บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่225 บรรลุ
บทที่225 บรรลุ
“อาจารย์อา อาจารย์อาโปรดรอก่อน”หวางฉี่อ๋างวิ่งกระหืดกระหอบมา มือเขายังคงกำอยู่ที่แขนที่ยังคงบวมอยู่ เงยหน้ามองไปทางจูนจิ่วอย่างตื่นตะลึงว่า “อาจารย์อาท่านยังจะไปฝึกฝนที่น้ำตกหินอีกหรือ”
“มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ ”จูนจิ่วเงยหน้ามองเขาอย่างเฉยเมย เสี่ยวอู่นั่งอยู่ข้างเท้านาง ก็ทำหน้าตั้งคำถามกับหวางฉี่อ๋างว่ามีเรื่องอะไรกัน
หวางฉี่อ๋างสูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือก รีบร้อนพูดว่า “อาจารย์อา ท่านเพิ่งจะศึกษาแลกเปลี่ยนกับพวกเรา พละกำลังยังไม่กลับคืน ไปน้ำตกหินนั้นไม่ควร จะบาดเจ็บได้ง่าย”
มองจูนจิ่วอยู่เป็นนาน กว่าจะเค้นเสียงเอ่ยคำว่าพละกำลังยังไม่กลับคืน ลานฝึกการต่อสู้มีคนมากกว่าห้าสิบคน ผลัดกันต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่ปลายเสื้อผ้าของจูนจิ่วยังไม่สามารถแตะต้องได้ ช่างยอดเยี่ยมผิดปกติอย่างหาอะไรกล่าวมิได้แล้ว
แต่ไม่ว่าจะร้ายกาจเพียงใด ย่อมสูญเสียพละกำลัง ตามหลักควรพักผ่อนฟื้นฟูพละกำลังจึงจะถูก จะไปฝึกฝนต่อที่น้ำตกหินเลยได้อย่างไร ใจหนึ่งก็คิดว่าอาจารย์อาช่างมุ่งมั่นตั้งใจเหลือเกิน อีกใจก็คิดเป็นห่วงจูนจิ่ว
หวางฉี่อ๋าง “อาจารย์อา”
เห็นสายตาที่มองมาทางนางปริบๆ สีหน้าแสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด จูนจิ่วยิ้ม เอ่ยว่า “ข้ารู้ตัวข้าดี ขอบใจในความห่วงใยของเจ้า ”
พูดแล้ว จูนจิ่วก็หมุนตัวเดินไปทางน้ำตกหินต่อไป เมื่อเห็นว่าตนไม่สามารถขอร้องได้ หวางฉี่อ๋างก็เป็นกังวล ตอนนี้เองลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งมาจากข้างหลัง “ศิษย์พี่หวางท่านขอร้องอาจารย์อาสำเร็จหรือไม่”
“ไม่ อาจารย์อาบอกว่านางรู้ตัวเองดี”
“หรือไม่พวกเราก็ตามไปด้วยกันทั้งหมด หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเราจะได้ช่วยเหลืออาจารย์อาได้ทันท่วงที ”เหล่าลูกศิษย์ต่างมองตากัน ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ ส่วนบาดแผลบนร่างกายของพวกเขา บาดแผลของลูกผู้ชายคือความภาคภูมิใจ นี่เป็นการชี้แนะจากอาจารย์อา แม้จะแพ้แต่ก็ภูมิใจ พวกเขามันหนังหนา ยังไงซะอาจารย์ย่อมสำคัญกว่า
และแล้ว ด้านนอกของน้ำตกหินก็ล้อมรอบด้วยกลุ่มลูกศิษย์ ต่างก็จดจ้องไปยังจูนจิ่ว
จูนจิ่วทำเหมือนมองไม่เห็น นางยืนอยู่บนเสาหินด้วยเท้าเปล่า ก้าวทีละก้าวไปยังเสาหินแกนกลางน้ำตกหินอย่างมั่นคง ทุกย่างก้าว น้ำตกหินที่ตกลงมาปะทะร่างยิ่งแรงขึ้น หลังของจูนจิ่วยืนตัวตรงไม่ขดงอ หลับตารับแรงดันน้ำของน้ำตกหินที่โจมตีลงมา
เปิดจุดตันเถียน วิชาฝึกร่างกายหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง พลังทิพย์เดินไปทั่วร่าง ชะล้างเอ็นกระดูก
ซู่ซ่า เสียงน้ำดังจนแทบจะทำให้หูดับ เสียงแจ่มใสแฝงความเกียจคร้านของโม่อู๋เยว่ก็ส่งผ่านเข้ามายังหัว เขาถาม “ต้องการให้ข้าไล่พวกเขาไปให้หมดหรือไม่ ”
โม่อู๋เยว่อยู่ข้างกายจูนจิ่ว เขาเดินห่างจากข้างหลังจูนจิ่วเพียงหนึ่งเสาหิน สายตามองลึกไปทางจูนจิ่ว เสียงน้ำไหลกระแทกลงมา เหมือนโม่อู๋เยว่ไร้ตัวตน กระแสน้ำไหลก็ไม่หยุดพักและขัดขวางเลยสักนิด แสงน้อยนิดที่หางตา มองกวาดลงไปยังเหล่าลูกศิษย์ที่อยู่รอบนอกน้ำตกหิน
หากไม่เป็นเพราะสายตาของพวกเขาที่มองจูนจิ่วด้วยความห่วงใย ไม่มีแววตาอื่นใดแอบแฝง ไม่จำเป็นต้องถามจูนจิ่ว โม่อู๋เยว่คงลงมือไล่พวกพวกเขาออกไปหมดแล้ว เพียงแค่ไล่ตะเพิดเท่านั้น ไม่ใช่ฆ่าพวกเขา ถือว่าเขาเมตตาแล้ว
เสาหินตระหง่านอยู่ใต้น้ำตกหิน ผ่านเวลามานานหลายปีจนลื่นและเงามาก ยากที่จะยืนขึ้นไป อีกทั้งยังมีแรงน้ำที่ตกลงมากระแทกจากข้างบนหัวอีก ทุกย่างก้าวจะชะล่าใจไม่ได้เลย
จูนจิ่วหลับตาก้าวเท้าต่อไปอีกก้าว นางส่งกระแสจิตให้โม่อู๋เยว่ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา”
“ก็ได้”
จูนจิ่วอยู่ใกล้กับแกนกลางของน้ำตกหินมากขึ้นแล้ว เหลือระยะอีกสามเสาหินเท่านั้น
แรงดันของน้ำตรงนี้ช่างแข็งแกร่งจนน่ากลัว จูนจิ่วรู้สึกได้ว่าทั่วสรรพกายกำลังร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด เนื้อหนังเหมือนถูกมีดแหลมคมเล่มเล็กๆ ค่อยๆทิ่มแทงลงมาเจ็บจนเหลือคณา ยังไม่ทันได้ก้าวไปข้างหน้า ยิ่งต้องแบกรับน้ำหนักที่ทุ่มลงมาบนหัว แรงจนสามารถทำให้กระดูกหักได้
กำหมัดไว้แน่น จูนจิ่วกัดฟันก้าวไปข้างหน้าต่อเนื่อง พลังทิพย์ในกายหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อแบกรับพลังนี้
นางไม่สามารถหวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ มิเช่นนั้นจะเสียการควบคุมความสมดุล การอยู่ในแกนกลางของน้ำตกหินนี้ไม่เพียงจะถูกซัดตกลงน้ำไป ยังจะทำให้กระดูกหักได้ ที่นี่คือที่ที่แม้แต่นักจิตระดับสามยังไม่กล้าจะท้าทายได้ง่ายๆ
“จูนจิ่ว”ข้างน้ำตกหินมีเสียงตกใจของเหอซ่านดังขึ้น
เขารีบเร่งมาที่น้ำตกหิน คิดไม่ถึงว่าจูนจิ่วจะท้าท้ายกับแกนกลางน้ำตกหิน เห็นแรงน้ำที่ไหลลงมาอย่างเชี่ยวกราก มองเห็นเงาร่างของจูนจิ่วได้อย่างเลือนราง ใจของเหอซ่านก็เป็นกังวล ความประมาทเพียงเล็กน้อย เป็นไปได้ว่าอาจถึงแก่ชีวิตของจูนจิ่วได้
นางเองก็ช่างกล้าบ้าบิ่นเหลือเกิน กล้าท้าทายแกนกลางน้ำตกหินตอนนี้เลย
ในใจเหอซ่านรู้สึกเกิดวู่วามอยากจะตรงเข้าไปจับตัวจูนจิ่วออกมา ตอนที่เขากำลังเตรียมจะก้าวเท้าออกไปนั้น เหอซ่านได้ยินเสียงของพวกหวางฉี่อ๋างร้องขึ้นอย่างตกใจว่า “รีบดูเร็ว อาจารย์อานั่งสมาธิลงแล้ว ”
อะไรนะ
เหอซ่านเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกตะลึง เห็นเพียงจูนจิ่วค่อยๆนั่งลง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนเสาหินแกนกลางน้ำตกหิน
ใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาแล้ว เหอซ่านเบิกตากว้าง “นางจะทำอะไรกัน”ในแกนกลางน้ำตกหิน ทุกวินาทีเหมือนถูกแล่เนื้อเถือหนัง จูนจิ่วกลับนั่งขัดสมาธิลง นางคิดจะทำอะไร
โม่อู๋เยว่ยืนอยู่ข้างจูนจิ่ว ริมฝีปากเผยรอยยิ้มดึงดูดใจ เขาพูดเสียงเบาว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะบรรลุแล้ว”
ที่โม่อู๋เยว่ตามมา เพราะรู้ว่าจูนจิ่วคิดจะท้าทายแกนกลางน้ำตกหิน น้ำตกหินสำหรับเขา เป็นเพียงสายน้ำที่ใหญ่เท่ารอบปลายนิ้วเท่านั้น แทบไม่รู้สึกว่ามีอยู่จริง แต่สำหรับจูนจิ่วนั้นนับว่าอันตราย เพราะฉะนั้นจึงตามติดปกป้อง หากจูนจิ่วพลาดท่า เขาจะดึงนางออกห่างจากแรงน้ำได้ทันที
แต่ตอนนี้เหมือนว่าไม่ต้องแล้ว ความเยี่ยมยอดของจูนจิ่ว ทำให้สายตาของโม่อู๋เยว่ประกายยิ้ม เขาสะบัดแขนเสื้อนั่งลงข้างร่างจูนจิ่ว ประกายตาสีทองมองเธออย่างลึกซึ้งอบอุ่น สามารถบรรลุได้ในสถานที่ยากลำบากเช่นนี้ จูนจิ่วคงจะมีความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาในอนาคต
ไม่เสียแรงที่เป็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ของเขา โดดเด่นดีงามเช่นนี้ อย่าว่าแต่ในดินแดนชั้นต่ำสามชั้นเท่านั้น คนข้างบนเองก็คงไม่มีใครเทียบพรสวรรค์กับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้
เวลาผ่านไปทีละนิด จูนจิ่วตัดขาดจากโลกภายนอกฝึกฝนอย่างจริงจัง คอขวดแห่งการบรรลุอยู่ตรงหน้าแล้ว จูนจิ่วใช้พลังทิพย์ทั่วร่างพุ่งทะยานไปอย่างสุดกำลัง เพล้ง คอขวดนั้นแตกละเอียด พลังทิพย์ภายในร่างกายของจูนจิ่วเหมือนกำลังโห่ร้องอย่างลิงโลดและพุ่งออกไป
พลังทิพย์เคลื่อนที่ เลือดลมกำลังเดือดพล่าน เวลานี้แม้แต่ความเจ็บปวดจากแรงดันน้ำที่กดทับลงมาบนร่างก็หายไปเกือบครึ่ง
ไม่ช้าจูนจิ่วรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องลวงตา แต่ผลกระทบจากแรงดันน้ำสำหรับนางนั้นลดลงไปแล้ว บรรลุนักจิตชั้นสามระดับสูง ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลกระทบจากแกนกลางน้ำตกหินสำหรับนางลดลงไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก จูนจิ่วยิ้มฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อนฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายต่อ
นางยังไม่รู้ นอกน้ำตกหินมีคนกลุ่มหนึ่งรอคอยนางอย่างใจจดใจจ่อ รอจนตะวันลับจันทราขึ้น เหอซ่านไล่กลุ่มลูกศิษย์กลับไป เพิ่มมาคือโจวเตี๋ยและผู้อาวุโสอีกหลายท่าน และยังมีชิงหยู่
ชิงหยู่แตะจมูก “ดูท่าศิษย์น้องคิดจะปักหลักฝึกฝนในน้ำตกหินซะแล้ว”
“นางสามารถบรรลุได้ในแกนกลางของน้ำตกหิน ผลกระทบจากน้ำตกหินสำหรับนางจะลดลงไปมาก ไม่น่าจะมีอันตรายอะไรแล้ว ท่านโจวพวกท่านก็กลับกันไปเถอะ ”เหอซ่านเหลือบมองไปทางพวกของโจวเตี๋ย
ต่างก็สบตากัน พวกโจวเตี๋ยก็ไม่ได้รั้งรออีก เข้าใกล้การแข่งขันทั้งห้าสำนักมากขึ้นทุกวัน พวกเขาก็ยิ่งจะงานยุ่ง เมื่อรู้ว่าจูนจิ่วปลอดภัย ก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ไม่วายตอนไป ยังลากเอาตัวชิงหยู่ที่ทำท่าเกียจคร้านกลับไปด้วย นี่ช่างถูกใจเหอซ่านซะจริง