บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 139
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 139
หลังจากที่เธอออกจากสถานีตำรวจไป รอยยิ้มในรอบหลายเดือนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ มาเดลีน
ในที่สุดเธอก็สามารถหาหลักฐานมาลงโทษเมเรดิธในความผิดที่หล่อนทำ
หากพวกเขาพบเลือดของบริทนีย์ที่ต่างหู เมเรดิธเองจะไม่สามารถหาคำแก้ตัวใด ๆ ให้ตัวเองได้
มาเดลีนกำลังนับวันรอข้อมูลที่คืบหน้าจากตำรวจ แต่เธอก็ยังไม่ได้รับอะไรเลยหลังจากผ่านไปสองวัน
เธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอจึงไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอกำลังวิ่งเข้าไปหาเมเรดิธและเจเรมี่ที่ทางเข้าสถานี
มาเดลีนมองไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นใครจากระยะไกล เธอถือร่มขณะยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอสามารถได้ยินเพียงเสียงของเมเรดิธจากในระยะหนึ่งไมล์เท่านั้น
“เจเรมี่ ทำไมมาเดลีนไม่ปล่อยฉันไปสักที? เธอจะมีความสุขก็ต่อเมื่อฉันตายเท่านั้นหรือไงกัน?”หลังจากที่เมเรดิธพูดสิ่งนี้ เธอก็เห็นมาเดลีนยืนอยู่เสียงของเธอฟังดูประหลาดใจ “แมดดี้?”
มาเดลีนพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นเธอเห็นใบหน้าของเมเรดิธที่เข้ามาใกล้เธออย่างพร่ามัว
“แมดดี้ ฉันจะทำยังไงให้เธอปล่อยฉันไป? ทำไมถึงกล่าวหาว่าฉันฆ่าบริทย์? บริทย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ทำไมฉันต้องฆ่าเธอ? เป็นเรื่องปกติที่จะมีเลือดของบริทย์ติดอยู่ที่ต่างหูนั้นเพราะฉันเป็นคนให้ตุ้มหูคู่นั้นกับเธอ!” เสียงของเมเรดิธฟังดูสะเทือนใจขณะที่เธอสะอื้น
มาเดลีนยิ้มอย่างใจเย็น “เธอฆ่าบริทนีย์ เธอคิดว่าเธอจะสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ด้วยการพูดทั้งหมดนี้ออกมาหรือไง? เมเรดิธ เธอไม่สามารถวิ่งหนีจากความสามารถของตำรวจในการติดตามคนร้ายได้ ในที่สุดความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา”
“แมดดี้ เธอ…”
“ไม่ว่าการแสดงและน้ำตาของเธอจะดีหรือจริงใจแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์กับฉัน ฉันยังคงเห็นว่าหัวใจของเธอมันน่ากลัวแค่ไหนแม้ว่าฉันจะตาบอดก็ตาม”
“พอ!”
เสียงโกรธของเจเรมี่ดังมาจากข้างหน้าพวกเขา
หัวใจของมาเดลีนเต้นผิดจังหวะขณะที่เธอจับร่มแน่นขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสและชัดเจนของเธอจ้องมองไปที่ด้านหน้าอย่างไม่ยินดียินร้ายใด ๆ
มาเดลีนสามารถมองเห็นใบหน้าที่ดูเกรี้ยวกราดและหล่อเหลาจากการมองเห็นอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ในตาซ้ายของเธอผ่านม่านแสง
เจเรมี่เดินไปตรงหน้ามาเดลีนและดึงเมเรดิธไว้ข้างหลังเขา
“มาเดลีน ฉันเตือนเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าไปคุกคามเมอร์ เธอยังไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนทั้งหมดใช่ไหม ห้ะ?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาปนไปด้วยความเป็นไปได้ที่เขาจะพลิกแพลงอารมณ์โกรธออกมาในทุกวินาที
แม้ว่าตอนนี้มาเดลีนจะมองไม่เห็นชัดเจน แต่เธอยังพอนึกภาพออกว่าเมเรดิธคงยิ้มเยาะเธออย่างพอใจที่เจเรมี่มาช่วยหล่อนและผู้ชายคนนั้นก็แสดงออกอย่างเย็นชา อย่างหนักแน่น
เธอยิ้ม “คุณวิทแมน ฉันคิดว่าคุณรู้ชัดเจนว่าใครก่อกวนใครกันแน่”
หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น เสียงอันนุ่มนวลของเมเรดิธก็ดังขึ้น “เเมดดี้ ฉันไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ในที่สุดฉันก็ได้เข้าใจมันแล้ว เธอเรียกตัวเองว่าน้องสาวของฉันเพื่อที่คุณจะได้ใกล้ชิดกับเจเรมี่เท่านั้น ฉันมันช่างโง่เขลาเหลือเกิน ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำร้ายคนที่ฉันห่วงใยเพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา”
เจเรมี่รู้สึกเสียใจและสงสารเมเรดิธจับใจทันทีหลังจากสิ่งที่เธอพูดจบ เขาวางมือรอบไหล่ของเธอเบา ๆ “เมอร์ ไม่ต้องกลัว เธอจะเป็นภรรยาของฉันในไม่ช้า ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอเสมอ ฉันจะไม่มีวันผิดสัญญา”
“เจเรมี่ ฉันดีใจมากที่มีคุณอยู่…”
“เฮ้” มาเดลีนเย้ยหยัน ความขมขื่นและความอิจฉาเริ่มเพิ่มขึ้นในอกของเธอ
เจเรมี่จ้องมองใบหน้าของมาเดลีนอย่างเย็นชา เมื่อเขาเห็นว่าเธอไม่ได้มองมาที่เขาสักนิดเส้นเลือดที่หน้าผากของเขาได้ปูดออกมา “มาเดลีน ผมร่างเอกสารการหย่าร้างเสร็จแล้ว ผมจะให้เวลาหนึ่งวันในการเซ็นชื่อหลังจากที่เธอได้รับ!”
มาเดลีนกัดริมฝีปากของเธอ ฝนที่ตกลงมาบนร่มของเธอรู้สึกเหมือนเศษแก้วที่พยายามแทงทะลุหัวใจของเธอ เธอเจ็บปวดมาก “เจเรมี่ ฉันบอกคุณแล้ว ฉันไม่ตกลงกับการหย่าครั้งนี้! คุณอย่าได้คิดว่าฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงตีสองหน้าคนนี้เข้ามาแทนที่ฉันตราบเท่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่!”
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ!” เจเรมี่ตอบอย่างเย็นชา เมื่อเขาเห็นว่ามาเดลีนไม่ได้มองมาที่เขา เขากลับรู้สึกปวดร้าวในใจ จากนั้น เขาจับมือของเมเรดิธเพื่อเดินออกไป
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาจงใจกระแทกไหล่ของเขาเข้าที่มาเดลีน
มาเดลีนอ่อนแอเป็นอยู่แล้ว ดังนั้นจากแรงที่เขากระแทกเพีบงเล็กน้อยกลับส่งเธอล้มลง และร่มตกลงไปในขณะที่เม็ดฝนทำให้เสื้อผ้าและใบหน้าของเธอเปียกโชกในทันที
เธอลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าซีดเซียวก่อนจะคลำหาร่ม
หลังจากเจเรมี่สตาร์ทรถ เขากลับมีความรู้สึกไม่ทราบสาเหตุก่อเกิดในใจ เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กระจกหลังโดยไม่รู้ตัว