บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่108ลอบฆ่าจูนจิ่วที่เขาปู้หว่ง
บทที่108ลอบฆ่าจูนจิ่วที่เขาปู้หว่ง
หลังจากการรวมตัวพวกเขาก็มีเวลาหนึ่งชั่วยามในการบอกลาพวกเพื่อนๆกับอาจารย์
จูนจิ่วลองกว้างสายตาไปรอบข้างก็เห็นว่าซือถูซิวเฟิ่งเทียนฉี่แล้วก็จูนหยูนเสวี่ยที่ยืนห่างออกไปแต่สายตาจับจ้องมาที่นางสีหน้าไม่เป็นมิตรเหมือนมีแผนชั่วอะไรสักอย่าง!
ซือถูซิวเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่มีหน้าที่ค่อยนำพาทุกคนไปยังสนามการฝึกส่วนเฟิ่งเทียนฉี่กับจูนหยูนเสวี่ยล้วนเป็นผู้เข้าร่วมการการฝึก
จ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาหนังตาของจูนจิ่วกระตุกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสักแล้ว?นางเริ่มรู้สึกคาดหวังแล้วซิว่าพวกเฟิ่งเทียนฉี่กำลังวางแผนชั่วอะไรอยู่?ไม่ว่านางจะมาไม้ไหนจูนจิ่วก็พร้อมที่จะตอบโต้เสมอ
ถ้าเกิดพุ่งเข้ามาสุดตัว?งั้นก็ฆ่าซะ!
“เสี่ยวจิ่ว!”เฟิ่งเซียวมายืนตรงหน้าของจูนจิ่วแสดงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเขาเคยไปขอร้องโล่ชิวเห้อให้เขาเป็นคนนำพาทุกคนไปสนามการฝึกได้ไหม
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเขาโดนโล่ชิวเห้อไล่ออกมา!
พูดเป็นเล่น!ถ้าเกิดให้เฟิ่งเซียวไปด้วยงั้นจูนจิ่วจะเหลืออะไรให้การฝึกอีก?แบบนั้นนางก็ไม่แตกต่างจากลูกคุณหนูจะต้องถูกเฟิ่งเซียวปกป้องจนไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมืออะไรแน่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความลำเอียงโล่ชิวเห้อไม่ยอมให้ต้นอ่อนคุณภาพชั้นดีอย่างจูนจิ่วต้องหักเพราะเฟิ่งเซียวหรอก
เฟิ่งเซียวเหลียวมองรอบๆเขาพูดกระซิบว่า“เสี่ยวจิ่วต้องการให้คุณปู่แอบตามพวกเจ้าไปไหม?”
หยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ย“……”
“ไม่เป็นไรท่านอยู่ที่สำนักเทียนโจ้งเถอะทานยาให้ตรงเวลาถ้าเกิดว่างไม่มีอะไรทำก็ลองฝึกแผนภาพไทเก็กที่ข้าสอนท่านก็ได้รอข้ากลับมาข้าค่อยถอนพิษในตัวท่านออก!”
พูดไปสักพักจูนจิ่วก็เห็นเฟิ่งเซียวเหมือนมีแผนจะทำอะไรสักอย่างนางจึงพูดไปว่า“ถ้าเกิดตอนการฝึกแล้วเจอคุณปู่หรือรู้ว่าไม่ทานยาตามที่บอกล่ะก็มันจะไม่จบแค่ฝังเข็มกับทานยาแล้วน่ะ”
“งั้นมันคืออะไร?”
“ข้าจะไม่เรียกท่านว่าคุณปู่ตลอดไปยิ่งไม่เรียกท่านว่าคุณปู่อีก”ประโยคนี้ของจูนจิ่เปรียบได้กับการโจมตีที่รุนแรงเฟิ่งเซียวรีบกล่าวคำสาบานกับนางว่าจะไม่มีวันแอบตามไปที่หุบเขาเด็ดขาดเขาจะทำตามที่คุณหมอจูนจิ่วบอกทุกอย่าง
หยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยยืนมองจูนจิ่วรับมือไท่ซ่างฮ่องเฟิ่งเซียวได้อยู่หมัดแม้จะเห็นจนชินแต่ก็ยังรู้สึกว่ามันน่าอัศจรรย์อยู่ดี
เขาเป็นถึงไท่ซ่างฮ่องเลยนะ!
ผู้ที่ผ่านสนามรบมามากมายจนกลายเป็นไท่ซ่างฮ่องของแคว้นเทียนโจ้งทุกคนต่างก็เกรงกลัวเมื่อได้ยินเรื่องของเขาเป็นคนน่าเกรงขามแต่พออยู่ต่อหน้าจูนจิ่วเขาก็ถอนยศและอำนาจทั้งหมดของเขาลงและความเจ้าเล่ห์กลายเป็นคนแก่ธรรมดาคนนึงที่ทั้งหัวใจมอบให้กับหลานสาวของตัวเอง
อัศจรรย์ก็น่าอัศจรรย์อยู่แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่ถือตัวอยู่แล้ว!พอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลานึงหยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยก็ไม่ได้กลัวอะไรเฟิ่งเซียวมากเหมือนแต่ก่อนแถมยังกล้าแซวเฟิ่งซ้ายหลายครั้งแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินอยู่ดีทำตัวเป็นสหายที่ดีต่อกัน
หนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็วเฟิ่งเซียวมองรอบๆ“เสี่ยวจิ่วแล้วอาจารย์ของเจ้าไม่มาส่งเจ้าเหรอ?”
“เขาไม่ใช่คนของสำนักเทียนโจ้งไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้”
“อ้อๆ!คุณปู่ลืมเรื่องนี้ไปสักสนิทเลยงั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วยคุณปู่คนนี้จะกลับไปบอกอาจารย์ของเจ้าให้เอง!”หลังจากที่เฟิ่งเซียวกลับไปหาทั่วสำนักก็หาโม่อู๋เยว่ไม่เจอ
เขายิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วโม่อู๋เยว่แอบมองจูนจิ่วอยู่ตลอดต่อให้ไปหุบเขาเพื่อการฝึกโม่อู๋เยว่ก็จะตามไปอยู่ดี!
ถ้าเกิดเฟิ่งเซียวรู้เรื่องนี้เข้าคงโกรธจนเผลอดึงเคราตัวเองออก
เวลาไม่เคยรอใครศิษย์ที่เข้าร่วมการฝึกมีราวๆสามร้อยคนพวกเขาออกเดินทางพร้อมกันโดยมีเหล่าอาจารย์เป็นผู้นำทางไปอย่างเทือกเขาระยะการเดินทางมีทั้งหมดสามร้อยลี้ต่อให้เป็นฝีเท้าของนักจิตก็ต้องใช้เวลาสามถึงสี่วันแต่เพราะความตื่นเต้นของพวกเขาจึงเร่งเวลาไปได้มาก
ในตอนบ่ายของวันที่สามก็มาถึงเทือกเขาแห่งนี้
ซือถูซิวแย่งหน้าที่ของอาจารย์คนอื่นขึ้นไปยืนอยู่ตรงหินกองใหญ่แล้วมองลงมาข้างล่างด้วยท่าทีที่สูงส่งพอยืนมองศิษย์รอบๆเขาก็เปิดปากพูดใส่พลังทิพย์เข้าไปในน้ำเสียงเสียงดังและชัดเจนผ่านเข้าไปหูของทุกคน
ซือถูซิวพูดว่า“เทือกเขานี้มีพื้นที่ราวๆพันลี้มีนามว่าเขาปู้หว่งภารกิจของพวกเจ้าในครั้งนี้ก็คือต้องอยู่ในเขาปู้หว่งเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน!”
“ในเขาปู้หว่งนี้มีสัตว์ทิพย์นับไม่ถ้วนพวกเจ้าสามารถล่าสัตว์ทิพย์ได้เอาแกนสัตว์ของสัตว์ทิพย์เป็นตัววัดคะแนนอย่างเช่นแกนสัตว์หนึ่งเม็ดมีหนึ่งคะแนนหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนแกนสัตว์ของใครเยอะที่สุดคนที่มีระดับแกนสัตว์มากที่สุดจะมีรายชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกและจะมีรางวัลที่ยิ่งใหญ่รออยู่!
“สิบอันดับแรกจะได้รับหินทิพย์ระดับสองสิบเม็ดสามอับดับแรกจะมีสิทธิ์ในการเข้าไปยังชั้นที่สี่ของห้องหนังสือเพื่อเลือกวิทยายุทธที่ตัวเองต้องการ!”
หลังจากพูดจบเหล่าลูกศิษย์ต่างก็ดีใจเนื้อเต้น!
หินทิพย์ระดับสองนั้นเป็นสิ่งที่หายากมากต่อให้พวกเขาไปพนันหินมาไม่ต้องพูดถึงระดับสองแค่สามารถเปิดหินทิพย์ระดับหนึ่งได้ก็โชคดีมากแล้ว!แต่นี่คือหินทิพย์ระดับสองสิบเม็ดเพียงพอที่จะให้พวกเขาเพิ่มระดับจากนักจิตชั้นสองเป็นนักจิตชั้นสามไม่แน่ว่าอาจจะมีเหลือด้วยซ้ำ
แถมคนที่ได้สามอันดับแรกก็มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นสี่ของห้องหนังสือ!ไม่มีใครที่ไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้จูนจิ่วเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
ในช่วงที่เปิดรับสมัครนางได้อ่านหนังสือชั้นหนึ่งกับชั้นสองของห้องหนังสือจนหมดส่วนชั้นสามยังไม่ได้อ่านไม่ได้ไปเลือกวิทยายุทธถ้าเกิดสามารถขึ้นไปชั้นที่สี่เพื่อเลือกได้ล่ะก็แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี!
ซือถูซิวเอามือลงมาแล้วกำมือเบาๆยืนมองศิษย์ของตัวเองอย่างเงียบๆด้วยความพอใจเขารู้สึกได้ใจไม่ว่าจะเป็นคุณชายที่เย่อหยิ่งหรือคุณหนูที่เอาแต่ใจตอนนี้ก็ยังต้องมาฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างเงียบๆฟังสิ่งที่เขาจะพูด?นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไปอีก
ซือถูซิวพูดต่อ“เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในเขาปู้หว่งก็มีสิทธิ์ตายได้ตลอดสัตว์ทิพย์ของภูเขาลูกนี้โจมตีคนไม่เลือกหน้าไม่มีการลังเลแถมเขาปู้หว่งนี้อยู่ใกล้ประเทศไป๋หลีกับประเทศซ่างยี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็สามารถเข้ามาในเขาป้หว่งได้ทั้งนั้น”
“ถ้าเกิดชีวิตของพวกเจ้าอยู่ในอันตรายจะต้องบอกว่าตัวเองเป็นศิษย์ของสำนักเทียนโจ้งจากนั้นพวกเราจะให้พลุที่สามารถจุดเรียกขอความช่วยเหลือได้แต่ว่าถ้าเกิดพวกเจ้าจุดพลุเมื่อไหร่นั้นหมายถึงสิ้นสุดการการฝึกทันทีหมดสิทธิ์ที่จะเข้ารอบเข้าใจรึยัง?”
“เข้าใจแล้ว!”เหล่าลูกศิษย์ไม่ได้กลัวคำขู่ของซือถูซิวด้วยซ้ำยังคงมีกำลังใจเต็มเปี่ยมกลับไปแยกกลุ่มละสามถึงห้าคนแล้วเริ่มรวมกลุ่มของตัวเอง
จูนจิ่วมองพวกเขาแวบนึงแล้วมองซือถูซิวจากที่ไกลๆน่าสงสัยนางรู้สึกว่าคำที่ซือถูซิวพูดเมื่อกี้มีความหมายแอบแฝง!เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรสักอย่าง?
เสี่ยวอู่กอดแขนของจูนจิ่วดวงตาของแมวกลายเป็นรูปแส้งเดียงมันพูดว่าเจ้านายเจ้าซือถูซิวคนนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าตั้งใจที่จะทำเรื่องไม่ดี!
ความแค้นความอาฆาตที่มีต่อจูนจิ่วแทบจะไหลออกมาจากสายตาของเขา
ตรงข้ามราวๆสองร้อยเมตร
จูนหยูนเสวี่ยถูกฝูงชายหญิงรอบล้อมอยู่ตรงกลางแม้นางจะตกลงมาจากระดับสูงแต่นางก็ปีนกลับขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วพวกที่ชื่นชมในตัวนางก็ไม่ได้ลดลงไปมากเห็นได้จากที่นางเข้ามาในเขาปู้หว่งก็ยังมีคนที่เก่งกาจมาแนะนำตัวกับนางมากมายและยังรวมกลุ่มเดียวกับนาง
เงยหน้าขึ้นจูนหยูนเสวี่ยจ้องมองไปที่จูนจิ่วยิ้มออกมาสองทีได้ข่าวมาจากแม่ของนางแล้วว่าพวกเขาได้หานักฆ่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสิบแคว้นตอนนี้ซ่อนอยู่ที่เขาปู่หว่งรอทุ่มสุดตัวเพื่อฆ่าจูนจิ่ว!
พวกเขาลงทุนไปมากกับเรื่องในครั้งนี้แต่ถ้าเกิดมันสามารถฆ่าจูนจิ่วได้การลงทุนในครั้งนี้ก็คุ้นค่า!
สายตาของจูนหยูนเสวี่ยเต็มไปด้วยความโหดร้ายหัวเราะด้วยความเย็นชานางคิดในใจว่า“จูนจิ่วเขาปู่หว่งนี้จะเป็นที่ฝังศพของเจ้า!”
นอกเหนือจากจูนหยูนเสวี่ยก็ยังมีเฟิ่งเทียนฉี่ที่กำลังจ้องมองจูนจิ่วสายตาของเขาบอกว่ามีเรื่องปิดบังอยู่ดูไม่ออกว่ากำลังวางแผนที่จะทำเรื่องอะไร
เมื่อได้สัญญาณเริ่มจากเฟิ่งเทียนฉี่ทุกคนก็มุ่งเป้าหมายไปที่เขาปู่หว่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีแผนอะไรสักอย่าง……“จูนจิ่ว!”จู่ๆก็มีคนเรียกชื่อของจูนจิ่ว