บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 606
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 606
“ขอบคุณ”
เมเดลีนชะงักเล็กน้อยตอนที่ได้ยินคำขอบคุณ จากนั้นเธอจึงเดินออกไป
สายตาของเจเรมี่ที่มองเมเดลีนเดินออกจากห้องไปช่างอ่อนละมุน เขารับประทานก๋วยเตี๋ยวด้วยความเบิกบานหัวใจ
พวกเขาทั้งสองไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยทั้งวัน
ในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขเป็นที่สุด ที่ได้รับประทานก๋วยเตี๋ยวที่เธอทำให้ชามนี้
…
เอโลอิสและฌอนกังวลจวนจะเป็นบ้า ตอนที่รู้ว่าเมเดลีนขึ้นรถไปกับเจเรมี่ มีคนเห็นเมเดลีนครั้งสุดท้ายคือตรงหน้าทางเข้าโรงเรียนอนุบาล
พวกเขาไม่สามารถติดต่อทั้งเจเรมี่หรือเมเดลีนได้เลย และไม่รู้เหมือนกันว่าเจเรมี่พาเมเดลีนไปไว้ที่ไหน
แจ็คสันนั่งเล่นบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง เขามองไปที่ตากับยายของตัวเองด้วยความสับสนงงงวยและถามด้วยสายตาอันไร้เดียงสา “คุณตาครับ คุณยายครับ พ่อบอกว่าจะพาผมไปเล่นในสนามเด็กเล่นกับแม่นี่ครับ แล้วพ่อกับแม่ไปไหน?”
เอโลอิสรีบเข้าไปโอ๋หลานรักด้วยรอยยิ้ม “แจ็ค พ่อกับแม่ของหลานคงมีงานต้องทำต่อน่ะ เดี๋ยวอีกสองวันพวกเขาก็กลับมาแล้ว ตอนนี้ก็ดึกแล้วนะ ดังนั้นเราไปเตรียมตัวเข้านอนกันเลยดีไหม?”
แจ็คสันพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย “คุณยายครับ คุณยายร้องเพลงกล่อมได้ไหมครับ? แม่ร้องเพลงกล่อมแจ็คนอนทุกวันเลย เสียงของแม่เพราะมาก”
เอโลอิสรู้สึกราวกับว่ามีแรงบีบที่หัวใจ และมันกำลังจะทำให้เธอแหลกสลาย เธอเดินจูงมือน้อย ๆ ของแจ็คสันขึ้นชั้นบน “เดี๋ยวยายจะร้องเพลงกล่อมหลานเองนะ แต่ว่ายายเสียงไม่ดีเท่าแม่หลานหรอกนะ
“คุณยายรักแจ็คเท่า ๆ กับที่แม่รักแจ็คเลย คุณยายก็ต้องร้องเพลงเพราะเหมือนกันแน่ ๆ” แจ็คสันพูดออกมาอย่างชื่นชม ดวงตาของเขานั้นจริงใจและมั่นใจ
เอโลอิสปาดน้ำตาและพูดอย่างอ่อนโยน “ยายไม่ได้ดีเท่ากับแม่ของหลานหรอกนะ ยายทำสิ่งผิดพลาดไว้ก็เยอะ ตัวยายเองเทียบอะไรกับแม่ของหลานไม่ได้เลย…”
เธอเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบาจนแจ็คสันไม่ได้ยินสิ่งใด
ที่ชั้นล่าง
ฌอนมองไปที่ภาพจากกล้องวงจรปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาถอนหายใจและพูดกับเฟลิเป้ที่นั่งอยู่บนโซฟา “คุณวิทแมน ฉันไม่คิดว่าเจเรมี่จะทำร้ายเมเดลีนหรอกนะ”
“เขาทำแน่” เฟลิเป้พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เมเรดิธ คู่ชีวิตของเจเรมี่ตายไปแล้ว เหตุผลเดียวที่เขาพาตัวลินนี่ไปก็เพื่อ แก้แค้นให้เมเรดิธเท่านั้น”
“ไม่สิ ไม่ เขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก” ฌอนออกตัวปกป้องเจเรมี่ “มันชัดเจนพอแล้วว่าเจเรมี่รู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาทำกับเธอลงไป แล้วเขาจะทนเห็นเอวลีนเจ็บปวดอีกได้ยังไง?”
ประกายความไม่พอใจของเฟลิเป้ฉายขึ้นมาในดวงตาทันที แต่อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาในขณะที่พูดขึ้น “คุณเชื่อจริง ๆ เหรอ ว่าเจเรมี่เปลี่ยนไปแล้ว? คุณคงลืมไปแล้วว่าเอวลีนเกือบตายบนเตียงผ่าตัด ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา ก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำไป เอวลีนตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปที่เมืองเอฟกับผม คุณคิดเหรอว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เธอประสบอุบัติเหตุในช่วงเวลานั้นพอดีน่ะ?”
ตอนที่ได้ยินเช่นนั้น ฌอนตกตะลึงไปชั่วขณะ “คุณวิทแมน คุณหมายความว่า…”
“หลังจากอุบัติเหตุนั่น ตำรวจบอกกับทางเราว่าเบรคของรถเอวลีนใช้การไม่ได้ ใครกันล่ะที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ ถ้าไม่ใช่เจเรมี่?”
“เอ่อ…”
“ผมได้จ้างนักสืบส่วนตัวและพบความจริงเรียบร้อยแล้ว คนผิดคือเจเรมี่ ผมกังวลใจจริง ๆ เลยว่าเอวลีนจะถูกเขาจับเป็นตัวประกันอยู่ตอนนี้…”
“เจเรมี่ทำงั้นเหรอ?” ฌอนถามเพราะไม่ปักใจเชื่อ
เฟลิเป้พยักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจ ตอนที่กำลังจะลุกขึ้น มีการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี
เขาหันไปเจอโทรศัพท์ที่ถูกทิ้งไว้บนโซฟา เฟลิเป้หยิบขึ้นมาดู
“โทรศัพท์ของแจ็คน่ะ” ฌอนอธิบาย
“ของแจ็ค งั้นเหรอ?” เฟลิเป้มองที่โทรศัพท์และเห็นว่ามีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ รูปภาพที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้เข้านิ่งไปชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเขาต้องทำอะไร รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
…
บนเกาะ
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เจเรมี่ก็ตื่นจากฝัน ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น เขาก็รีบมองหาเมเดลีนในทันที
เขาพบว่าเมเดลีนไม่ได้อยู่ในห้องไหนเลย เขาจึงรีบวิ่งออกจากบ้านพักตากอากาศไปและตามหาไปทั่วชายหาด เขาไม่เจอร่องรอยใด ๆ ของเมเดลีนเลย
‘ลินนี่ คุณไปแล้วเหรอ?’
ความวิตกกังวลกลายเป็นเมฆปกคลุมความคิดของเขา เมื่อเขาเห็นรอยเท้าบนชายหาด
หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงขึ้น เขาเดินตามรอยเท้านั้นไปและถูกทำให้อึ้งด้วยภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า