บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 322
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 322
“ฉันรู้ดีว่าทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ต้องได้ยินข่าวลือที่ว่าฉันถูกลักพาตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ ใช่แล้วล่ะ ฉันถูกลักพาตัวไปจริง ๆ และฉันถูกผู้ชายสองสามคนย่ำยีศักดิ์ศรีของฉัน ทำให้ฉันอับอายและคนที่วงการเรื่องทุกอย่างก็คือ วีล่า ควินน์ คนนี้ ตอนแรกฉันไม่ต้องการที่จะเอาความเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่าตอนนี้เธอกลับพลิกสถานการณ์ให้ฉันเป็นคนร้ายในเรื่องนี้แทน เพราะฉะนั้นฉันทนเรื่องนี้ต่อไปไม่ไหวจึงต้องประกาศบอกทุกคน”
เมเรดิธกัดปากชี้ไปทางมาเดลีนอย่างรวดเร็ว
“วีล่า ควินน์ ฉันขอประณามเธอต่อหน้าสาธารณชน!”
เมื่อเสียงที่เธอประกาศออกไปนั้นจบลง ผู้คนรอบข้างก็เลือกที่จะอยู่ข้างเมริดิธ
“คุณครอว์ฟอร์ด เราทุกคนสนับสนุนคุณ”
“วีล่า ควินน์ เธอมันไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน!”
“คุณเมเรดิธ ไม่ต้องกลัวไปเลยนะ พวกเราทุกคนจะร่วมกันประนามผู้หญิงเลวทรามคนนี้!”
“วีล่า ควินน์ เป็นเพราะเธอทำตัวแบบนี้ อย่าได้คิดหวังว่าพวกเราทุกคนจะสนับสนุน มิสเลย์ดี้ อีก อีกในอนาคต ฉันเชื่อว่าอีกไม่นาน มิสเลย์ดี้ จะล้มละลายในที่สุด!”
“ทุกคนหุบปาก!”
ท่ามกลางฝูงชน เสียงเย็นยะเยือกดังทะลุออกมาอย่างรุ่นแรง เสียงนั้นดังขึ้นขัดคำพูดที่กำลังด่าทอสาปแช่งมาที่มาเดลีน
มันอดไม่ได้เลยที่ทุกคนจะตะลึงในสิ่งนั้น ทุกคนส่งสายตาไปมองปฏิกิริยาที่เจเรมี่แสดงออกมาและขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาเดลีนสายตาของเขาจ้องมองไปที่ทุกคน
เจเรมี่ที่ยืนอยู่ข้างมาเดลีนนั้น มีดวงตาที่แหลมคมเป็นอันตรายเหมือนดาบคมที่สามารถกวาดล้างทุกคนที่ต่อต้านมาเดลีนได้เลยก่อที่เขาจะใช้สายตานั้นมองไปยังทุกคนที่พูดไม่เข้าหูก่อนที่สายตาสุดท้ายของเขาจะไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเมเรดิธ
หัวใจของเมเรดิธมีอาการเต้นอย่างผิดจังหวะในขณะที่การหายใจของเธอนั้นรู้สึกติดคัด
“ทำไมคุณต้องทำให้ตัวเองอับอายด้วย? ผมบอกก่อนหน้านี้แล้วไงว่าไม่ให้พูดถึงมันอีกแต่คุณก็ยังเลือกที่จะเปิดเผยเรื่องนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและยังเป็นโอกาสสำคัญแบบนี้”
“เจเรมี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันถูกบังคับ ฉันไม่อยากให้คนที่เป็นคนร้ายลอยนวลไปกับเรื่องนี้” เมเรดิธ อธิบายด้วยความรู้สึกเสียใจ “เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดถึงมันอีก ฉันจะไม่พูดถึงมันอีกแล้วและฉันจะไม่สืบสาวเอาความเรื่องนี้อีกต่อไป”
เธอเน้นย้ำเรื่องนี้ แต่ภายในใจแล้ว เธอไม่ต้องการให้ใครมาสอบสวนเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน
หากพวกเขามองเข้าไปจริง ๆ พวกเขาจะพบความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้บงการเบื้องหลังทั้งหมด
“เราจะไม่สอบสวนเอาความได้ยังไง? แน่นอนว่าเราจะต้องทำมันให้ถึงที่สุด! เอโลอิสกล่าวอย่างเฉียบขาด
เจเรมี่หัวเราะเยาะ ดวงตาเย็นชาของเขาทำให้เมเรดิธลุกลี้ลุกลนมากขึ้น เธอจงใจดึงมือของเอโลอิส “คุณแม่คะ ลืมมันไปเถอะนะ หนูไม่อยากเอาความเรื่องนี้—”
“คุณคิดว่ามันยังเป็นไปได้ไหมที่จะไม่สอบสวนเรื่องนี้? แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ “เจเรมี่ขัดจังหวะอย่างเย็นชา เขามองเมเรดิธด้วยสายตาที่จืดจางตั้งแต่หัวจรดเท้าจนทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นไปหมด
“มันเป็นเพราะว่าผมเห็นว่าเราเคยอยู่ด้วยกันมานาน ผมไม่มีความคิดที่จะพูดความจริงพวกนั้นออกไป ผมไม่สนใจว่าคนภายนอกจะกี่ร้อยกี่พันคนจะมองผมยังไง” เจเรมี่พูดขณะที่เขามองไปที่มาเดลีน
“แต่คุณไม่ควรใส่ร้ายคนที่ผมห่วงใย” เขาหยุดพูดก่อนที่จะมองเมเรดิธด้วยสายตาผิดหวัง “คุณทำแบบนั้นไม่ได้”
“…” ใบหน้าของเมเรดิธซีดลงชั่วขณะ และเธอตื่นตระหนก! “เจเรมี่ —”
“ผมได้สอบสวนเรื่องนี้อย่างชัดเจนและมีตำรวจได้อธิบายถึงสถานการณ์ให้ผมฟังเมื่อเช้านี้ นักโทษทั้งสี่คนได้สารภาพและบอกว่าคุณเป็นคนที่สั่งให้พวกเขาลักพาตัววีล่า แต่ต่อมา เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น มันเป็นเพราะคุณปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้สวะทั้งสี่คนกลับกลายเป็นว่าพวกมันโกรธมากแล้วพากันย่ำยีศักดิ์ศรีของคุณ”
“…” ใบหน้าของเมเรดิธสีซีกออดมาเห็นได้ชัดเธอกลับรู้สึกอับอายมากเมื่อคิดไม่ถึงว่าเจเรมี่จะรู้เรื่องนี้แล้ว!
เอโลอิสยืนฟังด้วยความตกใจเธอส่ายหัวไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า “เป็นไปไม่ได้! เมเรดิธเป็นเหยื่อต่างหาก!”
“เธอเป็นผู้กระทำความผิด” เจเรมี่ตอบอย่างไม่ลังเลว่า “วีล่าต่างหากเป็นเหยื่อตัวจริง ผมเป็นคนขอให้วีล่าไม่แจ้งเอาความเรื่องนี้เป็นเพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของลูกสาวของคุณ”
“…” เอโลอิสลิ้นพันและพูดไม่ออก “เป็นไปได้ยังไง? ทำไมเมเรดิธถึงทำแบบนี้? ไม่ …”
“คุณแม่ ได้โปรดเชื่อหนู หนูไม่มีทางทำแบบนี้ อย่างแน่นอน! “เมเรดิธยังคงพยายามแสดงละครต่อ “เจเรมี่ คุณถูกวีล่าหลอก เธอต้องจ่ายเงินมหาศาลให้กับพวกสี่คนนั้น! ถ้าฉันทำแบบนั้นจริง ๆ ตำรวจคงตามมาจับฉันไปแล้วแต่นี่พวกเขาไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าฉันเป็นคนทำ!”
“เธอต้องการหาหลักฐานงั้นเหรอ? หลักฐานอยู่นี่แล้ว”