บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 419
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 419
และในจังหวะนั้นเองที่มาเดลีนหันหน้ากลับไปมองที่ต้นเสียง เธอเห็นชายคนนั้นยืนอยู่ไม่ไกล ในนาทีนี้เธอรู้ตัวว่าได้ตอบรับชื่อนั้นออกไปโดยไม่ทันตั้งใจหลังจากที่เขาเรียกเธอว่า ‘แมดดี้’
สายตาของเธอกำลังสบเข้ากับนัยน์ตาที่ดูลึกลับของเขา มาเดลียิ้มอย่างใจเย็น
“แมดดี้? นี่อย่าบอกนะว่าคุณเองก็เป็นเหมือนกันกับคุณนายมอนต์โกเมอรี ดึงตัวเองออกจากบทบาทก่อนหน้านี้ไม่ได้ ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นมาเดลีนงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของเธอในตอนนี้กำลังจะบอกว่าเธอกำลังล้อเล่นที่ตอบรับเขาไปแบบนั้น เธอไม่รอช้าและไม่ให้ทุกอย่างดูเป็นพิรุธ เธอจึงเดินเข้ามาหาเขาและฉีกยิ้มกว้างออกมา
“แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะเรียกชื่อมาเดลีนอย่างสนิทสนมขนาดนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่คุณเกลียด ไม่ใช่หรือไง?”
มาเดลีนทำเป็นยิ้มเล็กน้อย เธอเดินผ่านเจเรมี่ไปและหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมา จากนั้น เธอเดินไปนั่งบนเตียงและพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า “มันค่อนข้างที่จะคาดไม่ถึงเลยนะ ปรากฏว่า มาเดลีนจะเป็นทายาทของตระกูลมอนต์โกเมอรี เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเหลือเกินที่เธอถูกคนใช้ในครอบครัวตัวเองสลับตัวกับเด็กที่เกิดในเวลาที่ใกล้เคียงกันแบบนั้น”
“มันช่วยไม่ได้เลยช่างน่าเสียดายจริง ๆ ที่มาเดลีนได้จากโลกนี้ไป ทำไมความจริงถึงเพิ่งมาเปิดเผยเอาในตอนนี้กันนะ มันสายไปแล้ว”
เจเรมี่ฟังมาเดลีนโดยไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่หันหน้ามามองและเดินมานั่งอีกข้างหนึ่งของเตียง ดวงตาอันทรงเสน่ห์ของเขามองไปยังใบหน้าสวยงามด้านข้างของมาเดลีน
เขาขยับปากบาง ๆ ของตัวเองขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่ามันจะเปิดเผยช้า แต่ความจริงก็คือความจริงที่ต้องถูกเปิดเผยในที่สุด”
มาเดลีนมีอาการกระตุกเล็กน้อยขณะที่พลิกหนังสือไปอีกหน้า นัยน์ตาคู่สวยของเธอมีแววตาเย้ยหยันและซ้ำเติม “ถ้าเป็นอย่างนั้น ในระหว่างทางที่ก่อนความจริงจะถูกเปิดเผย มีใครสามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับคนที่เกี่ยวข้องได้?”
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชายกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก สายตาของเธอกำลังเย็นลงไปพร้อมกับน้ำเสียงที่เอ่ยพูดกับเขาในตอนนี้
“หากคิดในมุมของมาเดลีน เธอถูกใส่ร้ายตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งถูกจัดฉากและใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงทุกคนกล่าวหาว่าเธอเป็นคนก่อเรื่องทุกอย่าง ทุกคนกล่าวหาเธอ รวมถึงผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตก็คือคุณ เมื่อความจริงปรากฏแล้ว แล้วมันยังไง? เธอตายไปแล้ว”
คำว่า ‘ตาย’ ดังกึกก้องอยู่ในหูเจเรมี่ เหมือนกับว่ามันดังก้องกระทบอยู่ในหัวใจเขาโดยตรง
เขามองไปยังดวงตาที่เปล่งประกาย ราวกับดวงดาวที่อยู่ตรงหน้า
“หากว่าเธอยังไม่ตาย คุณคิดว่าเธอจะให้โอกาสคนที่ทำผิดต่อเธอได้เริ่มต้นใหม่ไหม?”
มาเดลีนยิ้มออกมาบางเบา แล้ววางนิตยสารที่อยู่ในมือของตัวเองลงอย่างเบามือ “หากว่ามันเป็นเรื่องจริง ‘ถ้า’ ถ้าหากชีวิตมนุษย์สามารถที่จะย้อนกลับไปได้จริงๆ ฉันคิดว่าสิ่งเดียวที่เธอจะทำก็คือการย้อนกลับไปและไม่พบคุณ คุณต้องยอมรับว่าบาดแผลบางอย่างไม่สามารถหายเจ็บไปได้ในครั้งเดียว การให้อภัยมันพูดง่าย แต่การที่จะให้ลืมมันยากเกินไป”
คำตอบของมาเดลีนทำให้เจเรมี่รู้สึกเหน็บหนาวจับใจ ความปวดแสบปวดร้อนที่มุมตาของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างอึดอัดแทบจะในทันที
จนถึงตอนนี้แล้ว เขาได้รู้ว่าคำพูดที่ดูเหมือนเป็นคำพูดธรรมดา อาจจะเป็นเหมือนอาวุธที่คมอย่างมองไม่เห็นสามารถแทงใจของคนได้
เมื่อคิดย้อนไปในตอนที่ไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้ มีหลายครั้งที่เขาใช้วาจารุนแรงและหยาบคายกับเธอ ผู้หญิงคนนั้นต้องเข้มแข็งและรักเขามากแค่ไหนกันถึงจะยืนแล้วหันกลับมายิ้มให้กับเขาได้ทุกครั้งหลังจากที่ถูกเขาทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วน?
‘อภัยงั้นเหรอ?
‘แม้แต่การให้อภัยเพียงครั้งเดียว?
‘เจเรมี่ วิทแมน คนอย่างนายสมควรแล้วที่จะต้องได้เจอแบบนี้’
…
ในเช้าของวันรุ่งขึ้น มาเดลีนขับรถพาแจ็คสันไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล เธอในตอนนี้ก็พร้อมที่จะหาเบาะแสเกี่ยวกับลูกที่ตายไปของเธอเช่นกัน
ในขณะที่เธอก้าวขึ้นรถ เธอเห็นข่าวดังที่กำลังเป็นที่พูดคุยกันในสังคมบนหน้าจอมือถือของตัวเอง
หลังจากที่รับชมวีดีโอจบแล้ว มาเดลีนเอามือจับพวงมาลัยเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า อารมณ์ของเธอในตอนนี้กำลังแปรปรวนและซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ในเนื้อหาของวีดีโอเป็นการแถลงข่าวของบริษัทมอนต์โกเมอรี
เธอเห็นเอโลอิสและฌอนปรากฏอยู่ในวิดีโอและประกาศอย่างจริงจังออกมาว่า มาเดลีนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ที่พลัดพรากจากกันไปนานเกือบ 30 ปีของพวกเขา ในขณะเดียวกัน พวกเขาเน้นกำชับในประเด็นที่ว่าเมเรดิธเป็นคนที่ต้มตุ๋นหลอกลวงพวกเขาอย่างน่ารังเกียจ
ภายในวิดีโอ ดวงตาของฌอนและเอโลอิสเป็นสีแดงและพวกเขาพูดไม่ออกในอารมณ์ที่โกรธมากไปครู่หนึ่ง แต่ในขณะที่แถลงการณ์ทั้งสองพยายามระงับอารมณ์เอาไว้จนจบการแถลงข่าว
เมื่อดูวิดีโอจบแล้ว รอยยิ้มแห่งความดีใจของมาเดลีนปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าเธอ ดวงตาของเธอเองก็เช่นกันกำลังมีน้ำตาคลอไปด้วยความปิติยินดี