บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่111นั่งรอคอยให้โชคลาภลอยมาหา
บทที่111นั่งรอคอยให้โชคลาภลอยมาหา
เลือดสีแดงสดเปื้อนเสี่ยวอู่จนเสี่ยวอู่กลายเป็นแมวสีเลือดเสี่ยวอู่กัดสัตว์ทิพย์อย่างเสือจนหมดลมหายใจถึงจะปล่อยสันดานสัตว์ที่ระเบิดออกมาแววตาดุร้ายของแมวตัวนี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อื่นไม่น้อยแต่เมื่อมองไปที่จูนจิ่วมันก็กลายเป็นแมวที่น่ารักและว่านอนสอนง่าในทันที
จูนจิ่วปฏิเสธการเข้าใกล้ของเสี่ยวอู่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา:“อย่าเข้ามานะเจ้ามันสกปรก”
“เมี๊ยว!”เสี่ยวอู่ร้องด้วยความกล้ำกลืน
มันรีบเลียขนตัวเองแต่ทว่าครึ่งตัวของมันได้เปราะเปื้อนไปหมดแล้วมันเลียแล้วเลียอีกเลียอย่างไรก็ไม่สะอาดเสียทีแมวที่รักความสะอาดอย่างเสี่ยวอู่รู้สึกเศร้าใจเมื่อถูกเจ้าของรังเกียจมันร้องเมี๊ยวเมี๊ยวมองดูจูนจิ่วจากนั้นก็วิ่งหลบเข้าไปในป่า
กู่ซงกล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจ:“เอ่อแมวเจ้ามันวิ่งหนีไปแล้ว”
“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกมันก็แค่ไปหาน้ำอาบเดี๋ยวก็กลับมา”จูนจิ่วเดินเข้าไปข้างศพสัตว์ทิพย์อย่างเสือแล้วนั่งยองๆสำรวจรอยกัดที่คอหอยของเสือจากนั้นสายตาของจูนจิ่วก็มืดครึ้มทันที
พูดตามหลักการและเหตุผลแล้วฟันที่แหลมคมของแมวตัวหนึ่งสามารถกัดเนื้อของสัตว์ดุร้ายขาดนั่นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวคอหอยมันอยู่ในลำคอลึกขนาดนั้นแต่กลับถูกเสี่ยวอู่กัดขาดแถมยังกัดแค่ทีเดียวขาดอีก!
แต่แล้วก็คิดได้ว่าเสี่ยวอู่นั้นเป็นแมวที่สามารถกลายร่างได้อย่างน่ามหัศจรรย์จากสร้อยข้อมือของมันจึงไม่สามารถมาเปรียบเทียบกับแมวทั่วไปได้
จูนจิ่วยืนขึ้นพร้อมทั้งเงยหน้ามองหยูนเสี่ยวกับจูนเสี่ยวเหล่ยที่ร่วมมือกันฆ่าสัตว์ทิพย์ตัวแรกตายพวกเขาลากศพของเสือมาและหยูนเฉียวกล่าวขึ้นว่า:“นี่เป็นศพเสือที่เสี่ยวอู่ฆ่าตายเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?เก่งกาจมาก!”
“อือใช่เสี่ยวอู่เก่งกาจจริงๆ!สมกับเป็นแมวของพี่จิ่วจริงๆเหอะเก่งกาจกว่าใครบางคนอีก”จูนเสี่ยวเหล่ยไม่ลืมที่จะว่ากล่าวกู่ซง
กู่ซงไม่เก้อเขินเลยแม้แต่น้อยเขาขยี้จมูกพร้อมทั้งกล่าวว่า:“เอาศพมันมาให้ข้าข้าถนัดนักเรื่องทำลายซากศพข้าจัดการได้เร็วมาก”
“แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องให้เจ้า!มาแล้วไม่ลงมืออะไรเลยพวกข้าจะพาเจ้ามาทำไมกัน”หยูนเฉียวชี้สั่งให้จูนเสี่ยวเหล่ยโยนศพเสือไปตรงหน้ากู่ซงแถมยังมีหัวของเสือที่เสี่ยวอู่กัดตายอีกด้วย
แต่ที่กู่ซงบอกว่าตนเองถนัดไม่ได้เป็นเรื่องโกหกเลยแม้แต่น้อยเขาหยิบกริชขึ้นมาพร้อมทั้งนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าของเสือคมกริชแวววาวระยิบระยับผ่าที่ร่างของเสือไปด้วยพร้อมทั้งพูดกับกู่ซงว่า:“นี่คือเนื้อที่นุ่มที่สุดของเสือไม่ว่าจะเอามาทำปิ้งย่างหรือจะเอามาทำเป็นเนื้อแห้งรสชาติมันไม่เลวเลยทีเดียว”
“เป็นเพราะว่าขาหลังของเสือออกกำลังมาเยอะมันเลยทำให้รสชาติดีเนื้อที่ขาของมันเอามาย่างจะอร่อยมาก!เราเก็บมันไว้เป็นอาหารสำหรับเที่ยงนี้เถอะฝีมือการทำกับข้าวของข้าไม่เลวเลยนะข้าจะทำให้พวกเจ้าชิม”
“อึก”จูนเสี่ยวเหล่ยได้ยินแล้วน้ำลายก็เริ่มหลั่งออกมา
นางจ้องมองกู่ซงสองมือเท้าสะเอวพร้อมทั้งกล่าวขึ้นว่า:“ฝีมือการทำอาหารของพี่จิ่วนั้นยอดเยี่ยมที่สุดแล้วเจ้าสู้พี่จิ่วไม่ได้หรอก!”
เมื่อได้ยินกู่ซงก็มองไปยังจูนจิ่วและยังจ้องหน้าจูนจิ่วอีกด้วยกู่ซงใจเต้นตึกๆจากนั้นก็หลบสายตาจากจูนจิ่วและกลับมาใจจดใจจ่อกับร่างของเสือที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งพร้อมทั้งยิ้มเจื่อนๆไปด้วย
เขาแล่หัวของเสือออกมาชิ้นนึงเป็นของเสี่ยวอู่และอีกชิ้นนึงหยูนเฉียวทำให้จูนเสี่ยวเหลยเดิมทีนั้นจูนเสี่ยวเหล่ยไม่อยากได้เลยแม้แต่น้อยแต่หยูนเฉียวกล่าวว่าสุภาพบุรุษจะไปแย่งกับสุภาพสตรีไม่ได้จูนเสี่ยวเหล่ยรับไว้พร้อมทั้งให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเอาหัวให้กับหยูนเฉียว
จูนจิ่วมองพวกเขาด้วยหางตาพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า:“ต่อจากนี้ไปหากได้สัตว์ทิพย์มาเยอะๆจะแบ่งหัวให้เท่ากันทุกคน”
“อืออือแม่นางจูนเดี๋ยวพวกเราจะไปไหนกันต่อ?”
“ไปหาที่กว้างๆสงบๆกันดีกว่าจากนั้นก็นั่งรอให้โชคลาภเข้ามาหา”
“รอคอยโชคลาภเข้ามาหาเหรอ?”หยูนเฉียวและคนอื่นๆต่างพากันมองหน้างุนงงมันหมายความว่าอะไรเหรอ?จริงๆแล้วสัตว์ทิพย์มันจะมาหาพวกเราเองอย่างนั้นเหรอ?
พวกเขาจัดการกับศพของเสือเสร็จเรียบร้อยแล้วเสี่ยวอู่ที่เข้าไปทำความสะอาดอย่างหมดจดก็เพิ่งจะกลับมาเมื่อเห็นจูนจิ่วอุ้มตัวเองขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นมันยื่นมือออกมาและกล่าวว่าต่อไปนี้จะไม่ทำให้ตัวเองสกปรกเปรอะเปื้อนแบบนั้นอีกแล้วจะเป็นแมวที่สะอาดและเป็นแมวที่เจ้านายรัก!
จากนั้นพวกเขาเดินทางไปตามป่าและพบกับหุบเขาเล็กๆที่ทำให้จูนจิ่วพึงพอใจเป็นอย่างมากที่นี่มองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากเพราะมีแค่ดอกไม้ต้นหญ้าและบนหุบเขาก็ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นไปมากกว่านี้อีกทั้งยังไม่มีสัตว์ทิพย์อีกด้วย
จูนจิ่วพูดขึ้นมาว่า:“พวกเจ้าพักผ่อนกันที่นี่ก่อนเถอะเดี๋ยวสัตว์ทิพย์ก็มาเองจักต้องไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด”
จูนเฉียวเหล่ยรู้สึกงงงวย“แต่พี่จิ่วที่นี่ไม่มีสัตว์ทิพย์สักตัวเลยนะ!”
“จูนจิ่วไม่ใช่เจ้าคิดว่าสัตว์ทิพย์มันจะมาหาเราเองแต่โดยดีหรอกนะ?มันเป็นไปไม่ได้หรอก”กู่ซงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยและงุนงงพวกเขามั่นใจในตัวเองมากว่าพวกเขารู้และเข้าใจดีกว่าจูนจิ่วแน่นอนเพราะพวกเขาเข้าป่ามาตั้งแต่เด็กๆและไม่เคยมีสัตว์ทิพย์ตัวไหนเข้ามาถวายชีวิตให้พวกเขาเองเลย
ที่จูนจิ่วบอกว่ารอคอยโชคลาภมาหาเป็นไปได้เหรอ?
หยูนเฉียวรู้สึกสงสัยและงงงวยเช่นกันนี่มันเป็นไปไม่ได้แต่เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังจูนจิ่วสายตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันใดพร้อมทั้งเลื่อมใสศรัทธาแม่นางจูนเก่งกาจขนาดนั้นนางจะต้องทำได้แน่!ต้องเชื่อแม่นางจูน
หยูนเฉียวยิ้มพร้อมทั้งพูดออกมาว่า:“ข้าเชื่อแม่นางจูนจูนเสี่ยวเหล่ยเจ้ากับกู่ซงเตรียมตัวให้พร้อมแม่นางจูนไม่มีทางหลอกพวกเราแน่”
ขณะที่เขาพูดนั้นเขาก็เห็นจูนจิ่วหยิบขวดยาน้ำออกมาและเห็นนางหยดยาลงบนพื้นดินสามหยดจากนั้นวายุก็พัดทันใดพวกเขารับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดอย่างยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เมื่อเสี่ยวอู่ได้กลิ่นจากนั้นมันก็ปีนขึ้นบนรองเท้าของจูนจิ่วอย่างอ่อนโยนและไม่เคลื่อนไหวใดใดเลย
กู่ซงเห็นปฏิกิริยาของเสี่ยวอู่อีกทั้งยังขยี้จมูกสูดดมกลิ่นและถามขึ้นมาว่า:“นี่มันอะไรกัน?”
ในใจคาดเดาอะไรบางอย่างอยู่แต่เขาไม่อยากที่จะเชื่อว่าสิ่งนั้นมันมีอยู่จริง!
ทุกคนรอฟังคำตอบจากนางด้วยความอยากรู้อยากเห็นจูนจิ่วเก็บขวดยาไว้และก้มลงอุ้มเสี่ยวอู่ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งกล่าวขึ้นว่า:“พวกเจ้ารู้จักกัญชาแมวไหม?”
“กัญชาแมวเหรอ?มันคืออะไรกัน?”
“มันเป็นสิ่งที่ยั่วยวนและสามารถทำให้แมวเคลิ้มได้จะว่าเป็นกัญชาแมวซะทีเดียวมันก็ไม่ถูกนะแต่หลักการของมันก็เหมือนกัญชาแมวไม่มีผิดกลิ่นนี้ใช้สำหรับสัตว์ทิพย์มันก็คือฝิ่นนั่นแหละสามารถดึงดูดสัตว์ทิพย์ได้ไกลถึงสิบลี้”จูนจิ่วอธิบาย
เดิมทีอธิบายว่ามันคือกัญชาแมวก็สามารถเข้าใจได้แล้วแต่จูนจิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่นี่จะไม่รู้จักกัญชาแมวที่หัวเซี่ยคนที่ชื่นชอบแมวเป็นจำนวนมากใช้ยานี้เพื่อดึงดูดแมว
นางรู้ว่ายานี้กลั่นมาจากเขาปู้หว่งคุณสมบัติก็เหมือนกับกัญชาแมว
“เฮือก!”ทุกคนสูดลมหายใจด้วยความตะลึงงัน
เหล่าสัตว์ทิพย์ที่อยู่ในระยะทางสิบลี้ถูกดึงดูดมามันมหัศจรรย์ขนาดนี้เลยเหรอ?บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องพวกนี้อยู่อีกเหรอ?ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!ทุกคนก็ล้วนแต่ละลึงงัน
กู่ซงดึงสติกลับมาและถามตรงๆเลยว่า:“จูนจิ่วเป็นคนกลั่นเองเหรอ?”
“ไม่เลวเลยนิ”
“แต่สัตว์ทิพย์ที่ดึงดูดในระยะทางสิบลี้นี้หากว่ามันเป็นสัตว์ทิพย์ขั้นสูงพวกเราคงจะรับมือไม่ไหว”
จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองไปยังกู่ซงนางยิ้มมุมปาก“พวกเจ้าวางใจเถอะในเมื่อข้าทำเช่นนี้แล้วข้ารับรับรองได้ว่าจะไม่มีสัตว์ทิพย์ขั้นสูงโผล่มาแน่นอนจะมีแต่ก็แค่สัตว์ทิพย์ขั้นธรรมดาก็เท่านั้น”
กู่ซงไม่เชื่อจึงถามขึ้นมาอีกครั้ง:“เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไร?”
จูนจิ่วไม่ได้อธิบายแต่ในดวงตาของนางเปล่งประกายเหมือนนกเหยี่ยวแดงที่กำลังเกาะกิ่งไม้อยู่
จูนจิ่วเงยหน้ามองไปข้างหน้าจากนั้นพูดด้วยความเย็นชาว่า:“มาแล้วทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”พวกเขาได้ยินวิ่งเข้ามาของสัตว์ทิพย์!