บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 635
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 635
เขาหันหลังกลับมาเห็นสายตาของเมเดลีนที่มีความสุข เขาตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้มอันแสนหล่อเหลา “ผมก็อยากพูดแบบนั้นกับคุณเหมือนกัน ลินนี่”
“ถ้างั้น ตอนที่เห็นว่านายยืนมองฉันด้วยสายตาที่ผิดหวังมาก ๆ ตรงทางเข้าเมื่อเช้านี้ นายรู้อยู่แล้วสินะว่าฉันจงใจพูดแบบนั้นออกไป?” เมเดลีนเอ่ยถาม
เจเรมี่พยักหน้า และหันหลังเดินตรงมาหาเมเดลีน สายตาของเขาดูนุ่มนวลยิ่งกว่าแสงจันทร์ในคืนนี้เสียอีก “ผมจะไม่เชื่อคุณได้ยังไง? ผมเคยทำผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นผมจะไม่มีวันทำอีกเด็ดขาด”
เขาเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ และส่งสายตาที่มาจากใจจริงให้แก่เธอ “ผมเคยบอกคุณก่อนหน้านี้แล้วนี่ ลินนี่ ผมจะเชื่อคุณแม้ว่าคุณจะโกหกผมก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในนรกหรือหุบเหวลึก ตราบใดที่คุณอยู่ตรงนั้น ผมพร้อมที่จะกระโดดลงไปหาคุณอย่างไม่รีรอแน่นอน”
“เหรอ?” เมเดลีนยิ้มออกมาอย่างมีความหมายแฝงอยู่ “แล้วทำไมวันนั้นนายถึงหันหลังเดินจากไปตอนที่ฉันจมน้ำล่ะ?
วันนั้นที่เธอจมน้ำ?
เจเรมี่นิ่งไปชั่วครู่
เขากระโดลงไปช่วยเธออย่างไม่ลังเล และลากเธอกลับขึ้นมาที่ชายฝั่ง
หัวใจของเขาเจ็บปวดเสียจนรู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้ตอนที่เห็นว่าเธอไม่ยอมฟื้นคืนสติ
แล้วทำไมถึงกลับกลายเป็นว่าเขาหันหลังและเดินหายไปได้?
“พรุ่งนี้ 9 โมงเช้า ฉันจะไปรออยู่ที่ว่าการในตัวเมืองนะ เจเรมี่ เราไปจบเรื่องหย่ากันอย่างเป็นทางการเถอะ”
สติของเจเรมี่แตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ เมื่อได้ยินคำว่าหย่ากัน
เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้อธิบายเรื่องวันนั้นขณะที่หัวใจของเขาแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปล่อยให้เธอเข้าใจผิดไปแบบนี้คงจะดีกว่า เพราะว่าอย่างน้อย เธอจะได้มีความมุ่งมั่นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่มีความลังเลใด ๆ มาสั่นคลอนเธอได้อีก
เขาซ่อนความไม่เต็มใจและอาการปวดหัวไว้ใต้รอยยิ้มที่ส่งให้หญิงสาวผู้สง่างามตรงหน้า และพยักหน้าตอบรับ “ได้สิ พรุ่งนี้ 9 โมงเช้า ที่ที่ว่าการในตัวเมือง แล้วเจอกันที่นั่นนะ”
เมเดลีนพยักหน้ารับ “แล้วเจอกันนะ”
แม้ว่าเสียงที่เปล่งคำตอบออกไปจะดูเป็นธรรมชาติ แต่ความจริงดูเหมือนว่าหัวใจของเธอเต้นไปตามจังหวะเพลงที่เจ็บปวดเมื่อตอนที่ฝืนยิ้มออกมา
เธอหันหน้ากลับไปมองไฟส่องสว่างที่เรียงรายตามถนน เธอรู้สึกว่าสายตาของเธอพร่ามัวไปชั่วขณะ
ในความพร่ามัวนั้น เธอเห็นตัวเองในอดีตวิ่งเข้าใส่เจเรมี่ราวกับผีเสื้อกลางคืนตัวน้อยบินหยอกล้อกับเปลวไฟ
เขาคือเปลวไฟเจิดจ้าที่สุดที่เธอชื่นชมและเฝ้าถวิลหา มีเพียงแค่ความใสซื่อของเธอเท่านั้นที่มอดไหม้ไปกลับเปลวไฟนั่น
หัวใจของเมเดลีนบีบรัดจนแน่น ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วจนคิ้วของเธอผูกกันเป็นปม
เมื่อความรู้สึกทรมานเข้าโอบล้อมจิตใจเธอ เธอจึงเข้าใจได้ทันที
ความทรงจำที่หล่นหายไป คือช่วงเวลาทั้งหมดที่เธอมอบหัวใจให้กับผู้ชายคนนี้ไปทั้งใจ…
ตลอดเส้นทางกลับไปยังคฤหาสน์มอนต์โกเมอรี ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลย
จู่ ๆ วิทยุเล่นเพลง ‘ปีศาจไร้เดียงสา’ ขึ้น ในขณะที่เล่นมาถึงท่อน ‘คุณควรจะรู้เอาไว้ว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่คุณได้ทำต่อฉัน’ ทั้งเมเดลีนและเจเรมี่ต่างชำเลืองมองซึ่งกันและกันอย่างไม่ตั้งใจ
เขาไม่เคยลืม และดูเหมือนว่าเธอได้นึกบางสิ่งออก
เมื่อเพลงจบ รถของพวกเขามาถึงพอดี เมเดลีนลงจากรถและเดินเข้าไปในคฤหาสน์มอนต์โกเมอรีโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามอง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เมเดลีนเข้าไปในห้องนอนของแจ็คสัน เธอจ้องมองหน้าตาอันอ่อนหวานของเด็กชายตัวน้อย ในขณะที่บรรจงลูบไล้คิ้วที่เหมือนกับพ่อของเด็กน้อยไม่มีผิด ความคิดของเธอเริ่มเตลิดไปไกล
เมเดลีนเปิดคอมพิวเตอร์และค้นหาคลิปวิดีโองานแต่งงานของเธอกับเจเรมี่เมื่อหลายปีก่อนในอินเทอร์เน็ต
คลิปวิดีโอฉายภาพที่เธอจำไม่ได้ ในคลิปนั้นเธอกำลังถือช่อดอกไม้เอาไว้ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า รอยยิ้มที่แสนจะมีความสุขของเธอเด่นชัดออกมา
ชายหนุ่มรูปงามท่าทีเงียบขรึมยืนอยู่ตรงหน้าเธอ หน้าตาของเขาราวกับเทพบุตรก็ว่าได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ท่าทีของเขาช่างไร้อารมณ์และสายตาของเขาช่างเย็นชา
แต่เมื่อมองเข้าไปภายในนั้น เขาไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเลย แม้ว่าท่าทีของเขาจะไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าความห่างเหิน แต่สายตาของเขากลับทอประกายความเบิกบานใจออกมาอย่างอบอุ่น แม้ว่านั้นจะเป็นเพิ่งแค่เสี้ยววินาทีเดียวก็ตาม
เมเดลีนเล่นคลิปวิดีโอซ้ำ ๆ และความอบอุ่นที่ทอประกายออกมาจากดวงตาของเจเรมี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะไร้ซึ่งความหมายอีกต่อไปแล้ว
เธอเคยโผบินหยอกล้อกับเขาอย่างเอาใจใส่ราวกับผีเสื้อกลางคืนตัวน้อยกับเปลวไฟอันโชติช่วง ในตอนนั้น เมื่อเธอรู้สึกหายใจแทบไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงรู้ว่าเธอหมดสิ้นแล้วซึ่งความรักอันบริสุทธิ์ที่เคยมีให้เขา