อยให้นางมาแย่งตำแหน่งลูกศิษย์ของอู๋อจงกับเจ้าแน่!
“ดี”ซั่งกวนอี่หรงช่วยพยุงตัวของจูนหยูนเสวี่ยลงไปค่อยๆนอนลงบนเตียงจูนจิ่วลงมือหนักมากด้วยเฉพาะตรงใบหน้าอย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาสักครึ่งเดือนถึงจะหายในระหว่างนี้จูนหยูนเสวี่ยก็หยุดคิดเรื่องที่จะไปเจอกับคนภายนอกได้
กัดฟันด้วยความแค้นสายตาของจูนหยูนเสวี่ยเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
จูนจิ่วจะต้องตายเท่านั้น!
อู๋อจงในทุกๆสามปีจะเข้าไปในสำนักของทั้งสิบแคว้นเพื่อคัดเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์มาเป็นลูกศิษย์สำคัญ ของแคว้นนี้ขอแค่ถูกรับเลือกเป็นศิษย์ของอู๋อจงโลกของนางก็จะไม่ได้มีเพียงแค่สิบแคว้นนี้อีกต่อไปแต่จะกลายเป็นโลกทั้งใบ!
ใครก็ตามที่มาขัดขวางนางต้องตาย!
……
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปเรื่อยๆแสงจากดวงอาทิตย์ค่อยๆเปลี่ยนจากตะวันออกของหน้าต่างแล้วย้ายไปยังทิศตะวันตกของหน้าต่างแสงค่อยๆหายไปลมที่พัดมาก็หนาวขึ้นเรื่อยๆจูนจิ่วมองรอบๆตัวเองคนที่อ่านหนังสืออยู่ข้างในของห้องหนังสือตอนนี้ได้กลับไปหมดแล้ว
เสี่ยวอู่ยืดเส้นยืดสายแล้วกระโดดลงมาจากชั้นวางหนังสือ“เมี๊ยว~เจ้านายพวกเราควรกลับได้แล้ว
“อืม”จูนจิ่วพยักหน้านางยกหนังสือขึ้นมาค่อยๆวางกลับไปที่เดิมวันนี้ทั้งวันนางได้อ่านหนังสือของชั้นแรกไปแล้วครึ่งหนึ่งใน ห้องหนังสือ นี้มีหนังสืออยู่เยอะมากต่อให้เป็นสมาธิที่ผิดปกติของจูนจิ่วก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน
ขยี้ตาตัวเองเบาๆจูนจิ่วพูดออกมา“เก็บหนังสือเรียบร้อยแล้วพวกเรากลับกันเถอะ”
“ได้อยู่แล้วเมี๊ยว~~”
เสี่ยวอู่กระโดดจากชั้นวางหนังสือจากหนึ่งที่ไปอีกที่โชคดีที่ตอนนี้ข้างในห้องหนังสือไม่มีคนอยู่แล้วไม่งั้นถ้าเกิดเห็นเสี่ยวอู่ขึ้นมาไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายแบบไหนมาบ้างแล้วเรียกร้องความสนใจจากผู้เฒ่ามา
ตง!
พอมีเสียงดังขึ้นจูนจิ่วหันกลับไปมองหนังสือที่หล่นอยู่บนพื้นนางจึงหันไปมองเสี่ยวอู่เสี่ยวอู่ยกตีนแมวของตัวเองขึ้นมาเพื่อแสดงท่าทีออกมาว่าไม่รู้เรื่องด้วย“ข้าไม่ได้เป็นคนทำนะ!”
จูนจิ่วขมวดคิ้วด้วยความสงสัยนางเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาปกของหนังสือสีดำมีตัวอักษรที่จูนจิ่วไม่รู้จักตัวอักษรของโลกนี้เหมือนกับสมัยโบราณของหัวเซี่ยจูนจิ่วรู้จักอักษรนี้ดีแต่ตัวอักษรที่อยู่บนปกนี้มันเก่าแก่ยิ่งกว่าคำพยากรณ์
จูนจิ่วเปิดหนังสือดูเนื้อหาข้างในปรากฏว่าข้างในก็เป็นอักษรแบบเดียวกันทำให้หมดความสนใจไปนางเริ่มค้นหาพอเจอช่องวางที่สามารถวางหนังสือได้นางก็ยัดมันเข้าไปข้างใน
เพิ่งจะยัดไปได้แค่ครึ่งเล่มผมด้านข้างก็ถูกมือของใครบางคนจับขึ้นมาแล้วดึงผมของจูนจิ่วเบาๆไม่เจ็บแต่มันจั๊กจี้อย่างเห็นชัดเจนลมหายใจที่คุ้นเคยถูกปล่อยออกมาจากข้างหลังจูนจิ่วกระพริบตาตัวเอง“โม่อู๋เยว่”
“ข้าเอง”
“เมี๊ยว!”เจ้าคนโรคจิตปล่อยเจ้านายเดี๋ยวนี่!
เสี่ยวอู่ปล่อยกรงเล็บออกมาแมวจ้องมองไปที่โม่อู๋เยว่กำลังครุ่นคิดว่าจะโจมตีส่วนไหนของโม่อู๋เยว่ดีถึงจะสร้างบาดแผลให้กับเขาได้แล้วช่วยเจ้านายตัวเองออกมาจูนจิ่วเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของโม่อู่เยว่ข้างหน้าคือตู้หนังสือข้างหลังคือกล้ามอกของโม่อู๋เยว่เขาค่อยๆขยับเข้ามาลมหายใจของเขารดไปที่ใบหูของจูนจิ่วความรู้สึกเหมือนกับตอนที่ถูกไฟช็อตชาไปทั่วร่างกาย