บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 627
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 627
หลังจากที่ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อย เมเดลีนก็เดินมาออกจากสถานีตำรวจแล้วพบว่าเจเรมี่กำลังนั่งรอเธออยู่ตรงประตู
เขายืนหลับตารออยู่ใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ชายหนุ่มดูเหมือนกับว่ากำลังดำดิ่งสู่ห้วงลึกของความคิด
ผิวที่กระจ่างใสของแก้มทั้งสองข้างขับความเยาว์วัยได้เป็นอย่างดี
ฉากในความทรงจำที่คุ้นตาฉายภาพขึ้นมาในจิตใจของเธอ ราวกับว่าเธอเคยมองเจเรมี่แบบนี้เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้
เธอพยายามที่จะนึกให้ออก แต่กลับได้ความปวดหัวมาแทน
เธอรู้ว่านี่อาจเป็นผลมาจากอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้นก็เป็นได้
บางทีตอนที่ความทรงจำของเธอกลับมาทั้งหมด ความเจ็บปวดเหล่านี้อาจทุเลาลง
เมเดลีนเดินตรงมาหาเขาและรู้ว่าเจเรมี่กำลังก้มมองแหวนแต่งงานที่อยู่ในนิ้วนางข้างซ้าย
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่ในขณะที่ริมฝีปากของเขายกขึ้นอย่างมีความสุข
เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ เจเรมี่เพิ่งจะประกาศออกไปอย่างแน่วแน่ว่าเธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เมเดลีนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “พวกเราเซ็นใบหย่าไปนานแล้ว แล้วทำไมนายยังบอกว่าฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายอยู่อีกล่ะ?”
เจเรมี่ได้ยินคำถามนั้นของเธอขณะที่เขากำลังหมุนวนอยู่ในภาพเหตุการณ์ครั้งอดีตตอนที่เมเดลีนยังรักเขาหมดหัวใจ เขาเรียกสติตัวเองกลับมา จากนั้นเงยหน้ามองเธอ
“เฟลิเป้บอกกับคุณแบบนั้นเหรอ? บอกว่าเราหย่ากันแล้วใช่ไหม?”
“แค่ตอบคำถามก็พอ” เมเดลีนหลบสายตาอย่างเย็นชา
เจเรมี่หัวเราะอย่างขมขื่น “พวกเราเซ็นใบหน้าแล้วจริง ๆ นั่นแหละ แต่ว่าไม่ได้เซ็นในที่ว่าการของเมือง ตามหลักการแล้ว เรายังมีสถานะสมรสกันอยู่”
เมเดลีนเห็นใบหน้าที่โล่งอกและมีความสุขของเจเรมี่ในตอนที่ตอบคำถาม
ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจเป็นอย่างมาก ที่รู้ว่าเธอยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาอยู่
ถึงกระนั้น เมเดลีนรีบตัดบทและจิ้มฟองสบู่แห่งความเพ้อฝันของเจเรมี่ให้แตกออก “ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะไปเซ็นใบหย่าที่ที่ว่าการของเมืองกันอีกครั้ง ภายในวันที่สองหลังจากคนร้ายตัวจริงที่ทำร้ายแม่นายยอมรับสารภาพ”
รอยยิ้มหายไปในพริบตา และเจเรมี่รู้สึกราวกับมีดาบน้ำแข็งปักเข้าที่กลางหัวใจ
คำตอบที่เถรตรงและเย็นชาของเธอกัดกินใจของเขาทั้งดวง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะจับสังเกตบางอย่างได้จากคำตอบเมเดลีน “คุณรู้ว่าใครคือคนร้ายตัวจริงอย่างนั้นเหรอ ลินนี่?”
เมเดลีนชำเลืองมองกลับมาที่เขา “ก็มีแต่แม่บังเกิดเกล้าของนายเท่านั้นแหละที่ไม่รู้”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันหลังเดินตรงไปเรียกรถอย่างสง่างาม ทันใดนั้นมีรถสปอร์ตเร่งเครื่องตรงมาในขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ถนน
คลื่นลมแรงพัดผ่านก่อนหน้าวินาทีที่เธอจะโดนรถชน และสัมผัสที่คุ้นเคยก็ได้เข้าโอบกอดเธอไว้
เจเรมี่ดึงเมเดลีนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ถึงกระนั้น เพราะว่าความกลัว เขาจึงใช้แรงกระชากตัวเธอกลับเข้ามามากพอสมควร เมเดลีนเสียการทรงตัวและพวกเขาทั้งสองล้มกลิ้งไปตามพื้น
เจเรมี่ใช้มือประคองหลังหัวของเมเดลีนไว้ตลอดและกอดเธอไว้แน่นจนกระทั่งหยุดนิ่ง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม ลินนี่?” เจเรมี่เอ่ยถามอย่างกังวลพลางคลายมือออกจากเธอ
ดวงตาที่เบิกโพลงซึ่งมีเพียงความว่างเปล่าและมันวาวของเมเดลีน ได้สะท้อนภาพความกังวลของเจเรมี่อยู่ภายใน
เส้นประสาทของเธอกระตุก และฉายภาพความทรงจำที่ถูกทับถมอยู่ในส่วนลึกภายในจิตใจ
เธอเห็นตัวเองยืนอยู่กลางถนน เธอพยายามสุดความสามารถที่จะปัดป้องชายที่ทำร้ายเธอตลอดมา
เธอต้องการจะหายไปจากโลกนี้ มีเพียงแค่เจเรมี่ที่วิ่งเข้ามาและคว้าเธอไว้ในอ้อมอกของเขา พวกเขาล้มกลิ้งไปตามพื้นถนนเหมือนเมื่อในตอนนี้
ผู้ชายคนนั้นพูดเตือนเธอ “เมเดลีน ฟังไว้นะ! แม้ว่าอยากจะตายมากแค่ไหน เธอก็ต้องตายด้วยน้ำมือของฉันเท่านั้น!”
‘ตายด้วยน้ำมือของเขาเท่านั้น…’
“ลินนี่? ลินนี่!”
สายตาที่ว่างเปล่าของเมเดลีนกำลังมองเจเรมี่ที่มีท่าทีหวาดกลัวอยู่
หลังจากเรียกชื่อเธออยู่สองสามครั้ง ดวงตาของเมเดลีนฉายแววขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้ เธอกลับมามีสติและรับรู้สิ่งรอบข้างอีกครั้ง