บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 616
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 616
เฟลิเป้โอบไหล่ของเมเดลีน “ไปกันเถอะ เอวลีน ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”
“ค่ะ” เมเดลีนพยักหน้าและจับมือของแจ็คสัน “ไปขึ้นเครื่องกันเถอะลูก แจ็ค”
“แต่ว่าพ่อยังไม่มาเลยนะ” แจ็คสันยื่นริมฝีปากล่างสีชมพูของเขาออกมาอย่างไม่พอใจ แสดงท่าทีไม่เต็มใจที่จะไปเต็มที่ “พวกเราจะไม่รอพ่ออีกหน่อยเหรอครับ แม่?”
เมเดลีนผละออกจากอ้อมกอดของเฟลิเป้ และเดินไปปลอบประโลมลูกชายด้วยรอยยิ้ม “พวกเรารอพ่อไม่ได้แล้วจ้ะ แจ็ค พ่อเขามีงานเยอะแยะ เลยมาไม่ได้”
“เจเรมี่ไม่ได้งานเยอะอะไรหรอก เขาอยู่ที่โรงพยาบาลกันผู้อาวุโสต่างหาก!” วินส์ตันโพล่งความจริงออกไป
สายตาของเฟลิเป้มืดมนลงในขณะที่เมเดลีนหันกลับไปมองวินส์ตันด้วยความมึนงง และขอให้เขาอธิบายต่อ
“ผู้อาวุโสรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาล หมอบอกกับเราว่าต้องเตรียมใจรับกับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเพราะว่าคุณปู่มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว แต่ในตอนนั้น คุณปู่ลืมตาตื่นขึ้นและเอาแต่เรียกชื่อของเธอ เจเรมี่บอกว่าอย่ามาทำให้เธอกังวลใจเลย แต่ฉันตัดสินใจมาหาเธอเลยจะดีกว่า”
เมเดลีนตกตะลึง “ผู้อาวุโสเอาแต่เรียกชื่อฉัน อย่างนั้นเหรอคะ?”
วินส์ตันพยักหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สายตาของเขาส่องประกายความวิตกกังวลออกมา แล้วเขาก็ร้องขอ “ตั้งแต่เขาฟื้น ผู้อาวุโสไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากชื่อ ‘เมเดลีน’ เขาอยากจะเจอเธอจริง ๆ นะ”
เมเดลีนรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ
ในขณะที่เห็นท่าทางที่ลังเลใจของเมเดลีน เฟลิเป้ก้าวออกไปอย่างมุ่งมั่น และจับมือของเมเดลีนเอาไว้ “พวกเรามาไกลมากแล้วนะ เอวลีน ตอนนี้อย่าหันหลังกลับไปเลย”
เมเดลีนสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่อยู่ในดวงตาของเฟลิเป้ เธอกำลังจะเปิดปากพูดบางอย่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่มาจากก้นบึ้งในหัวใจของวินส์ตันพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอเกลียดหน้าพวกเราทุกคนในบ้านวิทแมน เมเดลีน แต่ว่าคุณปู่เป็นเพียงคนเดียวที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีที่สุด มาตลอดหลายปีที่เธอแต่งงานเข้ามาใช้ชีวิตในครอบครัวของเรา เขาเป็นคนเดียวที่ยังคงเชื่อและสนับสนุนเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และแม้แต่ตอนที่เธอสูญเสียความทรงจำ ฉันยังคงเชื่ออยู่ว่าในหัวใจดวงนั้นของเธอ ยังคงรับรู้ได้ถึงความใจดีที่คุณปู่มอบให้เธออยู่นะ”
เฟลิเป้หมดความอดทน “พอได้แล้ว คุณแค่ต้องการจะซื้อเวลาให้กับเจเรมี่ก็เท่านั้น”
“เฟลิเป้” เมเดลีนเรียกชื่อของชายที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ “ฉันอยากไปพบคุณปู่”
ความโล่งอกชะโลมจิตใจของวินส์ตัน ในขณะที่สีหน้าของเฟลิเป้กลับดำมืดลง แต่เขาไม่สามารถรั้งเมเดลีนเอาไว้ได้อีก
…
ณ โรงพยาบาล
เจเรมี่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงของชายชรา เขามองออกไปยังโลกภายนอกผ่านทางหน้าต่าง
เขามองเครื่องบินที่บินอยู่บนท้องฟ้าเหนือเขาไป แต่ไม่รู้ว่าลำไหนโดยสารดวงใจของเขาอยู่ภายใน
ในขณะที่คาดเดาต่าง ๆ นานา อย่างสิ้นหวัง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาจากทางด้านหลัง
ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นพยาบาล แต่จังหวะฝีเท้าที่คุ้นเคยได้นำทางหัวใจดวงน้อย ๆ ของเจเรมี่ให้เดินออกมาจากกรงขัง
เขาหันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง แต่ภาพของผู้หญิงในฝันซึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตาสีดำขลับของเขาย้ำเตือนว่านี่คือเรื่องจริง
“ลินนี่?”
ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“เป็นคุณจริง ๆ ด้วย ลินนี่”
เจเรมี่มั่นใจได้แล้วว่านี่ไม่ฝัน แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่บนเครื่องบินที่กำลังเดินทางไปเมืองเอฟอยู่หรอกเหรอ?”
“พ่อเป็นคนเรียกลูกสะใภ้กลับมาเอง” วินส์ตันปรากฏตัวอยู่หลังเมเดลีน
แม้ว่าจะมีท่าทางขุ่นเคืองตอนที่คำว่า ‘ลูกสะใภ้’ ตรงเข้าโสตประสาทของเขา แต่มันฟังดูเป็นธรรมชาติมาก
เมเดลีนชำเลืองมองเจเรมี่ในขณะที่เดินตรงไปยังเตียงผู้ป่วย เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสวิทแมนนอนหลับอย่างสงบ เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทั้ง ๆ ที่สูญเสียความทรงจำในอดีตไป แต่เธอสามารถบอกได้ว่าตลอดระยะเวลาที่เธอสูญเสียความทรงจำไปมีเพียงแค่ผู้อาวุโสเท่านั้นที่ปฏิบัติตัวกับเธอแตกต่างออกไป
“เดี๋ยวพ่อดูแลคุณปู่ให้เองนะ ถ้าพวกลูกมีเรื่องอะไรจะคุยกัน ก็ออกไปคุยกันนะ” วินส์ตันหาโอกาสที่เหมาะเจาะให้พวกเขาทั้งสอง
เจเรมี่มองไปที่เมเดลีนอย่างรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก คำพูดมากมายที่เขาต้องการจะพูดจุกอยู่ที่คอ แต่เขาต้องจำใจกลืนมันลงไป และเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมาแทน “กลับไปที่สนามบินเถอะ ลินนี่ คุณปู่ไม่เป็นไรแล้ว”
“อยากจะพูดแค่นี้ใช่ไหม?” เมเดลีนมองที่เจเรมี่และเอ่ยถาม ดวงตาที่เชือดเฉือนขัดแย้งกับท่าทีที่สงบนิ่ง “นายไม่มีอะไรพูด แต่ฉันมี”