บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 1051
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 1051
เจเรมี่มองเธอด้วยความสนใจ “อะไรเหรอ?”
ลาน่าก้าวไปอีกฝั่งเพื่อจุดบุหรี่สูบ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามเจเรมี่ขึ้นมาแบบปุบปับ “เจเรมี่ คุณรู้จักใครอีกบ้างที่มีอิทธิพลพอจะปกป้องเอวลีนได้แบบไม่เปิดเผย? แน่นอนว่านอกจากพ่อแม่ของเธอน่ะ”
แววตาของเจเรมี่เปลี่ยนไปทันที “เธอถามทำไม?”
“เพราะ…” ลาน่าพ่นควันออกมาและพูดต่อ “เพราะมีชายลึกลับคนหนึ่งอยู่เบื้องหลังพี่ชายฉัน ดูเหมือนว่าพี่ชายของฉันจะกลัวเขาน่ะ เขาไม่ยอมให้ฉันหาเรื่องเอวลีน เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นต้องการจากเขา ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่”
เมื่อรู้สถานการณ์นี้แล้ว เจเรมี่ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาจริง ๆ
ไม่ว่าชายลึกลับคนนี้จะเป็นใคร แต่อย่างน้อยเขาก็คอยช่วยเหลือเมเดลีน
ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดี
แต่ผู้ชายคนนี้คือใครกัน ถึงสามารถทำให้โยริคยอมจำนนได้?
ในขณะที่เจเรมี่กำลังคิดเรื่องนี้ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินลาน่าพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจเรมี่ คุณก็เห็นท่าทีของพี่โยริคนี่คะ ตลอดหลายปีมานี้ที่ฉันอยู่ในแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันแล้วก็ทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้เขา แต่เขากลับเลือกที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้องสาวอย่างฉันเพราะเอวลีน ในเมื่อเขาใจร้ายกับฉันก่อน เพราะงั้นก็ไม่ควรมาว่าฉันทีหลัง หากฉันจะไร้ความปรานีบ้าง”
เจเรมี่ชำเลืองมองแล้วถาม “เธอวางแผนจะทำอะไร?”
ลาน่าแตะแก้มที่บวมของเธอ “ฉันเป็นคนที่คอยดูแลบัญชีให้สเตเจี่ยน จอห์นสันมาเสมอ คุณรู้ไหมว่าธุรกิจส่วนใหญ่ของสเตเจี่ยน จอห์นสันเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่ควรรู้ หลังจากที่ได้เงินมาแล้ว ก่อนจะใช้ได้อย่างสุจริตก็ต้องทำความสะอาดให้หมดจดก่อน”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ลาน่าก็เดินไปหาเจเรมี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจ “ฉันคิดดูดี ๆ แล้ว เรามาจัดการกันเองเถอะค่ะ เพราะต่อไปคุณก็จะได้รับผิดชอบธุรกิจภายนอก ส่วนฉันจะรับผิดชอบเรื่องการฟอกเงิน คุณทำงานข้างนอก ส่วนฉันทำงานข้างใน แบบนี้เราก็ดูเหมือนสามีภรรยากันดีไม่ใช่เหรอคะ?”
ดวงตาของลาน่าเป็นประกาย และเธอก็อยากจะขยับเข้าไปพิงเจเรมี่
ทว่าชายหนุ่มแสร้งทำเป็นจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงเธอ ก่อนจะถามอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “บัญชีที่คุณพูดถึงคือบันทึกบัญชีทั้งหมดที่ทำโดยแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้หรือเปล่า? โยริคให้คุณดูแลเรื่องสำคัญแบบนี้ด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลาน่าก็เอ่ยอวดว่า “เพราะฉันเป็นน้องสาวของเขาน่ะสิคะ เรื่องบัญชีแยกประเภทที่สำคัญแบบนี้ ก็คงไม่พ้นมือของฉันหรอก”
เจเรมี่มองไปที่ลาน่าด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย “เธอคงมีความสามารถจริง ๆ สินะ ฉันคงประเมินเธอต่ำเกินไป”
ลาน่ายิ้มให้เจเรมี่อย่างอ่อนโยน “ที่รักคะ เรายังมีเวลาอีกเยอะเลยนะ คุณค่อย ๆ ทำความรู้จักฉัน… โอ๊ย!” ลาน่าอยากจะขอจูบจากเจเรมี่ แต่จู่ ๆ มุมปากของเธอก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างแรง
“กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ฉันกำลังจะออกไปคุยเรื่องข้อตกลง แล้วจะกลับมาคุยรายละเอียดกับเธอเมื่อกลับมาแล้ว”
ลาน่ารู้สึกเหนื่อยจริง ๆ เพราะก่อนหน้าที่เมเดลีนผลักเธอตกลงไปในสระว่ายน้ำ เธอต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจนกล้ามเนื้อทั่วร่างกายกำลังออกอาการปวดเมื่อยเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ชายหนุ่มออกไป เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพิมพ์ตัวเลขอารบิกสองสามตัวแล้วกดส่ง จากนั้นก็ขับรถไปตามถนนสายหลัก ก่อนจะเข้าไปในร้านกาแฟที่มีคนไม่มาก
ชายหนุ่มแต่งตัวดีอีกคนนั่งอยู่ตรงมุมหน้าต่าง เจเรมี่เดินไปหาและพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมได้ข่าวเกี่ยวกับบัญชีแยกประเภทที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้แล้ว และขอปฏิบัติภารกิจทันที ผมไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว พวกคุณไม่มีทางรับประกันความปลอดภัยของภรรยาและลูกสาวผมได้”
ชายที่นั่งตรงข้ามเขาตอบอย่างสุภาพว่า “เจเรมี่ เป็นเรื่องดีที่คุณได้รับข่าวเกี่ยวกับบัญชีแยกประเภท แต่รากฐานของแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันแข็งแกร่ง และพวกเขาก็มีอำนาจมากในเมืองเอฟ มันคงจะดีกว่าถ้าเราจะไม่รีบร้อนแล้วบุ่มบ่ามเข้าไป”
“ลูกสาวผมโดนยัยผู้หญิงโรคจิตนั่นทำให้เป็นใบ้นะ คุณจะให้ผมเอาอกเอาใจเธอต่อไปอย่างใจเย็นได้ยังไง?”
อีกฝ่ายยิ้มอย่างใจดี “เจเรมี่ เราเห็นหมดแล้ว ว่าคุณรับมือได้ดี”
‘รับมือได้ดีงั้นเหรอ?’
เจเรมี่พบว่ามันน่าขัน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด
จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับไอบีซีไอ
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เจเรมี่ก็เอ่ยอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังโยริค จากคำพูดของลาน่าเท่าที่ผมเข้าใจ เขาดูจะกลัวคนคนนี้มาก”
คนฟังชะงักแล้วเอ่ยเสริม “คนคนนี้ เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของเรา”
“เพื่อนร่วมงาน?” ดวงตาของเจเรมี่หรี่ลงอย่างสงสัย “ใคร?”
คนถูกถามลังเลและเอ่ยด้วยความลำบากใจ “ตอนนี้เรายังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและภารกิจ”
เจเรมี่ไม่ได้ต้องการต้อนให้อีกฝ่ายตอบคำถาม เพราะเขารู้กฎเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงไม่ถามอะไรอีก