บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 385
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 385
ดั่งฟ้าผ่าลงกลางอกเอโลอิสแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยินทุกคำที่เมเรดิธตะโกน
มือของเธอสั่นสะท้านในขณะที่ผลักประตูห้องขังเข้าไป
ทั้งสามคนสะดุ้งเมื่อเห็นเอโลอิสมาปรากฏตัวตรงหน้าอย่างกะทันหัน
“คุณนายมอนต์โกเมอรี… มาทำอะไรที่นี่?” โรสยืนขึ้นและมองไปที่เอโลอิสด้วยความอึดอัดใจ
เมเรดิธดูสงบเมื่อคลื่นความตกใจได้ผ่านพ้นไป “คุณแม่ มาหาหนูเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้นกับมือของคุณแม่? ทำไมที่มือถึงมีผ้าพันแผลได้?”
น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนและแววตาของเธอดูละมุนละไม ไม่ทิ้งล่องลอยอำนาจและความโอหังที่มีเมื่อครู่นี้เลยสักนิด
เอโลอิสไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อยกับความเป็นห่วงและการทักทายจอมปลอม สำหรับเธอตอนนี้ในสายตาของเธอกำลังเบื่อหน่ายรูปลักษณ์ที่ดูบอบบางของผู้หญิงตรงหน้าเช่นนี้ “คำพูดที่เธอเพิ่งพูดออกไป เป็นความจริงหรือเปล่า?”
เมเรดิธตกตะลึง เธอสรุปได้ว่าเอโลอิสคงได้ยินที่เธอตะโกนออกไปก่อนหน้านี้ด้วยความโกรธที่ไม่สามารถยับยั้งได้ไปหมดแล้ว
“คุณแม่ คุณกำลังเข้าใจผิด ที่จริงมันก็แค่…”
“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด!” เอโลอิสเอ่ยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา น้ำตามากมายทำให้สายตาเกิดความพร่ามัว ขณะนี้ดวงตาของเธอเปียกไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย “ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโกหกฉัน! เธอไม่ใช่ลูกสาวของฉัน! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะปล่อยให้ตัวเองช่วยเรื่องโกหกที่น่าสมเพชนี่ที่เธอหลอกฉันมาตลอด!”
“เราไม่ได้โกหก คุณนายมอนต์โกเมอรี คุณกำลังเข้าใจเราผิด” โรสยืนกรานอย่างหนักแน่น “เมเรดิธเป็นลูกสาวของคุณ ปานของเธอและผลตรวจเลือดนั่นคุณก็เห็นมันไม่ใช่เหรอ? เพียงแค่สองสิ่งนี้ก็ทำให้คุณพิสูจน์ได้แล้วว่าเธอเป็นทายาทของมอนต์โกเมอรี!”
“ปาน?”และทันใดนั้นเอโลอิสได้เยาะเย้ยตัวเองอย่างไม่เห็นด้วย “ในตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมถึงเห็นพวกเธอสองคนที่ร้านสักเมื่อวันก่อน”
“…”
แทบจะทันทีทันใด ทั้งเมเรดิธและโรสต่างมองหน้ากัน
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเอโลอิสจะรู้เรื่องนี้
“สิ่งที่เธอบอกกับฉันมันไม่ใช่ปาน แต่เป็นรอยสัก! เธอเป็นคนสร้างรอยปานนั่นจากรอยสัก!” เอโลอิสมองออกในทุกเรื่องที่พวกเขาโกหก
ทั้งเมเรดิธและโรสต่างพูดไม่ออก
“ผลตรวจเลือดก็คงปลอมเช่นกัน เธอคงจ่ายเงินให้กับสถานที่ตรวจแห่งนั้นอย่างมากสินะ” เอโลอิสจ้องเมเรดิธเขม็งด้วยดวงตาของเธอเริ่มแข็งกร้าวและดุร้าย “เธอมันน่ารังเกียจ เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด! ฉันเห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ และปกป้องเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจากเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เธอเป็นคนทำ ให้ตายเถอะ ฉันยังร่วมมือกับเธอจัดการกับวีล่าและช่วยดึงเธอออกมาจากสถานการณ์เลวร้ายที่เธอต้องเจอ แต่สิ่งที่ฉันได้ตอบแทน ก็คือการที่เธอร่วมมือกับพ่อแม่บุญธรรมของเธอรวมหัวกันโกหกฉัน”
“นั่นไม่จริง คุณนายมอนต์โกเมอรี คุณกำลังเข้าใจผิด…”
“ลืมมันไปเถอะ ไม่ต้องอธิบายแล้ว” เมเรดิธขัดจังหวะโรสด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เธอจ้องคนที่เคยเรียกว่าแม่ด้วยสายตาน่ากลัวและมืดมิดคู่นั้นของเธอสบเข้ากับสายตาของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังโกรธจัดอยู่ในขณะนี้ “ใช่คุณพูดถูก ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ”
เอโลอิสหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ทั้งกายของเธอกำลังสั่นหวั่นไหวเมื่อได้ยินเมเรดิธยอมรับ
เธอยอมรับมันแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกสาวของเธอ!
“งั้นวีล่าก็พูดความจริงมาตลอด” เอโลอิสไม่สามารถรู้สึกเสียใจไปมากกว่านี้ เมื่อความสำนึกผิดชอบชั่วดีของหล่อนได้ถูกกลืนกินไปและที่ผ่านมาการกระทำสิ่งเลวร้ายนี่คือการตอบกลับด้วยความจริงและสิ่งที่หล่อนได้ทำร้ายวีล่าคือคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เมเรดิธเอ่ยขึ้นอย่างเหยียดหยาม “คุณควรคิดวิธีที่จะพาฉันออกไปจากที่นี่ดีกว่า เอโลอิส แพททัล หรือว่าจะตัดใจที่จะพบกับลูกสาวตัวจริงของตัวเองอีกครั้ง!”
ดวงตาของเอโลอิสลุกเป็นไฟเมื่อได้ยิน “เธอรู้ใช่ไหมว่าลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน?”
“แน่นอน ฉันรู้ ไม่งั้นฉันจะไปเอาจี้ทองนั้นมาจากที่ไหนได้?” เมเรดิธยิ้มออกมาอย่างสบาย ๆก่อนจะยืนขึ้นช้า ๆ “เราไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีกแล้ว แต่ถ้าคุณสามารถพาฉันออกไปได้ รบกวนไปติดต่อเจ้าหน้าที่เลยดีกว่าไหม? จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา”
เอโลอิสพุ่งไปข้างหน้าราวกับดาบที่ไม่มีฝักเมื่อเห็นเมเรดิธกำลังกลับเข้าห้องขังไป “อย่าเพิ่งไป เมเรดิธ บอกฉันมาว่าลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน!”
เมเรดิธหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาและไม่สนใจ “พาฉันออกไปจากที่นี่ แล้วฉันจะเป็นคนบอกกับคุณเอง คุณไม่ต้องบอกคนทั้งโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ขอให้แน่ใจเอาไว้เลยว่าฉันจะทำให้คุณไม่ได้เจอลูกสาวของตัวเองอีก”
“เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด! เมเรดิธ เธอหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”
เอโลอิสอยากจะหยุดเธอไว้ แต่ในความเป็นจริงเมเรดิธหันหลังแล้วเดินเข้าไปที่คุมขังของเธอแล้ว
จากสถานการณ์ในห้องทั้งโรสและจอห์นต่างพากันเดินออกจากห้องเช่นกัน เอโลอิสรีบไล่ตามพวกเขาไป
ฌอนที่กำลังยืนรอเอโลอิส เมื่อเขามองเห็นโรสและจอห์นรีบเดินออกมาจากประตูคุกประตูก็เปิดออกตามมาด้วยเอโลอิสที่ไล่ตามออกมาอย่างร้อนรน
เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างชัดเจน ฌอนรีบวิ่งลงจากรถตรงไปหาพวกเขาทันที