บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 471
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 471
บางทีมันอาจจะดูไม่น่าแปลกใจกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า แต่ทว่าหัวใจของเธอกลับเต้นผิดจังหวะเกินกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก
ในทีแรกเธอตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่สนใจใยดีผู้ชายที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นคิ้วของเจเรมี่ที่ขมวดเข้าหากันดูคล้ายกับว่าเขากำลังเจ็บปวด เธอก็พาตัวเองให้มานั่งยองลงข้างเขาโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนจะเอามือไปแตะหน้าผากของเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ
แก้มทั้งสองข้างของเขาเย็นเฉียบ แต่ตรงหน้าผากของเขาร้อนราวกับกำลังเผาไหม้
แล้วเมื่อเธอเข้าใกล้เขามากขึ้น นอกจากกลิ่นตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาแล้ว ก็ยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรงเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
เขาเมามาก และยังนอนอยู่ท่ามกลางลมหนาวตลอดทั้งคืน อาจเป็นไปได้ที่ตอนนี้เขาจะไข้ขึ้น
เธอไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะโทรหา 911 เพื่อให้รถพยาบาลมารับเขาออกไปแทน และเมื่อเธอกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อรถพยาบาลจู่ ๆ เจเรมี่ก็จับมือของเธอไว้
มือของเขาเย็นเฉียบ มันให้ความรู้สึกเย็นจัดจนเกือบจะกลายเป็นน้ำแข็ง ความเย็นจากมือของเขาทะลุผ่านเข้าไปจนถึงกระดูกของเธอ
“อย่าไป…” เขาขยับปากเล็กน้อยและพึมพำราวกับว่ากำลังอยู่ในฝัน ขนตาสวยที่เรียงติดกันขยับเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตา
“ขอร้อง อย่าไปได้ไหม?”
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลับลงอีกครั้ง หลังจากที่เขาพูดจบประโยค
เมเดลีนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และพยายามทำให้เขาปล่อยมือออกจากเธอ แต่ยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจับเธอไว้แน่นขึ้นเท่านั้น
“เจเรมี่ ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหนอีกแล้ว…”
เขายังคงไม่มีสติ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาราวกับว่าเขากำลังโต้ตอบกับเธอ
เมเดลีนไม่เหลือทางเลือกใดในตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะใช้ความอดทนกับเขามากขึ้นแทน “โอเค ฉันไม่ไป แต่นายช่วยไม่จับฉันเอาไว้แน่นแบบนี้ได้ไหม?”
เจเรมี่ลืมตาอันหนักอึ้งของตัวเองอีกครั้งด้วยความงัวเงีย เมื่อได้ยินเสียงเมเดลีน ใบหน้างดงามของเธอกำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาที่พร่ามัวของเขา
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะทำแบบนี้ แต่เธอก็ทำได้เพียงพาเขากลับไปยังบ้านของเธอในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
เธอมีส่วนสูง 165 เซนติเมตร และกำลังลากผู้ชายสูง 180 เซนติเมตร จากนั้นเธอก็โยนเขาลงบนเตียงของห้องพักแขก
เธอคิดว่าจะเอายาลดไข้ให้เขากิน แต่เมื่อเธอหันหลังเดินจากไป ชายคนนั้นได้คว้าตัวเธอเอาไว้อีกครั้ง
“ไหนบอกว่าเธอจะไม่ไป” ดวงตาของเขากำลังกึ่งเปิดกึ่งปิด คำพูดและน้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเด็กเล็กน้อย เมื่อพูดแบบนั้น
เมเดลีนสะบัดมือของเขาออกอย่างเหลืออด “ฉันไม่ใช่คนผิดสัญญาเหมือนกับนาย เมื่อฉันรับปากว่าจะไม่ไปฉันก็จะไม่ไป”
เธอมองไปที่เขาอย่างรังเกียจ ก่อนเธอจะเดินไปหยิบยาลดไข้และน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว
แต่เมื่อเธอกลับมาถึงเตียงที่เขาอยู่ เจเรมี่ก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง เขาในขณะนี้ไม่สามารถกินยาหรือดื่มน้ำได้เลย
เมเดลีนวัดไข้ของเขาด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ และเขากำลังมีไข้อยู่จริง ๆ
ในสถานการณ์นี้ สิ่งที่เธอสามารถทำได้ คือการทำให้ร่างกายของเจเรมี่เย็นลง เพราะแบบนั้นเขาจึงจะรู้สึกดีขึ้น
แย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอกำลังเช็ดร่างกายที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ของเขา จู่ ๆ เธอก็กำหมัดแน่น และลุกขึ้นกะทันหันเมื่อมองไปยังใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเขา
‘เอวลีน มอนต์โกเมอรี่ นี่เธอกำลังทำบ้าอะไรอยู่?’
‘ทำไมถึงยังดูแลเขาอยู่อีก?’
‘ถึงแม้ว่าไข้ของเขาจะสูงกว่าร้อยองศาเซลเซียส แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ’
‘ผู้ชายคนนี้เคยห่วงใยเธอ ตอนที่เธอเจ็บปวดบ้างไหม? แน่นอนว่าไม่เคยเลย เขาเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของเธอด้วยซ้ำ’
เมเดลีนปรายสายตาไปมองชายซึ่งกำลังหลับไหลด้วยความเย็นชา และเลิกสนใจเขา
ผ่านไปสามถึงสี่ชั่วโมงต่อมา เจเรมี่ตื่นขึ้นจากความฝันอันรื่นรมย์ขณะที่รู้สึกสับสนไปพร้อมกัน
เขาฝันว่าตัวเองกำลังล้มป่วย และเมเดลีนก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี
แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและมองไปรอบ ๆ ตัว เจเรมี่ก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริง
หัวใจที่ขมขื่นของเขากำลังถูกรุกรานด้วยความอบอุ่น เขามองเห็นยาลดไข้และแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมากิน น้ำที่อยู่ในแก้วตอนนี้ได้กลายเป็นน้ำเย็นตามอุณหภูมิห้องไปแล้ว แต่สำหรับเขามันยังคงทั้งหวานและทั้งอุ่นอยู่ดี
…
ณ บริษัท วิทแมน
ในตอนนี้ เมเดลีนกำลังนั่งถัดจากเฟลิเป้ และพวกเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะแถลงข่าว
หลังจากนั้นไม่นาน การเปลี่ยนแปลงเจ้าของบริษัทวิทแมนก็เริ่มได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ทันที