บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่218 ชวนข้าอยู่ด้วยกัน
บทที่218 ชวนข้าอยู่ด้วยกัน
วิถีของสำนักเทียนอู่จงนั้นแปลกประหลาด อยู่เหนือการคาดเดาของจูนจิ่ว แต่มันก็ทำให้จูนจิ่วชื่นชอบที่นี่เป็นพิเศษ
ชิงหยู่พาจูนจิ่วไปเลือกสวนด้วยตัวเอง สรุปได้เพียงสั้นๆว่า จูนจิ่วเป็นศิษย์น้องของเขา นางอยากจะอยู่ที่ไหนก็ย่อมได้ หากรู้สึกว่าที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ดี ก็จะทำการสร้างสวนแห่งใหม่ให้นาง อย่าได้มองสำนักเทียนอู่จงว่าหยาบ แต่หน้าใหญ่ใจโตเงินทองมิได้ขาด
สุดท้ายจูนจิ่วก็เลือกเรือนหลังหนึ่งในสวนที่โดดเดี่ยวและสงบ ตั้งอยู่ที่กลางภูเขาฝั่งตะวันออกของเขาเป่ยโล่ ที่นี่อากาศกำลังดี ไม่ร้อนมากเหมือนตรงตีนเขา และก็ไม่เหน็บหนาวเหมือนบนยอดเขา
ชิงหยู่สั่งให้ลูกศิษย์ทำความสะอาดสวน ขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน จูนจิ่วมองแวบเดียวก็ดูออก ของเหล่านี้ล้วนประณีตล้ำค่า ที่แปลกคือดูแล้วเหมือนจะมีอายุมากแล้ว แต่เหมือนยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน
ชิงหยู่หันมาพอดี เห็นจูนจิ่วกำลังประเมินของใช้ในบ้านเหล่านั้น สักพักเอามือขึ้นแตะจมูก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นไหว “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการสั่งทำของผู้อาวุโส ในการแข่งขันทั้งห้าสำนักในทุกๆสามปีครั้งที่หนึ่ง”
“เอ๊ะ”
“โธ่เอ๊ย ศิษย์น้องอย่าได้รังเกียจไปเลย ของใหม่ได้สั่งคนทำขึ้นใหม่แล้ว พวกนี้ถึงจะดูเก่า แต่ก็ไม่เคยมีใครใช้ เจ้าใช้ไปชั่วคราวก่อน ของใหม่เสร็จแล้วจะเปลี่ยนให้ทั้งหมด”ชิงหยู่พูด
จูนจิ่วฟังออกแล้วว่า ของใช้ผู้หญิงเหล่านี้ ล้วนเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนการแข่งขันของทั้งห้าสำนักรุ่นแรกของสำนักเทียนอู่จง เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ แต่ก็ไม่มีศิษย์ที่เป็นผู้หญิงเข้ามา ของจึงถูกวางทิ้งไว้เช่นนั้นเอง
คิดๆดูแล้ว ก็เศร้าแทนสำนักเทียนอู่จงเล็กน้อย ที่นี่ดูเงียบเหงาอยู่บ้าง
ในตามีรอยยิ้มพาดผ่าน จูนจิ่วกล่าวว่า“ไม่ต้องสั่งทำขึ้นใหม่แล้ว พวกนี้ก็ดีมากแล้ว”
“ยังไงสั่งทำของใหม่ไว้ก็ดี ได้ยินมาว่าพวกผู้หญิงของสำนักชางไห่จง เปลี่ยนเครื่องเรือนใหม่ทุกๆปี พวกเราสำนักเทียนอู่จงจะน้อยหน้าได้อย่างใด ครึ่งปีเปลี่ยนหนเป็นไง หรือเดือนละครั้งดี ส่วนรูปแบบลวดลายนั้น ข้าจะให้ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยเอามาให้เจ้าเลือก”
จูนจิ่ว “ฮู้”
เสี่ยวอู่เบิกตากว้างเอ่ยว่า “เหมียว สำนักเทียนอู่จงช่างร่ำรวยจริงๆ ”
ศิษย์ทั้งหลายที่กำลังขนย้ายเครื่องเรือนอยู่รอบๆต่างนิ่งไปชั่วครู่ พวกเขาฟังภาษาแมวของเสี่ยวอู่ไม่เข้าใจ แต่พวกเขาอยากฟ้องเหลือเกินว่า เจ้าสำนักนั้นดูแลอาจารย์อาดีเป็นพิเศษ สำหรับพวกเขากลับเคี่ยวยิ่งกว่าอะไร
แต่ก็ไม่ได้มีผู้ใดรู้สึกอิจฉาริษยาจูนจิ่ว พวกศิษย์หยาบกร้านทั้งหลายในใจคิดเพียง หากเปลี่ยนเดือนละครั้ง ครั้งหน้ายังจะเรียกพวกตนมาได้หรือไม่ การได้เข้าใกล้อาจารย์อา ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนในสำนักเทียนอู่จงต้องการอยู่แล้ว
เมื่อทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกเสร็จ อาทิตย์ก็อัสดง เป็นช่วงพลบค่ำแล้ว
ชิงหยู่ยื่นหน้าออกไปดูท้องฟ้า กล่าวกับจูนจิ่วว่า “ศิษย์น้อง เหนื่อยมาทั้งวัน เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะให้คนส่งสำรับมาให้เจ้า”
“ก็ดี”
“แมวของเจ้ากินอะไร ”ชิงหยู่มองเสี่ยวอู่แวบหนึ่ง
ได้ยินชิงหยู่ถามถึง เสี่ยวอู่รีบยืดอกยกหัวร้องเหมียวๆว่า เป็ดย่าง ห่านย่าง ขากระต่าย ปลาน้ำแดง เนื้อตุ๋น ขอเป็นเนื้อสัตว์ล้วนๆ
จูนจิ่วยิ้ม บอกรายการอาหารให้ชิงหยู่ไป ชิงหยู่ยังคงมองจูนจิ่วอย่างนิ่งอึ้ง จากนั้นก็มองเสี่ยวอู่ ในใจกำลังครุ่นคิดว่าใครเป็นคนกินกันแน่ เป็นเนื้อทั้งสิ้น ไม่เลี่ยนหรือ ช่างเถอะ ศิษย์พี่ที่ดีอย่างข้าจะเพิ่มผักอร่อยๆให้อีกหน่อย
คิดถึงตรงนี้ ก่อนชิงหยู่จะไปยังหันมาเตือนจูนจิ่วว่า “ศิษย์น้องเจ้าอย่าเลือกกินนะ”
จูนจิ่ว“……”
ก้มหน้ามองผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้ชิงหยู่เข้าใจนางผิด แต่ตัวต้นเหตุเสี่ยวอู่กลับวิ่งเข้าไปในเรือนแล้ว ดมๆแถวนี้ เหยียบๆแถวนั้น ฝากรอยเท้าไว้เป็นสาย ร้องเหมียวๆอ้อนจูนจิ่ว
ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เพราะฉะนั้นจูนจิ่วจึงไม่สนใจที่เสี่ยวอู่ออดอ้อน นางเดินไปยังที่สำหรับพักผ่อน เห็นร่างใสของโม่อู๋เยว่ นั่งอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามนาง
วิธีการไปมาอย่างน่าพิศวงนี้ จูนจิ่วคุ้นชินแล้วแต่ก็ไม่วายที่จะสำรวจ โม่อู๋เยว่ที่แท้มีพลังระดับไหนกัน
คิ้วดุจหิมะสีเงิน ขนตาดำดุจขนอีกา โค้งงอขึ้น โม่อู๋เยว่เงยหน้าขึ้นมองนาง อัญมณีบนโลกที่กองรวมกัน ยังไม่เปล่งประกายงดงามเท่าแสงในตาของโม่อู๋เยว่ เหมือนกระแสน้ำวนสีทอง ทำให้คนจมลงยากจะขึ้นมาได้
โม่อู๋เยว่ในร่างจำแลงแปลงกายนั้นยังพอต้านทานเสน่ห์เขาได้ แต่พอกลับสู่ร่างเดิม งดงามราวกับปีศาจจำแลงยากที่จะมองเขาตรงๆได้ เพราะกลัวว่าหากมองนานไปอาจทนไม่ได้ที่จะควักหัวใจของตนเองออกมามอบให้กับเขา
งดงามดุจปีศาจจำแลง เย้ายวนจนไม่สามารถเป็นปกติสุข
จูนจิ่วหลุบตาลง เก็บซ่อนความคิดในดวงตา นางเอ่ยเสียงเย็นว่า “ข้างๆมีห้องว่าง ที่นี่คนน้อยมีเจ้าเพิ่มมาสักคนก็คงไม่ผิดสังเกต”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นี่เจ้าชวนข้าให้อยู่กับเจ้าหรือ”โม่อู๋เยว่หัวเราะ ประกายตาสีทองมองไปที่นาง
“ท่านคิดมากไปแล้ว”
อยู่ด้วยกัน สีหน้าจูนจิ่วไม่แสดงอาการใดๆ นางแค่คิดว่าปฏิเสธโม่อู๋เยว่ไปก็ไม่เป็นผล ไม่สู้ให้เขาไปอยู่ข้างๆนี่เสีย เกรงว่าจะเขาจะโผล่ขึ้นมาไม่เป็นเวล่ำเวลา หรือไม่ก็คิดเล่นซนไม่ยอมไปจากห้องนาง
ใครจะไปรู้ว่าการปล่อยให้คนที่มีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนี้อยู่ในห้องด้วย วันดีคืนดีเกิดควบคุมจิตใจตนไม่ได้ ลากเขาไปทำเรื่องมิดีมิร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร
โม่อู๋เยว่ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เหมือนจะชอบสำนักเทียนอู่จง แต่ถ้าหากว่ามีคนพบว่าข้าอาศัยอยู่ข้างๆเจ้า เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดจะอธิบายว่าอย่างไร”
“สำนักเทียนอู่จงก็ไม่เลว สำหรับท่านนั้น หากถูกพบเข้าก็บอกว่าเป็นอาจารย์ของข้า สถานะนี้ใช้ได้ดีทีเดียว”จูนจิ่วเลิกคิ้ว ถึงแม้จะยอมรับโม่อู๋เยว่เป็นอาจารย์ แต่นางก็โดนเอาเปรียบอยู่ดี แต่สถานะอาจารย์ก็เหมือนยาครอบจักรวาล ถึงไหนก็สามารถใช้ได้
จูนจิ่วกล่าวต่อไปว่า “แม้ศิษย์พี่จะรับลูกศิษย์ในนามบิดาเขา แต่ก็ไม่ได้มีพิธีไหว้ครูแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นท่านก็ยังคงเป็นอาจารย์ข้า นี่ไม่กระทบอะไร ไม่แน่ว่าหากพวกเขาเจอท่าน อาจจะชวนให้ท่านอยู่ด้วยกันซะที่นี่”
“เพราะอะไร”โม่อู๋เยว่หรี่ตา
เชิญให้เขาอยู่ นอกจากเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แล้ว เหมือนจะยังไม่เคยมีใครเคยเชื้อเชิญเขา แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย แต่คนที่กล้าเชื้อเชิญเขาจริงๆกลับมีจุดจบที่น่าอนาถนัก โม่อู๋เยว่จำได้ว่าได้รับการเชื้อเชิญคราวก่อน ก็ถูกพวกแก่หนังเหนียวรวมหัวกันห้อมล้อมโจมตีเขา
แม้สุดท้ายจะสามารถผนึกมันได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ตายอย่างอเนจอนาจ ต้องจ่ายค่าตอบแทนในแบบที่คิดไม่ถึง พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร
มุมปากของจูนจิ่วโค้งขึ้น ยิ้มอย่างร้ายกาจ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้โม่อู๋เยว่ โม่อู๋เยว่เองก็ไม่อยากไล่ถาม ตอนนี้เสียงเคาะประตูของลูกศิษย์ที่มาส่งสำรับก็ดังขึ้น จูนจิ่วตรงไปเปิดประตูเพื่อหลบเลี่ยงเขา
พอเปิดประตู ก็เห็นลูกศิษย์ตัวสูงใหญ่ส่งยิ้มตื่นเต้นดีใจให้นาง สองมืองต่างถือกล่องอาหารข้างละเถา ทุกเถามีห้าชั้น
จูนจิ่วนิ่งคิดสักพัก นี่ก็มากเกินไปกระมัง
ลูกศิษย์เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์อา พวกนี้ค่อนข้างหนัก ข้ายกเข้าไปให้ท่านดีกว่า”
“ไม่ต้อง ส่งให้ข้าเถอะ”จูนจิ่วปฏิเสธ ยื่นมือไปรับกล่องอาหารเดินเข้าห้องไป ลูกศิษย์คนนั้นมองตาค้าง น้ำหนักของกล่องอาหารนั้นเขารู้ดี สำหรับบุรุษหยาบกร้านที่ฝึกฝนร่างกายอย่างพวกเขานั้นไม่ใช่ปัญหา แต่เอวบางร่างเล็กอย่างอาจารย์อา กลับสามารถถือได้อย่างสบายๆ
ไม่เสียแรงที่เป็นถึงอาจารย์อาระดับเจ็ดสีม่วง ร้ายกาจจริงๆ
เมื่อเห็นจูนจิ่วจะปิดประตู ลูกศิษย์ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์อา ข้าจะรออยู่แถวนี้ ท่านอิ่มแล้วให้เรียกข้า ข้าจะเอากล่องอาหารกลับไปล้าง”