บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่216 แม่เอ๊ย ตกใจจนขาอ่อนหมดแล้ว
บทที่216 แม่เอ๊ย ตกใจจนขาอ่อนหมดแล้ว
ขมับเต้นตุบตุบ สายตาของจูนจิ่วอึ้งไปชั่วครู่ นางรู้สึกเอือมระอาอยู่บ้าง นางพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมสำนักเทียนอู่จงจึงมีข่าวลือไม่ดีนัก มีแต่บุรุษหยาบกร้านทั้งสิ้น ผู้อาวุโสหญิงเพียงคนเดียวยังแข็งแกร่งขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ได้รับเสียงชื่นชมในทางที่ดีแน่ๆ
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ยิ้มที่มุมปากเบาๆ“ ขอบคุณ”
“โธ่เอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจ เข้าสู่สำนักเทียนอู่จงแล้วพวกเราทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน และเจ้ายังเป็นถึงศิษย์น้องของเจ้าสำนัก หลังจากนี้หากมีอะไรให้ช่วยเหลือ ก็ขอให้บอกพวกเราทุกคนได้ ”โจวเตี๋ยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
หลังจากที่นางพูดจบ จูนจิ่วรู้สึกว่าสายตาทุกคู่ในตำหนักยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้น ราวกับว่ารอคอยจะให้นางไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
บรรยากาศยิ่งอยู่ยิ่งไม่ปกติ เรียกได้ว่าพิลึกด้วยซ้ำไป
ชิงหยู่นั่งอยู่บนตำหนักใหญ่ เขากวักมือไปทางจูนจิ่วและพูดยิ้มๆว่า “ศิษย์น้อง การเข้าสำนักเทียนอู๋จงของเราก็ไม่ได้มีกฎระเบียบอะไรมาก ก็แค่ทดสอบพรสวรรค์ พวกเจ้าเตรียมหินเทียนหยวนไว้พร้อมหรือยัง รีบนำขึ้นมา”
“เจ้าสำนัก หินเทียนหยวนอยู่นี่ขอรับ ”ทันใดนั้นก็มีศิษย์สองคนอุ้มสิ่งของที่ห่อด้วยผ้าไหมสีแดงออกมา
จูนจิ่วมองอย่างสำรวจ สิ่งที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าสีแดงดูคล้ายกับเสาโคมไฟเหลือเกิน เมื่อเหอซ่านเดินไปและเลิกผ้าคลุมนั้นออก เห็นสิ่งที่คล้ายเสาโคมไฟนั้นหรูหรากว่าที่คิดไว้มาก ถาดที่สวยงามประณีตถูกยกขึ้น บนถาดมีก้อนหินสีดำก้อนหนึ่ง
ชิงหยู่หรี่ตามองปริบๆไปยังจูนจิ่ว สักพักก็หันไปทางเหอซ่าน “ท่านเหอท่านอาวุโสที่สุด มอบให้ท่านเป็นผู้ทดสอบพรสวรรค์ศิษย์น้องแล้วกัน”
ได้ยินเช่นนั้น โจวเตี๋ยและผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็ผิดหวังไปตามๆกัน มองไปที่เหอซ่านอย่างเกรงๆและอิจฉา แล้วก็มองไปยังจูนจิ่วและยิ้มจนตาหยีอย่างพอใจ จะไม่พอใจได้หรือ แม่นางผู้งดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ดูซิว่าหลังจากนี้จะมีใครกล้าพูดว่าสำนักเทียนอู่จงของพวกเขาจะมีแต่พวกหยาบกร้าน
ตอนที่ชิงอยู่ได้ส่งข่าวกลับมาว่า เจ้าสำนักคนก่อน นั่นก็คือบิดาของเขาได้รับลูกศิษย์ไว้คนหนึ่ง พวกผู้อาวุโสทั้งหลายต่างรู้สึกเคืองและไม่พอใจเป็นอย่างมาก ต่างคิดว่าชิงหยู่ทำโดยพลการ จากนั้นจึงสังเกตที่ท้ายจดหมายเขียนไว้ว่าเป็นหญิงสาว มีหน้าตาสะสวย งดงามมากคนหนึ่ง ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
โจวเตี๋ยจ้องไปที่จูนจิ่ว ในหัวของนางยังคงคิดวนเวียนถึงบทสนทนาระหว่างผู้อาวุโสทั้งหลาย ผู้ที่อนุรักษนิยมที่สุดอย่างผู้อาวุโสซั่งกวนกล่าวว่า “สำนักเทียนอู๋จงของเรามีหญิงสาวมาเยือน เป็นเรื่องไม่ธรรมดา ”
ผู้อาวุโสผู้อาวุโสเฉียนผู้มีใบหน้าไร้ความรู้สึก ดูแลควบคุมกฎระเบียบกล่าวว่า “มิหนำซ้ำยังเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ชิงหยู่ เจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดก็ทำเรื่องที่ถูกต้องเรื่องหนึ่งแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นเรื่องที่เจ้าสำนักรับศิษย์แทนบิดาของเขา พวกท่านเห็นด้วยใช่หรือไม่ ”โจวเตี๋ยวกลั้นหัวเราะมองไปที่พวกเขา
เหล่าอาวุโสทั้งหลายต่างพยักหน้ารับ โดยผู้อาวุโสวูผู้เฉยเมยเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “ถึงเวลาที่สำนักเทียนอู๋จงจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆแล้ว จะสถานะอะไรนั้นไม่สำคัญ เพียงแค่เก็บคนไว้ก่อน ฉายาหมอเทวดาจูนจิ่วพวกเจ้าคงเคยได้ยินผ่านหูกระมัง อีกทั้งยังเป็นนักกลั่นยา เรากำไรแล้ว ”
“ใช่ เรากำไรแล้ว”
ตอนนี้พวกผู้อาวุโสต่างมองจูนจิ่วตั้งแต่นางเดินเข้ามาจนบัดนี้ ยิ่งมองยิ่งพึงพอใจ ตื้นตันจนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ สำนักเทียนอู๋จงของพวกเขาถือได้ว่ากำไรมากแล้ว พรสวรรค์อะไรก็ช่างมันเถอะ ดีร้ายอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีความคิดเห็น เพียงแค่สาวงามยินดีจะเข้าสำนักเทียนอู๋จง ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
สิบกว่าปีมานี้ใครให้พวกเขารับแต่พวกผู้ชายป่าเถื่อน ไม่เคยเห็นมีหญิงสาวสักคน ถึงแม้จะรูปลักษณ์เหมือนผู้อาวุโสโจว ก็ยังดี แต่ก็ไม่มีเลย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนทั่วไปเข้าใจผิดสำนักเทียนอู๋จงเกินไป ชื่อเสียงกู่ไม่กลับแล้ว QAQ
สายตาและท่าทางของพวกเขา สะท้อนในสายตาของจูนจิ่วสามารถเปรียบได้สองคำเท่านั้น ประหลาด เดินไปตรงหน้าหินเทียนหยวนท่ามกลางสายตานับพัน จูนจิ่วเหลือบมองเหอซ่าน ทดสอบอย่างไร
เหอซ่านเอ่ยเสียงทุ้ม ไม่แสดงออกถึงความคุ้นเคยสนิทสนมกับจูนจิ่วเลยสักนิด กล่าวว่า “วางมือของเจ้าลงบนหินเทียนหยวน ส่งพลังทิพย์ของเจ้าเข้าไป”
“พรสวรรค์ในโลกแบ่งเป็นเก้าระดับ สีแดงสีส้มสีเหลืองสีเขียวสีครามสีฟ้าสีม่วงสีเงินสีทอง เรียงตามสี สีแดงระดับหนึ่ง สีส้มระดับสองไล่มาเช่นนี้ ตอนนี้พรสวรรค์สูงสุดที่ได้ยินนั้นเป็นสีครามระดับห้า แต่ตราบใดที่สามารถเทียบเท่าสีครามระดับห้าได้ ก็สามารถเป็นนักจิตใหญ่ในอนาคตได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของเหอซ่าน ทำให้สายตาของเหล่าศิษย์ที่อยู่ในตำหนักต่างลุกเป็นไฟ นักจิตใหญ่ นั่นคือบุคคลที่ทุกคนต่างเคารพชื่นชม
เหอซ่านเงยหน้าขึ้นไปมองชิงหยู่ กล่าวว่า “เจ้าสำนักของเราเองก็มีพรสวรรค์ระดับห้าสีคราม ”
“ศิษย์น้อง ศิษย์พี่ของเจ้าอย่างข้าตอนนี้เป็นนักจิตใหญ่ระดับแปดแล้ว ร้ายกาจมากใช่หรือไม่”ชิงหยู่ยักคิ้วหลิ่วตาให้จูนจิ่ว หัวเราะอย่างเบิกบาน เขากล่าวว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าเลือกข้าที่เป็นศิษย์พี่เจ้านั้นถูกต้องแล้ว ศิษย์พี่พัฒนาจนเป็นนักจิตใหญ่แล้ว เป็นที่พึ่งให้เจ้าได้ ดูซิจะมีใครกล้ารังแกเจ้า”
“อะแฮ่ม”เหอซ่านกระแอมเสียงดังหน้าดำคร่ำเคร่ง ยังไงก็ดีที่นี่ก็เป็นตำหนักเป่าถัง ควรสำรวมท่าที ชิงหยู่สามารถจริงจังหน่อยได้หรือไม่
คนอื่นๆอาจเกรงกลัวเหอซ่าน แต่ชิงหยู่หาได้กลัวไม่ เขาหันไปขยิบตาให้จูนจิ่ว พูดยิ้มๆว่า “เอาล่ะ ศิษย์น้องเจ้ารีบทดสอบพรสวรรค์เถอะ เสร็จแล้ว ศิษย์พี่จะพาเจ้าไปเลือกสวน สำนักนี้ทั้งบนล่าง เจ้าอยากอยู่ที่ไหนก็ได้”
“เอาล่ะเริ่มทดสอบกันเถอะ”เหอซ่านกล่าวเย็นชาเลือกที่จะไม่มองชิงหยู่
เสี่ยวอู่หมอบอยู่ข้างเท้าจูนจิ่ว ท่าทางสง่างาม ขนขาวๆหางฟูนุ่มพันอยู่บนขาของจูนจิ่ว แมวน้อยมองนางตาใส จูนจิ่วได้ยินเสียงในจิตใจของเสี่ยวอู่ เสี่ยวอู่เองก็อยากรู้อยากเห็นในพรสวรรค์ของนาง
ในหัวเซี่ย ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการทดสอบพรสวรรค์อะไรพรรค์นี้ แต่ที่นี่คือโลกใบใหม่ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง การมีพลังทิพย์ ย่อมมีระดับของพรสวรรค์
สายตาจูนจิ่วฉายแววแปลกใจปนสำรวจ นางยกมือขึ้นวางไว้บนหินเทียนหยวน สัมผัสได้ถึงความเย็น รอจนพลังทิพย์แล่นเข้าสู่หินเทียนหยวน จึงเริ่มมีความร้อนขึ้นมาบ้างเล็กน้อย และค่อยๆร้อนมากขึ้น จูนจิ่วรู้สึกว่าพลังทิพย์ในกายถูกดูดซับไปอย่างรวดเร็ว
มิทันได้สังเกตถึงอันตราย ปล่อยให้หินเทียนหยวนกลืนพลังทิพย์ของนางไปเรื่อยๆ แม้จะถูกดูดพลังทิพย์จนหมด ก็แค่กลับไปนั่งสมาธิหนึ่งชั่วยามก็ฟื้นพลังกลับมาได้แล้ว ไม่เป็นไร
หากพวกคนในตำหนักรู้ความคิดของจูนจิ่วแล้วละก็ คงตะลึงจนอ้าปากค้าง พรสวรรค์ที่ดีที่สุดในพวกเขา อย่างน้อยก็ต้องนั่งสมาธิหนึ่งคืนกว่าจะฟื้นพลังที่เสียไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น จูนจิ่วกลับนั่งเพียงหนึ่งชั่วยาม นางไม่ปกติแล้ว
ภายใต้สายตาของทุกคน หินเทียนหยวนส่องประกายแสง
ปัง ปัง ปัง ปัง
ส่งเสียงดัง หินเทียนหยวนจากสีดำกลายเป็นโปร่งแสง สีของกลุ่มแสงภายในเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากสีแดง สีส้ม สีเหลืองเปลี่ยนไปตลอดจนถึงสีคราม ระดับห้าสีคราม
ดวงตาของทุกคนเกือบถลนออกมา เหอซ่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ชิงหยู่ตื่นเต้นดีใจจนกระโดดตัวลอยจากเก้าอี้ “ระดับห้าสีคราม ดูแล้วเจ้าคงจะได้เป็นนักจิตใหญ่ในอนาคตเป็นแน่”
ชิงหยู่เพิ่งจะกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ หินเทียนหยวนกลับมีเสียงปังดังขึ้นอีกครั้ง สีครามเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น ประกายสีฟ้าเล็กน้อย ทุกคนต่างกลั้นหายใจ จนลืมการเต้นของหัวใจ ต่างถลึงตาโตมองสีครามที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าโดยสมบูรณ์
ระดับหก สีฟ้า
ดินแดนที่สูงกว่านักจิตใหญ่มันเป็นอย่างไรกัน หรือจะเป็นดังตำนานกล่าวไว้ว่าเป็นราชาทิพย์
ทุกคนต่างกำลังคิดอย่างตกตะลึง หินเทียนหยวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ปัง คราวนี้มีลูกศิษย์ถูกทำให้ตกใจจนขาอ่อนก้นจ้ำเบ้าลงไปกองอยู่กับพื้น ไม่มีใครหัวเราะเยาะเขา เพราะไม่นานพวกเขาก็เดินตามรอยของศิษย์คนนี้ไปทีละคน แม่เอ๊ย ตกใจจนขาอ่อนหมดแล้ว