บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่102มันรู้สึกดีขออีกหนึ่งรอบ
จูนจิ่วกระพริบตาเปิดปากพูดด้วยเสียงที่เย็นชา“ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันเจ้าควรอยู่ห่างจากข้านะ”
“ถ้าเกิดข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”พูดด้วยเสียงโทนต่ำชัดถ้อยชัดคำเปลี่ยนวิธีการพูดเกรงว่าคงจะต้องถูกโม่อู๋เยว่ทำให้มือไม้อ่อนแรงแต่จูนจิ่วกลับไม่!นางไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรแล้วยัดหนังสือกลับไปที่เดิม
จากนั้นก็หันกลับมาเผชิญหน้ากลับโม่อู๋เยว่ตอนที่เธอหันกลับมาก็พยายามออกห่างจากตัวเขาจนริมฝีปากไปแตะโดนเข้ากับใบหน้าของเขาครุ่นนึงพอเธอรู้สึกตัวร่างกายก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ!
จูนจิ่วก้มตัวลงเพื่อดันเอวแล้วหนีออกจากอ้อมแขนของโม่อู๋เยว่แต่เหมือนโม่อู๋เยว่จะอ่านความคิดของนางออกเขาเอามือจับคางของจูนจิ่วไว้แล้วเดินเข้าไปอีกหนึ่งก้าวจนไม่มีระยะห่างระหว่างพวกเขา
ดวงตาคู่นั้นกลับไปเป็นสีทองอีกครั้งโม่อู๋เยว่จ้องมองจูนจิ่วไม่ลับสายตา“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นี่เจ้ากำลังหลบหน้าข้าอยู่ใช่ไหม?อื้ม~~”
คำสุดท้ายเขาพูดลากเสียงยาวเสียงที่เซ็กซี่ของเขาพูดข้างหูของนางใจของจูนจิ่วเต็มเร็วขึ้นยังควบคุมไม่ได้เจ้าปีศาจนี่!
เจ้าโฮร์โมนไม่รักดีนี่?
กัดฟันตัวเองไปมาจูนจิ่วจับมือของโม่อู๋เยว่นางดันขาของตัวเองขึ้นแล้วจูบปากของโม่อู๋เยว่กว่าจะคิดหาวิธีลอบทำร้ายก้นของโม่อู๋เยว่ได้เพื่อให้โม่อู๋เยว่ปล่อยเจ้านายของตัวเองตอนที่เสี่ยวอู่กำลังครุ่นคิดหาวิธีอยู่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับภาพแบบนี้จึงไม่รู้จะทำยังไงดี
เมี๊ยว!เจ้านายของมันยังต้องการให้ช่วยอยู่ไหม?
เสี่ยวอู่ยืนแข็งทื่อแล้วจ้องมองเจ้านายตัวเองกับโม่อู๋เยว่หลังจากที่เห็นจูบที่เร่าร้อนอุณหภูมิในตัวค่อยๆเพิ่มขึ้น!เสี่ยวอู่เอาอุ้งตีนของตัวเองมาอุดปากเมี๋ยวๆไม่เหมาะสม!
จูนจิ่วเป็นคนเริ่มจู่โจมอย่างร้อนแรงแม้จะไม่มีประสบการณ์แต่การจูบมันต้องการประสบการณ์ด้วยเหรอ?ไม่เคยเห็นหมูวิ่งแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เคยกินเนื้อหมู?
จูบนี้ไม่รู้ใช้เวลาไปเท่าไหร่จูนจิ่วเริ่มหายใจไม่ออกจึงผลักตัวของโม่อู๋เยว่ออกก่อนจะผลักออกไปนางก็จงใจกัดโม่อู๋เยว่ไปหนึ่งทีจูนจิ่วเลียคราบน้ำลายของตัวเองพอยกหัวขึ้นก็เจอกับดวงตาสีทองที่น่าตกใจของโม่อู๋เยว่
จูนจิ่วพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น“ข้าไม่ได้หลบหน้าเจ้า”
“ขออีกครั้ง~~”มันรู้สึกดีมากโม่อู๋เยว่แสดงดวงตาที่อ้อนวอนให้กับจูนจิ่วส่วนตรงปากที่ถูกนางกัดโม่อู๋เยว่ไม่ได้เอามาใส่ใจด้วยซ้ำ
“ยังคิดจะเอาอีกเหรอ?ฝันไปเถอะ!”จูนจิ่วเอามือดันโม่อู๋เยว่แต่ไม่ขยับแม้แต่นิดนางจึงเดินถอยหลังจนหลังชนเข้ากับตู้หนังสือ
คลิก!
หลังของจูนจิ่วชนเข้ากับหนังสือสีดำเล่มนั้นคราวนี้หนังสือสีดำเล่มนั้นถูกทับจนเกิดรอยหยักขึ้นมาหลังจากที่เกิดเสียง คลิก ต่อมาก็มีแสงเปล่งออกมาจนได้ยินเสียงร้องตกใจของจูนจิ่ว
เสี่ยวอู่พอได้ยินเสียงจึงปล่อยอุ้งตีนตัวเองลงมาหลังจากที่เปิดตาอีกครั้งเสี่ยวอู่ก็ตกใจจนยืนเเข็งทื่อ
เจ้านายล่ะ?โม่อู๋เยว่ล่ะ?
ที่ๆพวกเขาทั้งคู่ยืนอยู่ในตอนแรกตอนนี้เหลือเพียงแค่ตู้หนังสือแถมยังมีหนังสือเล่มนั้นที่ถูกทับจนเกิดรอยหยักอย่างเห็นได้ชัดแต่จูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่กลับหายไป!เสี่ยวอู่ตกใจจนขนลุกไปชั่วขณะหนึ่ง
“เมี๊ยวๆๆ!”แมวสีขาวเดินวนราวกับเป็นพัดลมเดินวนไปวนมาปีนตู้หนังสือขึ้นไปเพื่อหาพวกจูนจิ่วแต่ไม่ว่าจะหายังไงก็หาพวกจูนจิ่วไม่เจอ
แล้วกลับไปมองหนังสือสีดำที่ถูกทับมีรอยหยักนั้นเสี่ยวอู่กระโดดขึ้นตู้หนังสือแล้วเปิดปากกัดถ้ากัดไม่เข้าก็ใช้แรงผลักถ้าผลักไม่ได้ก็ใช้ข่วนหลังจากที่ใช้แรงอยู่นานจนแมวตัวนี้หมดแรงหนังสือสีดำเล่มนั้นยังคงอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“เมี๊ยว”เสี่ยวอู่น้ำตาอาบแก้ม
มันเจ็บใจจนไปกอดอยู่ตรงตู้หนังสือกรงเล็บของแมวตัวนี้ข่วนไปที่ตู้หนังสือโดยที่ไม่มีทางทีว่าจะหยุดเหลือรอยข่วนของแมวไว้ตรงตู้หนังสือเจ้านายไปไหนแล้วพาเสี่ยวอู่ไปด้วย!เมี๊ยวๆๆ!
“เสียงแมวมาจากไหน?แถมร้องยังน่าสังวัช?”ข้างนอกห้องหนังสือเสียงผู้เฒ่าร้องเรียกเข้ามาร่างกายเสี่ยวอู่แข็งทื่อรีบกระโดดขึ้นไปที่ตู้หนังสือด้วยความเร็วสูงแล้วซ่อนตัวทันที
ผู้เฒ่าคนนี้เดินมาทางด้านหน้าของตู้หนังสือพอก้มหัวลงมองก็เห็นว่ามีรอยข่วนของแมวอยู่ตรงตู้หนังสือเขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“มีแมวอยู่จริงด้วย?น่าแปลกแมวตัวนี้เข้ามาจากทางไหน?”
ผู้เฒ่ามองซ้ายมองขวาแล้วเดินวนหารอบๆเสี่ยวอู่แอบอยู่ข้างบนตู้หนังสือเงียบๆโชคดีที่ตอนนี้เขาไม่อยู่ในร่างใหญ่จึงมีหนังสือเล่มหนาใหญ่ๆคลุมตัวของมันได้ผู้เฒ่าจึงหาเขาไม่เจอ
หลังจากที่เห็นผู้เฒ่าเดินวนไปวนมารอบหนึ่งเขาก็ออกไปแล้วปิดประตูขนาดใหญ่ของทางเข้าห้องหนังสือฟ้ามืดแล้วได้เวลาปิดประตูแล้ว
กระโดดลงมาจากตู้หนังสือเสี่ยวอู่น้ำตาคลอเบ้าแล้วมองไปด้านหน้าเขากับจูนจิ่วมีสร้อยข้อมือที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ไม่สามารถอยู่ห่างจากจูนจิ่วจนเกินไปเพราะฉะนั้นจูนจิ่วจะต้องอยู่แถวนี้แน่!แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอใช้จิตในการสื่อสารก็ไม่มีการตอบสนองแม้แต่นิด
เสี่ยวอู่รู้สึกเสียใจเขาควรเบิกตาแล้วจ้องมองให้ดี!ไม่แน่ว่าแบบนั้นเขาอาจจะรู้ว่าเจ้านายของตัวเองไปที่ไหนก็ได้เสี่ยวอู่กำกรงเล็บแล้วร้องเมี๊ยวๆออกมาจูบแล้วไงตอนไปนี้ต่อให้ทำยิ่งกว่านี้เขาก็จะจ้องไม่ให้คลาดสายตา!จะไม่มีวันปล่อยให้เจ้านายตัวเองออกนอกสายตาของเขาอีก
……
เสี่ยวอู่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆพวกจูนจิ่วจึงหายตัวไปแต่จูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่นั้นรู้ตัวดี
หลังของนางไปทับกับหนังสือสีดำพอมีเสียง คลิก ออกมาก็รู้ได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น!แต่กว่าจะตั้งตัวได้ก็สายไปแล้วข้างหลังจู่ๆก็ไม่มีอะไรร่างกายร่วงหล่นไปด้านหลังดวงตาแสดงความตกใจออกมาภาพสุดท้ายที่เห็นคือโม่อู๋เยว่เข้ามาหานางโดยไม่มีความลังเลแล้วคว้าเธอไว้
จากนั้นทั้งสองคนก็หล่นเข้าไปข้างใน
โคมไฟมีแสงสว่างขึ้นแล้วส่องไปยังความมืด“โม่อู๋เยว่?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ข้าอยู่นี่”เสียงของโม่อู๋เยว่ดังมาจากข้างหลังจูนจิ่วหันกลับไปมองก็เห็นโม่อู๋เยว่กำลังยืนมองภาพวาดตรงฝาผนังนางจึงรีบเดินเข้าไปหา
แล้วหันไปมองภาพวาดตรงฝาผนังด้วยอีกคนจูนจิ่วจึงถามว่า“เจ้าสามารถมองเห็นได้แม้ไม่มีแสงสว่างเหรอ”
“ฉันสามารถมองเห็นได้ในความมืด”โม่อู๋เยว่ก้มหน้ามองจูนจิ่วดวงตาสีทองที่สว่างไสวงดงามยิ่งกว่าเพชรพลอยและอัญมณีสักอีก!
จูนจิ่วยืนเงียบรู้สึกว่าเริ่มอิจฉานิดๆ!
“เมื่อครุ่นเรายังอยู่ในห้องหนังสือพอได้ยินเสียง น่าจะไปโดนกลไกอะไรสักอย่างตอนนี้รึว่าพวกเราจะอยู่ชั้นใต้ของห้องหนังสือ?”จูนจิ่วครุ่นคิดไปพร้อมกับเมื่อรู้ว่าเสี่ยวอู่ไม่ได้อยู่ข้างกายจึงรีบใช้จิตเรียกหาเสี่ยวอู่
หลังจากผ่านไปสักพักแต่ไม่มีการตอบกลับจูนจิ่วเริ่มกระวนกระวายนางกับเสี่ยวอู่สูบเสียการสื่อสารไปแล้วเขาน่าจะยังอยู่ที่ห้องหนังสือ!อามรณ์ที่ขี้เหงาและขี้งอนของเขาไม่รู้ว่าตอนนี้จะร้องไห้เพราะความร้อนรนขนาดไหน
จูนจิ่วกัดริมฝีปากเบาๆ“พวกเราลองหารอบๆดูว่ามีวิธีไหนที่จะออกไปจากที่นี่ได้”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าลองมาดูภาพวาดตรงฝาผนังนี้ก่อน”โม่อู๋เยว่เดินดูรอบๆที่นี่เป็นห้องลับรอบด้านมีเพียงแค่ภาพวาดพื้นที่เหยียบอยู่ก็เป็นหินหนาสีเขียวนี้เป็นหินที่มีความแข็งมากกว่าปกติ
จูนจิ่วก็เดินดูรอบๆด้วยอีกคนห้องลับแห่งนี้ไม่มีอะไรเลยมีเพียงแค่ภาพวาดตรงฝาผนัง
รูปตรงฝาผนังมีทั้งหมดห้ารูปพอเอามาเรียงกันก็เป็นเรื่องเล่าของผู้หญิงคนหนึ่งทุกภาพที่มีนางอยู่ล้วนมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างหลังเสมอจูนจิ่วไม่สามารถหยุดคิดได้ว่ามันคือภาพวาดที่เล่าเรื่องความรักที่ไม่สมหวังมันเป็นเรื่องเล่าของความรักที่เต็มไปด้วยความเศร้า
ตรงกลางฝาผนังยังมีตัวอักษรอยู่หลายแถวเป็นอักษรเดียวกันกับหนังสือสีดำเล่มนั้นมันเก่าแก่ยิ่งกว่าคำพยากรณ์ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเบาะแสเดียวที่มีอยู่แต่น่าเสียดายที่นางไม่รู้จักอักษรนี้
ระหว่างความเงียบก็มีเสียงของโม่อู๋เยว่ดังขึ้นมาจูนจิ่วหันไปมองด้วยความแปลกใจพอเห็นเขากำลังอ่านอักษรพวกนั้นจูนจิ่วตกใจ“เจ้ารู้จักอักษรนี้เหรอ?”“นี่เป็นคำสัตว์โบราณที่มาจากสี่สัตว์แห่งเทพในตำนาน”