บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 410
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 410
มาเดลีนเผยรอยยิ้มออกมาคล้ายว่ามีบางอย่างอยากจะพูดแต่ในขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์ของเธอได้ดังขึ้น
เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือและเห็นว่าผู้ที่โทรมาคือเฟลิเป้
เธอกดรับสายด้วยท่าทางที่เป็นปกติและดูไม่มีพิรุธอะไรและกดวางสายเพียงแค่เอ่ยประโยคสั้น ๆ เพียงไม่กี่คำ
“ขอโทษนะเจเรมี่ ฉันมีบางอย่างที่ต้องจัดการที่ร้าน ฉันต้องขอตัวไปก่อน”
“งั้นผมจะไปหาคุณหลังเลิกงาน”
“เกรงว่าจะไม่ได้ เราไปเจอกันคืนนี้เลยดีกว่า” มาเดลีนตอบกลับ ในขณะที่หันหลังกลับออกไป เจเรมี่คว้ามือเธอไว้ ทำให้เธอต้องหันกลับมามองเขาด้วยความสงสัยในชั่วพริบตา เจเรมี่ก้มลงจูบที่ริมฝีปากเธอ
“จูบลา”
“…”
มาเดลีนตอบรับด้วยรอยยิ้มทั้งที่ความจริงแล้วเธอกำลังปฏิเสธอยู่
หลังจากที่เธอได้เดินจากไป รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ได้หายไปเช่นกัน และดวงตาคมกริบของเขาเลือนลาง หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยแห่งความเสียใจ
ณ ตอนนี้ เอโลอิสได้เปิดเผยออกมาว่ามาเดลีนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ ข้อสันนิษฐานนี้กำลังเป็นคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุดในคำถามที่อยู่ในใจเจเรมี่
“ลินนี่…”
ชื่อนี้ได้ถูกพูดออกมาจากริมฝีปากเขาอย่างอ่อนโยน บ่งบอกได้ถึงความรักและความเสียใจที่เขามีให้อย่างสุดซึ้ง
…
มาเดลีนเดินทางมาพบกับบเฟลิเป้ เธอกำลังอธิบายให้เขาฟังในเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอและแผนการที่เธอและเขาได้ร่วมมือกัน
“ในคอมพิวเตอร์ของเจเรมี่ต้องใส่รหัสผ่านมากมาย เพราะงั้นข้อมูลที่คุณต้องการอาจจะไม่ได้มาง่าย ๆ อย่างที่คุณคิด”
“มันจะเป็นเรื่องที่ผิดไปซะหน่อย ถ้าหากว่าเราได้รู้ถึงโครงสร้างและแผนผังทั้งหมดภายในบริษัทของเขาได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้น” เฟลิเป้หันหน้ามาหาเธอ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคล้ายแอลม่อนที่มีเสน่ห์กำลังประกายฉายแววอ่อนโยนอยู่ที่ใบหน้ามาเดลีน
“ผมขอพูดความจริงว่าเมื่อแผนการของเราสำเร็จ ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้”
“วันใดที่เราได้สิ่งที่ต้องการและแผนของเราลุล่วงไปได้ด้วยดี วันนั้นฉันจะกลับไปยืนอยู่เคียงข้างคุณ”
“พูดจริงใช่ไหมที่ว่าจะกลับมาหาผมหลังจากนี้?” ภายในดวงตาเฟลิเป้ดูน่าสงสัยเล็กน้อยในตอนนี้ “ในเมื่อคุณเคยรักเจเรมี่มากขนาดนั้น ตอนนี้คุณไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาแล้วจริงงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ มาเดลีนได้แต่ถอนหายใจพร้อมฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ไม่ว่าฉันเคยรักเขามากแค่ไหน ในตอนนี้ฉันเกลียดเขามากเท่านั้น”
สายตาของเธอในขณะนี้มองไปยังทะเลที่ไม่มีขอบเส้นกำหนดสุดลูกหูลูกตา
“ความรักที่ฉันเคยมีต่อเขาดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลของเอพริลฮิลล์ไปเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้อีกแล้วในชีวิตนี้…”
…
ในเวลาเดียวกันของอีกด้าน เอโลอิสและฌอนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาสิ่งของที่เคยเหลือทิ้งไว้ของมาเดลีนไปแล้ว ในจังหวะเดียวกันนั้นเองเขาได้รับโทรศัพท์ต่อสายตรงมาจากเจเรมี่
พวกเขาตกลงนัดกันยังสถานที่แห่งหนึ่ง เจเรมี่ได้ยื่นถุงพลาสติกใบเล็กที่มีแปรงสีฟันอันหนึ่งถูกใส่ไว้ข้างในให้เอโลอิส
“นี่มัน…” เอโลอิสหยิบถุงพลาสติกขึ้นมาดูด้วยความประหลาดใจ และเหมือนว่าเธอกำลังจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้พร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นเร็วขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เจเรมี่แสดงริมฝีปากของตัวเองขึ้นแล้วพูดว่า “นี่คือแปรงสีฟันอันล่าสุดที่เธอใช้ น่าจะพอมีดีเอ็นเอตกค้างอยู่บนนั้น”
“นี่… นี่คือแปรงสีฟันที่มาเดลีนเคยใช้จริงงั้นเหรอ?” เอโลอิสและฌอนตื่นเต้นและพากันประหลาดใจ
“คุณสามารถใช้เสิ่งนี้เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณกับเธอได้ แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าให้วีล่ารู้เรื่องนี้” น้ำเสียงของเจเรมี่แข็งทื่อแต่จุดมุ่งหมายของเขาดูจริงจัง “ผมก็แค่ไม่อยากให้เธอเข้าใจอะไรผิดก็เท่านั้น”
เอโลอิสและฌอนพยักหน้าพร้อมกันอย่างเข้าใจ
เจเรมี่ไม่ต้องการให้วีล่ารู้ว่าเขายังมีสิ่งของบางอย่างที่เก็บเอาไว้ นั่นเป็นสิ่งที่ควรเข้าใจอย่างสมบูรณ์เพราะในตอนนี้วีล่าเป็นภรรยาที่เขายอมรับแล้ว
หลังจากที่ได้แปรงสีฟันอันนั้นมา เอโลอิสและฌอนต่างพากันขอบคุณเขา และพวกเขาไม่รอช้าพากันไปที่สถาบันตรวจสอบทันทีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
นับจากนี้ไป หัวใจเจเรมี่ได้เริ่มกระวนกระวาย
ด้วยศักยภาพของตระกูลที่ทรงอำนาจอย่างมอนต์โกเมอรีแล้วนั้น แทบจะเป็นไปได้ภายในครึ่งชั่วโมงที่พวกเขาสามารถหาทางตรวจสอบและได้รับผลการพิสูจน์ระบุตัวตนในเวลาที่สั้นที่สุด
ในตอนกลางคืน เจเรมี่ที่เพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของตัวเองได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน เขาใช้เวลาอยู่สักพักในการมองไปยังตัวเลขผู้โทรเข้ามาอย่างไม่คุ้นตานี้ และในทันทีที่เขากดรับสาย น้ำเสียงตื่นเต้นของฌอนก็ได้ดังออกมาจากอีกด้านหนึ่ง…