บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 1000
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 1000
“ลาน่า!” โยริคดูโกรธเป็นอย่างมาก “พรุ่งนี้สิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือบินกลับไปที่เมืองเอฟซะ! แล้วฉันก็ไม่อนุญาตให้เธอกลับมาที่เกลนเดลอีก!”
ลาน่ากัดฟันกรอด เธอเตะโต๊ะกาแฟแล้ววิ่งออกไป
หลังจากที่ลาน่าจากไป ฟาเบียนก็เดินเข้ามาหาโยริค “จริงหรือเปล่า? ที่มีคนมีอำนาจเหนือกว่าหัวหน้าแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันจนพี่ต้องหงอและคอยเอาอกเอาใจเขาแบบนี้?”
โยริคมองฟาเบียนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสายตาที่คมกริบ
“ฟาบ นายเองก็ควรกลับไปเมืองเอฟกับเธอ”
“ไม่ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการที่นี่” ฟาเบียนปฏิเสธ ก่อนเอ่ยถาม “ทำไมถึงบอกไม่ได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? ฉันรู้จักหรือเปล่า?”
“ทางที่ดีนายไม่รู้จะดีกว่า” โยริคเอ่ยอย่างหวังดี ก่อนจะสังเกตเห็นผมสีน้ำตาลของอีกฝ่าย “ช่วงนี้นายเปลี่ยนลุคไปเยอะนี่ กำลังคบกับใครอยู่หรือเปล่า?”
“คบกับใคร?” เฟเบียนเย้ยหยัน “ไม่มีทาง ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกนี้คู่ควรกับฉัน” ชายหนุ่มเอ่ยเย้ยหยัน แต่เมื่อนึกถึงการที่เขาถูกปฏิเสธช่อโลลิป๊อบเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้
การได้ลิ้มรสความโรแมนติกอันแสนหวานนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
…
ลาน่าขับรถไปที่บาร์โดยมีนาโอมิติดตามไปด้วยกัน
เมื่อเห็นอีกฝ่าย ลาน่าก็เริ่มโวยวาย “ทำไมต้องโทรหาฉันตอนนั้นด้วย? เธอทำแผนฉันพังรู้ตัวหรือเปล่า?”
นาโอมิเองก็โต้ตอบทันที แต่ก็ไม่กล้าที่จะสู้มากนัก “ทำไมถึงโกรธขนาดนี้ล่ะลาน่า? ฉันก็แค่อยากจะชวนเธอมาดื่มแค่นั้นเองนะ”
ลาน่าเทเหล้าและเล่าให้นาโอมิฟังว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากที่ได้ยินเรื่องราว นาโอมิก็ช็อคอยู่ไม่น้อย “ว่าไงนะ? โยริคมีคนหนุนหลังอีกทีงั้นเหรอ? เขาเป็นใครกัน?”
“ก็เธอดันโทรมาตอนที่ฉันเกือบจะได้เห็นหน้าเขาไงล่ะ!”
“อ้าว ลาน่า ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ นี่” นาโอมิรู้สึกเสียใจ
ลาน่าเดือดดาล ถึงอย่างไรเธอเองก็รู้ว่าการตะโกนใส่นาโอมิไปก็ไร้ประโยชน์ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอาแต่หมกมุ่นกับแอลกอฮอล์ หลังจากที่ทั้งดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ ลาน่าก็เลือกที่จะไปปลดปล่อยที่ฟลอร์เต้นรำกับหนุ่ม ๆ
ในตอนที่กำลังเต้นอยู่ ร่างสูงที่คุ้นเคยก็ดึงดูดสายตาของเธอ
“เจเรมี่?” เธอมองไปที่ด้านนอกประตูบาร์และเร่งเดินไปหาเขาอย่างรีบร้อน
นาโอมิเองก็เมามากเช่นกัน เมื่อเห็นลาน่าเดินไปที่ประตู เธอจึงรีบเดินตามหลังลาน่าไป
เมื่อลาน่าเดินไปที่ประตูและเห็นชายที่เธอครอบครองไม่สำเร็จ เธอก็รีบโผเข้าหาเขาราวกับเป็นผึ้งที่กำลังโหยหาน้ำหวานในทันที ทว่าเขาคนนั้นไม่สนใจเธอและยังคงเดินต่อไป
“อย่าไปนะ เจเรมี่” ลาน่าเดินโซซัดโซเซตามเขาไป “เจเรมี่ ไม่ช้าหรือเร็ว คุณก็ต้องเป็นของฉัน ไม่ใช่เอวลีน ยัยนั่นจะเทียบกับฉันได้ยังไง?”
หลังจากที่เธอพูดจบ ชายคนนั้นก็หยุดเดิน และเปิดประตูรถซึ่งจอดไว้ข้างถนน
ลาน่าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างเกี้ยวพาราสี
“คุณมันแย่ เจเรมี่ นี่คุณจะพาฉันไปไหน?”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเย็นชา “เข้าไปสิ เดี๋ยวก็รู้”
ลาน่ายิ้มยั่วยวน แล้วเข้าไปในรถ โดยที่มีนาโอมิตามขึ้นมาด้วย
พวกเธอไม่รู้เลยว่ารถกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน หรืออยู่บนถนนมานานเท่าไหร่แล้ว หลังจากที่ลาน่าและนาโอมิลงจากรถ ทั้งสองก็หมดสติไปแล้ว
ดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสง ทว่าลาน่าและนาโอมิกลับกำลังหลับใหล แต่แล้วพวกเธอก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกราวกับติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
พวกเธอตัวสั่นและลืมตาขึ้นมอง
แสงยามเช้าที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้สามารถมองเห็นแมลงสาบและหนูที่วิ่งอยู่ทั่วพื้น ลาน่ากับนาโอมิร้องลั่น ขณะที่พยายามหลีกหนีสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคเหล่านี้ ถึงอย่างนั้นเมื่อพวกเธอพยายามขยับตัว พวกเธอก็รู้ได้ในทันทีว่ากำลังถูกมัดเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้น?” ลาน่าร้องเสียงหลง “ใคร? ใครมันกล้าทำแบบนี้? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
สิ้นเสียงโวยวาย ลาน่าก็รู้สึกว่ามีเงาของใครบางคนปรากฏขึ้นทางด้านหลังของเธอ