บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 600
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 600
เมเดลีนใช้โอกาสนี้ผลักเขาออกไป พร้อมกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามากกว่าเดิม “ฉันจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะสูญเสียความทรงจำไปไม่ได้เลย และฉันก็ไม่ต้องการรื้อฟื้นสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาด้วย ตอนนี้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายมีเพียงแค่ความโกรธเกลียดเพียงเท่านั้น เข้าใจที่ฉันพูดไหม? เลิกตามตอแยฉันสักที ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก”
เธอสะบัดหน้าหนีอย่างไม่ไยดีพร้อมกับดวงตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น “ไปกันเถอะค่ะ เฟลิเป้”
“ได้ครับ” ในตอนนี้เฟลิเป้กำลังพยายามทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษโดยการเปิดประตูรถให้เมเดลีนขึ้นไปนั่ง ก่อนเขาจะเดินตามขึ้นรถไป เฟลิเป้ชำเลืองมองไปที่เจเรมี่ซึ่งยืนเงียบขรึมต้านสายลมที่พัดผ่าน สายตาของเฟลิเป้เปล่งประกายราวกับว่าได้คว้าชัยชนะมาไว้ในมือของตน
เปรี้ยง!
พายุลูกแรกเข้าปกคลุมท้องฟ้าแห่งคืนแรกในฤดูร้อน
ผู้คนที่ไม่ได้พกร่มกันฝนมา ต่างพากันวิ่งอย่างเต็มฝีเท้าเพื่อไม่ให้เปียกปอน เว้นแต่เจเรมี่ผู้ที่จิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกล เขายังคงยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน
น้ำตาที่ไหลรินรวมกันเป็นสายเดียวกันสายฝนที่กระหน่ำลงมา
เขาหลับตาลงและเห็นเพียงแค่บาดแผลลึกในจิตใจ
แต่อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อเป็นอย่างมากว่าบาดแผลในจิตใจของเมเดลีนนั้นสาหัสสากรรจ์กว่าเขามากนัก
…
ไม่นาน แม้ว่าพายุได้สงบลง แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือบาดแผลที่รักษาไม่หายของเจเรมี่
เขาได้รับข้อความว่าเมเดลีนจะขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังเมืองเอฟในวันพรุ่งนี้
เธอคงจะพาแจ็คสันไปด้วยกันและไม่คิดที่จะกลับมาที่นี่อีก
เจเรมี่รู้ดีว่าเมเดลีนหมดแล้วซึ่งเยื่อใยที่มีต่อเขา แต่สำหรับแจ็คสันแล้วมันแตกต่างออกไป
แม้ว่าความทรงจำของเธอก่อนหน้าที่จะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จะไม่กลับมา แต่เธอยังจำทุกอย่างหลังจากที่สูญเสียความทรงจำได้อยู่ เพราะว่าความทรงจำทั้งสองบุคลิกของเธอได้ทับซ้อนกันอยู่ ดังนั้นเธอจึงยังจำได้แน่ว่าแจ็คสันเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเธอ
เจเรมี่รีบตรงดิ่งไปที่โรงเรียนอนุบาลเพื่อรับแจ็คสันกลับ
ในตอนเย็น เมเดลีนไปยังโรงเรียนอนุบาลเพื่อไปรับเจ้าตัวน้อย แต่พบว่าเจเรมี่รับเขากลับไปก่อนหน้าแล้ว
เธอไม่ค่อยพอใจนัก แต่เมื่อเธอกำลังจะโทรหาเจเรมี่ รถของเขาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ
“ลินนี่ครับ ผมรู้มาว่าคุณกำลังจะออกจากที่นี่พรุ่งนี้ ถึงเป็นอย่างนั้น แจ็คยังเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเรา และผมเองก็อยากจะใช้ช่วงเวลาในค่ำคืนสุดท้ายนี้กับคุณและแจ็คนะครับ”
เมเดลีนมองหน้าเขาอย่างเย็นชา “แล้วถ้าฉันไม่เอาด้วยล่ะ?”
เจเรมี่ชำเลืองมองเธอและยิ้มออกมาอย่างสิ้นหวัง “ถ้าเพื่อความสุขของแจ็คแล้ว ผมว่าคุณคงตอบตกลง”
ดวงตาคู่นั้นของเขาส่องประกายความมั่นใจออกมา ก่อนหน้าที่เธอจะให้คำตอบใด ๆ เขาเดินลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูให้เธอ
เมเดลีนเดินตรงไปขึ้นรถอย่างว่าง่ายเพราะว่าเธอไม่อยากเสียแรงและเสียเวลากับเขาอีก
ตลอดการเดินทาง เจเรมี่ขับรถมุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ เขาขับออกมาไกลจากเมืองและเข้าสู่ถนนที่ไม่คุ้นตา
เมเดลีนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เจเรมี่ พวกเรากำลังไปที่ไหนกัน?”
“แน่นอน บ้านเราไง” เขาตอบคำถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและทรงเสน่ห์ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
สัมผัสที่หกของเธอกำลังบอกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลกำลังจะเกิดขึ้น เธอสั่งเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “จอดรถ เจเรมี่”
“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ ลินนี่ พวกเราเกือบจะถึงแล้ว”
“เลิกเรียกฉันว่า ลินนี่ สักที ฉันไม่ใช่ลินนี่ของนาย”
“คุณคือลินนี่ และจะเป็นลินนี่ของผมตลอดกาล ตลอดไป” จากนั้นเขาหันหน้ามาหาเมเดลีน คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววของความดื้อดึงอันเด็ดเดี่ยวและความหลงใหลในตัวเธอ
เมเดลีนรับรู้ได้ว่าเจเรมี่ไม่ใช่เขาในแบบปกติ เธอปลดเข็มขัดนิรภัยโดยไวและขู่เขา “จอดรถเดี๋ยวนี้ เจเรมี่ ไม่งั้นฉันจะโดดลงจากรถจริง ๆ ด้วย!”
อย่างไรก็ตาม เจเรมี่ไม่ได้ทำตามคำขอนั้น เขากลับเร่งเครื่องยนต์ขึ้นแทน
เมเดลีนรู้สึกว่าหลังของเธอติดกับเบาะที่นั่งในขณะที่มือของเธอกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถ
“อย่าทิ้งผมไปเลยนะ ลินนี่” เจเรมี่เหยียดแขนขวาออกมา คว้าไหล่และดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา “อย่าทิ้งผมไปเลยนะ ลินนี่…” เขาหอมแก้มพร้อมกับอ้อนวอนข้าง ๆ หูของเธอ ในขณะที่ความเร็วของรถไม่ได้น้อยลงเลย
“ปล่อยฉันนะ เสียสติไปแล้วหรือไง เจเรมี่! ปล่อย!”
เมเดลีนขัดขืน แต่อ้อมกอดของเจเรมี่กลับรัดเธอแน่นขึ้น ทันใดนั้น มีรถขับหนึ่งขับมาออกมาจากอีกมุมหนึ่งของถนน เจเรมี่หมุนพวงมาลัยรถอย่างไว จากนั้นเสียงรถชนก็ดังสนั่นขึ้น