บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่220 ศิษย์น้องเจ้าเปียกหมดแล้ว
บทที่220 ศิษย์น้องเจ้าเปียกหมดแล้ว
จูนจิ่วมองชิงหยู่แวบหนึ่ง ชิงหยู่หัวเราะอย่างได้เปรียบ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้นางมาขอคำชี้แนะจากเขา เขาไม่เชื่อว่าจูนจิ่วดูวิชากำลังภายใน กับท่องวิชาจิตจนขึ้นใจแล้วจะสามารถฝึกฝนจนสำเร็จเองได้
เหมือนจะรู้ใจ เสี่ยวอู่มองความคิดของชิงหยู่ออก เขานั่งอยู่ข้างเท้าของจูนจิ่วอย่างสง่างาม เงยหน้าร้องเหมียวๆ “เจ้านายลองทำให้เขาเปิดหูเปิดตาดู เหมียวๆ เจ้านายเป็นมีความสามารถในการเรียนรู้เป็นเลิศ นี่จะไปยากอะไร”
เสี่ยวอู่มีความมั่นใจในตัวจูนจิ่วเป็นอย่างมาก เจ้านายของเขาตั้งแต่เมื่อก่อนจนตอนนี้ ยังไม่เคยพ่ายแพ้สักครั้ง
ยิ้มมุมปาก จูนจิ่วหันไปมองหินก้อนใหญ่ ในพริบตา วิชากำลังภายในประกอบภาพก็ปรากฏขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว อีกทั้งจูนจิ่วยังเพิ่มวิชาจิตเข้าไป เปิดจุดตันเถียน พลังทิพย์ในกายหมุนวนทั่วร่าง จูนจิ่วขยับแล้ว
ชิงหยู่เห็นจูนจิ่วกางขาออก ยกมือขึ้นทำท่าทางหนึ่ง เขาช่างคุ้นเคยนัก นี่คือกระบวนท่าของวิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่ง
ในตามีแววประหลาดใจ ชิงหยู่มองจูนจิ่วตั้งแต่ยกมือทำกระบวนท่าแรกอย่างตะลึง ค่อยๆแสดงทีละกระบวนท่าออกมา กระบวนท่าของนางยังไม่คุ้นชินนัก เพื่อความแน่ใจจึงทำทุกท่วงถ้าอย่างเชื่องช้า
แต่นี่มันเพิ่งเป็นการเรียนครั้งแรก ไม่มีคนคอยสอน แต่จูนจิ่วกลับทำทั้งหมดได้ถูกต้องตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว
สีหน้าอึ้งตะลึง ชิงหยู่สูดลมหายใจเข้า ก็เห็นจูนจิ่วเพิ่งทำท่าอีกชุดจบไป ยกมือก้าวเท้าขึ้นอีกครั้ง ความเร็วของนางค่อยๆเพิ่มขึ้น ท่าทางก็เริ่มคุ้นเคยคล่องแคล่วมากขึ้น ครั้งที่สอง ครั้งที่สามทั้งหมดล้วนไม่แตกต่างจากลูกศิษย์ข้างๆที่เรียนวิชาฝึกร่างกายมาแล้วหลายปี
ฝึกฝนเพียงสามครั้ง จูนจิ่วก็สามารถจำรูปแบบและท่วงท่าของการเดินพลังของวิชาฝึกร่างกายได้แล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากจริงๆ นางสามารถรับรู้ได้ถึงพลังทิพย์ที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง ซึมเข้าทั่วร่างกาย ทีละนิดๆค่อยๆเปลี่ยนแปลงความแข็งแกร่งของร่างกาย
ในใจนางกำลังครุ่นคิด เงยหน้าขึ้นมองชิงหยู่และกล่าวว่า “ศิษย์พี่ท่าฝึกร่างกายของวิชาฝึกร่างกายชั้นแรกถูกต้องหรือไม่ ฝึกร่างกาย ฝึกฝนกำลังของเลือดเนื้อ”
ชิงหยู่“……”
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ”จูนจิ่วเรียกติดกันสองครั้ง ชิงหยู่จึงดึงสติกลับมาได้
พอได้สติก็หันมามองจูนจิ่ว กล่าวว่า “เจ้าเป็นปีศาจจากที่ใดกัน”
ตอนนี้ปากของจูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก ทั้งหน้าไร้คำพูด เสี่ยวอู่หัวเราะดังฮึฮึ กล่าวว่า “เจ้านาย ชิงหยู่ถูกท่านทำให้ตกใจนิ่งอึ้งซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าเหมียว ยังจะบอกว่าเจ้านายเป็นปีศาจอีก”
ชิงหยู่รีบเรียกสติตอบสนองกลับ เขากำหมัดไว้ข้างปากแล้วกระแอมหนึ่งเสียง “อะแฮ่ม เมื่อสักครู่นี้ศิษย์น้องคงไม่ได้ยินอะไร ข้าเพียงแค่ อืม ศิษย์พี่แค่อยากถามเจ้าว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชั้นแรกคือการฝึกร่างกาย”
เห็นได้ชัดว่าจูนจิ่วเพิ่งมาที่สำนักเทียนอู่จง และก็เพิ่งจะเรียนวิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่งต่อหน้าเขาไปหยกๆ นางค้นพบแก่นแท้ของวิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่งได้อย่างไร
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
จูนจิ่วยิ้ม กล่าวว่า “ศิษย์พี่ลืมแล้วข้าคือนักกลั่นยา วิชากำลังภายในโคจรหนึ่งรอบ ข้าย่อมค้นพบผลของมัน ชั้นที่หนึ่งคือการฝึกร่างกาย แล้วชั้นที่สองหล่ะ เอ็นกระดูก”
“ฮ่า ศิษย์น้องเจ้าอย่าเพิ่งเปิดปากพูด เจ้าตามข้ามา ”ชิงหยู่สายตาสว่างวาบ หมุนตัวกลับไปนำทางทันที
จูนจิ่วไม่ได้ถามชิงหยู่ว่าจะไปที่ใด หันไปกระดิกนิ้วให้กับเสี่ยวอู่ จูนจิ่วก้าวเท้าตามไป รอถึงแล้ว ย่อมรู้จุดหมายปลายทาง
อีกฝั่งหนึ่ง เหอซ่านได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว
เขาเอ่ยขึ้นอย่างตกใจว่า “เจ้าสำนักพาจูนจิ่วไปห้องมวยป่าหินแล้ว”
“ใช่”โจวเตี๋ยพยักหน้ารับ
นางเองก็ไม่เข้าใจว่าชิงหยู่ต้องการทำอะไร นางนิ่งคิดอยู่สักพัก มองไปยังเหอซ่านและกล่าวว่า “ท่านเหอ หรือเจ้าสำนักจะสอนจูนจิ่วเรียนรู้วิชาฝึกร่างกายชั้นที่สอง แต่จูนจิ่วเพิ่งเข้าสู่สำนักเทียนอู่จง ชั้นแรกยังไม่ทันได้เริ่มเรียนเลย ”
“ข้าจะลองไปถามเจ้าสำนักดู”เหอซ่านพูด
ชิงหยู่พาจูนจิ่วไปยังห้องมวยป่าหิน เป็นสถานที่บันทึกการฝึกร่างกายชั้นทีสอง
หากกล่าวว่าวิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่งเป็นการเรียนของศิษย์นอกสำนัก ถ้าเช่นนั้นชั้นที่สองก็มีเพียงศิษย์ในสำนัก มีเพียงศิษย์ที่ผู้อาวุโสแต่ละคนรับไว้จึงจะเรียนได้ จูนจิ่วมีฐานะเป็นศิษย์น้องของชิงหยู่ อาจารย์อาแห่งสำนักเทียนอู่จงจะเรียนคงไม่มีปัญหาอะไร
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจูนจิ่วฝึกเพียงสามครั้งก็เป็นวิชาฝึกร่างกายชั้นที่หนึ่งแล้ว อีกทั้งยังสามารถพูดแก่นแท้ของวิชาได้
ชิงหยู่พาจูนจิ่วเดินรอบห้องมวยป่าหินหนึ่งรอบก่อน เขากล่าวว่า “ที่นี่คือที่ฝึกร่างกายชั้นที่สอง ศิษย์น้องนี่ไม่ได้จะเรียนง่ายๆนะ แม้เจ้าจะท่องจำได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะเรียนสำเร็จ”
“หืม”จูนจิ่วเลิกคิ้ว นางชอบเรื่องที่มีความท้าทาย
ออกจากห้องมวยป่าหิน ชิงหยู่เดินนำทางข้างหน้า ขณะกำลังเดินอยู่ ได้ยินเสียงน้ำตกดังมาจากข้างหน้า เสียงดังซู่ซ่า เหมือนจะเป็นน้ำตกที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง
ชิงหยู่บอกว่า “วิชาฝึกร่างกายชั้นที่สอง ต้องฝึกร่วมกับน้ำตกหิน”
ขณะที่พูด เลี้ยวผ่านปากทางข้างหน้า เสียงน้ำตกยิ่งดังมากขึ้น ดังก้องจนสั่นสะเทือน จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นไปมองน้ำตกที่แสนยิ่งใหญ่มหึมาจนน่าตกใจ ใต้น้ำตกมีเสาหินโผล่ขึ้นมาเป็นต้นๆ
ตรงกับจุดที่น้ำตกลงมาถึง ตอนนี้มีคนยืนอยู่บนเสาหินมากกว่ายี่สิบคน ร่างกายท่อนบนแบกรับแรงกระแทกของน้ำตก บางคนสามารถทำร่างกายให้นิ่งไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด บางคนโคลงเคลงไปมา สีหน้าเขียวแกมขาวซีด บางคนเพิ่งจะยืนขึ้นไป ก็ถูกแรงน้ำมหาศาลซัดจมลงไปในน้ำ
พวกเขาไม่เหมือนกับลูกศิษย์ที่ลานฝึกการต่อสู้ สายตาร้อนแรงเหมือนกัน แต่หลังจากความเคารพชิงหยู่และจูนจิ่วแล้ว ก็รีบยืนบนหินอย่างตั้งใจฝึกฝนต่อไป
คิดถึงวิชากำลังภายในที่เห็นในห้องมวยป่าหินเมื่อสักครู่ จูนจิ่วก็หันไปมองที่น้ำตกหิน เข้าใจถึงความหมายของวิชาฝึกร่างกายชั้นที่สองทันที ชั้นที่หนึ่งฝึกร่างกาย แต่นี่ก็เป็นเพียงการสร้างพื้นฐานเท่านั้น ชั้นที่สองต่างหากจึงจะเป็นแก่นแท้ของการฝึกร่างกาย ยังไม่ถึงขั้นเอ็นกระดูก
ยืนอยู่ใต้น้ำตกหิน พลังที่ใช้ต้านทานช่างน่าตกใจเหลือเกิน
“เป็นอย่างไรบ้าง อยากลองดูหรือไม่”ชิงหยู่ก้มมองจูนจิ่ว ยิ้มมุมปากแฝงแววชั่วร้าย
เขาไม่รอจูนจิ่วตอบ พูดต่อว่า “เจ้าสามารถลองดูก่อนก็ได้ เสาหินด้านนอกสุด แรงน้ำไม่มาก หากเจ้าสามารถต้านทานได้สิบวินาที ศิษย์พี่จะเรียกเจ้าว่าผู้กล้าหญิง”
จูนจิ่ว“……”
สัญชาตญาณบอกจูนจิ่วว่าอยากรับคำยุยงของชิงหยู๋ แต่จูนจิ่วกลับอยากรู้อยากเห็นมาก นางมองไปทางน้ำตกหินเงียบๆ ถอดรองเท้าถุงเท้าเดินตรงไป เห็นอย่างนี้แล้วกลับเป็นชิงหยู่ซะเองที่ตะลึง “หา ศิษย์น้องเจ้าจะลองดูจริงหรือ”
จูนจิ่ว “อืม ลองดู”
“เหมียว”เสี่ยวอู่อยากตามไป แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นลูกแมวตกน้ำ ทำได้เพียงยืนอยู่กับชิงหยู่ มองดูจูนจิ่วที่เดินไป
ซู่ซู่
ยืนอยู่ใต้น้ำตกหิน เพิ่งรู้ว่าเสียงนั้นดังจนน่าตกใจแค่ไหน ในหัวในหูสะท้อนเสียงน้ำไหลกึกก้องไปหมด น้ำไหลลงมาจากข้างบน ทำเอาไหล่และกระโปรงจูนจิ่วเปียกปอน นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าออกไปยังเสาหินเสาที่หนึ่ง
เมื่อเหยียบขึ้นไปได้ นางก้มลงมองเบาๆ หลังของนางแบกรับน้ำหนักของน้ำที่ตกลงมา เหมือนภูเขากดทับยากจะแบกรับได้ไหว จูนจิ่วขมวดคิ้ว ดวงตาแน่วแน่เย็นชา เท้าอีกข้างก็เหยียบขึ้นไป พลั่ก
จูนจิ่วเซ โครม ตกลงไปในน้ำ
เสี่ยวอู่ขู่ฟ่อ “เหมียว”
“ศิษย์น้อง”ชิงหยู่ตกใจสะดุ้งเฮือก รีบก้าวไปข้างหน้า พอดีกับที่เห็นจูนจิ่วโผล่หัวขึ้นจากน้ำ ผมเผ้าเปียกปอนยุ่งเหยิงเต็มหน้า รู้สึกโชคร้าย ในใจชิงหยู่กังวลมาก แต่สิ่งที่ออกจากปากกลับเป็นคำว่า “ศิษย์น้องเจ้าเปียกหมดแล้ว”