บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 602
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 602
เธอเดินไปเปิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และทันใดนั้นลมเย็น ๆ ก็พัดกระแทกหน้าเธออย่างจัง ผมของเธอสยายออกตามแรงลม
เธอมองไปยังทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา และแสงทองของพระอาทิตย์ซึ่งกำลังสะท้อนกับผิวน้ำของมหาสมุทร สายลมผัดผ่าน หอบเกลียวคลื่นของท้องทะเลมากระทบฝั่ง กิ่งก้านของต้นปาล์มเอนเอียงไปตามแรงลมนั้นเช่นกัน
‘ช่างเป็นวิวที่สวยงาม
‘แต่ ที่นี่คือไหนกันแน่?’
เมเดลีนคิดไม่ตก พยายามนึกว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไร แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
หลังจากนั้น เจเรมี่ก็เดินกลับเข้ามา
มือข้างหนึ่งถือชามก๋วยเตี๋ยวทะเล อีกข้างถือแก้วน้ำอุ่น ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มไม่ต่างจากเมื่อครู่
เขาร้องเรียก เมื่อเห็นว่าเธอไม่ขยับตัวจากระเบียงห้องเลยสักนิด “ทานอะไรสักหน่อยนะ ลินนี่”
เมเดลีนยังคงอยู่กับที่จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก เธอเอียงหัวและเปลี่ยนท่าทีไป
“นายวางแผนที่จะทำอะไร เจเรมี่? นายจะขังฉันเอาไว้ที่นี่ และทรมานฉันให้ตายเหรอ?”
ก่อหน้านี้ เจเรมี่ไม่เคยรับรู้เลยว่าความรู้สึกตอนที่หัวใจแตกสลายมันเป็นเช่นไร จนเมื่อคนรักของเขาแสดงท่าทีอาฆาตพยาบาทแบบนี้ ในที่สุด เขาก็ได้รับรู้มันเองเรียบร้อยแล้ว
“ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก แค่อยากจะอยู่กับคุณแค่นั้น ผมไม่อยากให้คุณทิ้งผมไป” เขาปลดปล่อยความรู้สึกออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและรอยยิ้ม
“มาทานอะไรสักหน่อยเถอะ นอนหลับไปทั้งวันแบบนั้น คุณต้องหิวมากแน่ ๆ แม้ว่าคุณจะเกลียดผมก็ตาม แต่ได้โปรดเถอะ ทานอะไรบ้าง คุณจะได้มีแรงมาเกลียดผมต่อไง”
เขาวางชามก๋วยเตี๋ยวกับแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้าง ๆ หน้าต่าง
เมเดลีนมองชามก๋วยเตี๋ยวกับแก้วน้ำนั่นอย่างสะอิดสะเอียด จากนั้นเธอก็ยกมือปัดอาหารตรงนั้นทิ้งลงพื้นทั้งหมด
ชามกระเบื้องแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหมือนกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในของเขาได้แตกสลายไปด้วยเช่นกัน
“ฉันจะไม่กินอะไรที่นายเอามาให้ทั้งนั้น เจเรมี่ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย นายไม่ได้พูดออกมาเองเหรอว่ารักฉัน? ถ้างั้นได้โปรดเถอะ ฟังที่ฉันพูดให้ดี ๆ นะ ฉันไม่ได้รักนาย ไม่แม้แต่เศษเสี้ยวของหัวใจ!”
หัวใจของเจเรมี่รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาทันที
เขาพบว่าคำพูดนั้นคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น หลังจากคิดคำนึงถึงคำที่ได้ยิน เขาก็หวนกลับไปยังความทรงจำตอนที่เขาบังคับให้เมเดลีนเซ็นใบหย่า เขาก็พูดประโยคแบบนี้ออกมาเหมือนกัน
ในตอนนี้ คำพูดเหล่านั้นย้อนกลับมาหาเขาและมันเจ็บกว่าเดิมหลายเท่านัก
“ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!” เมเดลีนที่มีแต่ความรู้สึกขยะแขยง เธอไล่เขาออกไป “อย่าแม้แต่จะทำเหมือนกับว่า ฉันเป็นเมเดลีนที่หลงนายหัวหักหัวปำเลย ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันมีให้นายคือความเกลียดชังก็เท่านั้น!”
เจเรมี่ไม่ได้หงุดหงิดเมื่ออยู่ต่อหน้าเสียงคำรามของเมเดลีน เขากลับส่งยิ้มออกมาแทน
“ถ้าคุณไม่ชอบก๋วยเตี๋ยว เดี๋ยวผมไปเตรียมอย่างอื่นมาให้นะ”
เมเดลีนรู้สึกได้ว่าเจเรมี่มีบางอย่างที่แปลกไป
เขาเดินออกไป และไม่นาน เขากลับมาพร้อมกับอาหารอีกจานในมือ
เมเดลีนไม่แตะอาหารสักคำแถมยังขว้างลงพื้นเสียทั้งหมด
เจเรมี่ทำความสะอาดพื้นและเอาผลไม้กับของหวานมาให้ เขาอดทนและพยายามที่จะดึงด้านที่ดีของเมเดลีนออกมา เขาดื้อดึงที่จะทำมันราวกับถูกบางอย่างเข้าครอบงำ
เมเดลีนขังตัวเองไว้ในห้องตลอดทั้งวัน ข้าวสักคำน้ำสักหยดก็ไม่ตกถึงท้องเลย
แสงอาทิตย์อัสดงแต่งแต้มสีสันให้แก่ชายหาดเป็นภาพที่สวยงาม แต่เมเดลีนไม่มีอารมณ์จะรู้สึกมีความสุขไปกับสิ่งนี้ด้วย…
ณ ตอนนั้น เจเรมี่เดินถืออาหารที่เขาเตรียมเข้ามาให้เธอ
เมเดลีนเหลือบมองไปที่มีดปลอกผลไม้ในจานและผุดความคิดโง่ ๆ ได้อย่างหนึ่ง
เธอแอบหยิบมีดปอกผลไม้เอามาซ่อนไว้ในกระเป๋า ขณะที่มองเจเรมี่ซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว
เมื่อเห็นว่าเมเดลีนยังมีท่าทีเย็นชาและไม่สนใจไยดีเขา สายตาของเขาก็หลุบลงต่ำ ความตั้งใจอันแน่วแน่ไหลผ่านตัวเขา
เขาถือชามไว้ในมือ และมีกับข้าวสองสามอย่างอยู่ในนั้น จากนั้นเขาจึงป้อนข้าวเข้าปากเมเดลีนอย่างกับเด็กน้อย ด้วยการใส่ช้อนตรงเข้าไปในปากของเธอ
“เป็นเด็กดีนะ เมเดลีน กินอะไรสักหน่อยเถอะ”
เมเดลีนหน้านิ่วคิ้วขมวดจากนั้นปัดชามกระเด็นออกจากมือของเจเรมี่
“ฉันจะไม่กินอาหารของนาย! ยอมแพ้ได้แล้ว!” เธอยังคงแน่วแน่เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเจเรมี่หันไปหยิบชามข้าวอีกชาม เธอก็ชักมีดปอกผลไม้ออกมาและจ่อไปที่หน้าอกของเขา “ปล่อยฉันไป เจเรมี่ ไม่งั้นฉันจะฆ่านายซะ!”