บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 641
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 641
วินาทีที่เจเรมี่ปล่อยมือ ฝ่ามือของเมเดลีนเองก็เย็นเฉียบและดูเหมือนว่าหัวใจของเธอได้หล่นหายไปในหุบเหวอันหนาวเหน็บ
เธอเรียกชื่อของเจเรมี่อีกครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับ
ในขณะที่เจเรมี่ผลักเธอให้ขึ้นมาอย่างปลอดภัย เธอพลันได้ยินเสียงกระแทกดังสนั่น
เธอไม่รู้ว่าตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่สัมผัสได้ราง ๆ ว่าเจเรมี่ได้รับบาดเจ็บ
เมเดลีนกลิ้งตกลงจากกล่องไม้มายังพื้นด้านนอก เธอไอออกมาเนื่องจากหายใจลำบาก
เธอรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งตรงไปยังหน้าประตูที่มีกล่องไม้ขว้างกั้นอยู่โดยลืมอาการปวดข้อเท้าไปจนหมดสิ้น
“เจเรมี่ นายได้ยินฉันไหม? เจเรมี่? ตอบฉันเร็วสิ!” เธอตะโกนเรียกเจเรมี่อย่างเป็นกังวล แต่ว่าเธอก็ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ กลับมาเว้นเพียงแต่เสียงไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่เท่านั้น
สายตาของเมเดลีนเริ่มพร่ามัว เธอพยายามผลักกล่องไม้ไปให้พ้นทาง แต่มันก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
ควันดำตรงหน้าบดบังทัศนวิสัยของเธอ และดูเหมือนว่ามันจะเริ่มกลืนกินลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจเธอไปเช่นกัน เมื่อเห็นว่ามีเปลวไฟพัดกระแทกหน้าเธอ เมเดลีนลืมตาดวงโตของเธอที่พราวไปด้วยน้ำตาอย่างมึนงง ราวกับว่าเธอกำลังดูภาพซ้ำเหตุการณ์เดิมที่เธอเคยพบมาก่อน
มีเพลิงสีแดงฉานและควันไฟอยู่เต็มไปหมดเช่นเดียวกัน
หญิงร่างท้วมแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดน่ากลัวพลางชี้นิ้วมาที่เธอและสาปแช่งราวกับเป็นคนสติไม่ดี “เมเลดีน นังผู้หญิงหน้าไม่อาย! มาดูกันสิว่าครั้งนี้แกยังรอดไปได้อีกไหม!”
ผู้หญิงคนนั้นสาดน้ำมันไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง มีชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอนอนอยู่อีกด้าน
ในขณะที่ไฟลุกลามไปทั่ว เจเรมี่อุ้มเธอและแจ็คสันข้ามผ่านทางหน้าต่าง
ผู้หญิงเสียสติคนนั้นใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ หยิบมีดปอกผลไม้แทงเข้าไปที่แขนของเจเรมี่อย่างรุนแรง
เลือดไหลนอง แต่เจเรมี่ไม่ปล่อยมือที่อุ้มแจ็คสันไว้ ความแน่วแน่และกังวลภายในดวงตาของเขาตอนนั้นสมจริงเหลือเกิน
ทันใดนั้น เมเดลีนดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ และรู้สึกถึงอุณหภูมิอันร้อนระอุที่แผ่ไปรอบกายเธอ แต่ถึงกระนั้น เธอกลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกไปทั่วเช่นกัน
“เจเรมี่…”
เธอเรียกชื่อเขาด้วยจิตใจอันว่างเปล่าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
เมเดลีนกัดฟันแน่นและวิ่งไปยังประตูที่แตกหักเพราะกล่องไม้ เธอปาดน้ำและตะโกนไปยังพื้นตรงหน้าที่ปกคลุมไปด้วยควันไฟ “เจเรมี่ ชาติหน้าไม่มีจริงหรอก พวกเรามีอยู่แค่ชาตินี้เท่านั้น! ถ้าอยากจะไถ่บาปที่มีต่อฉัน ก็ใช้ชีวิตนี้ชดใช้มันซะ! เจเรมี่ ได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
อย่างไรก็ตาม มีเพียงเสียงของไฟที่โหมกระหน่ำเท่านั้นที่ขานรับเธอ
มือทั้งสองข้างของเมเดลีนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาของเธอมืดบอดลงทุกที สีสันแห่งชีวิตตรงหน้าค่อย ๆ มืดดำลงจนไม่เห็นอะไรอีก…
ไม่นานหลังจากนั้น นักดับเพลิงและรถพยาบาลก็มาถึง พวกเขาส่งตัวเจเรมี่ซึ่งตอนนี้หมดสติไปรักษาที่โรงพยาบาลเป็นกรณีฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นคุณหมอแจ้งว่าอาการของเจเรมี่เข้าขั้นวิกฤตเนื่องจากการสูดดมควันจำนวนมากเข้าไป
ขณะที่เมเดลีนยืนฟังอยู่อีกด้าน ความเจ็บปวดเข้ามาบีบคั้นหัวใจเธออีกครั้ง
“แม่ครับ แม่ครับ”
เมเดลีนลืมตาที่ยังคงมีอาการแสบขึ้น
ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของแจ็คสันที่ดูเหมือนกับเจเรมี่ราวกับแกะปรากฏอยู่ในดวงตาของเธอ
เมเดลีนกลับมามีสติอีกครั้ง แต่ความเจ็บปวดอันรุนแรงยังคงปกคลุมหัวใจเธออยู่
เธอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะหมดสติไป หมอบอกว่าเจเรมี่ตายแล้วเพราะว่าอาการบาดเจ็บอย่างหนัก
“แม่ครับ ในที่สุด คุณแม่ก็ตื่นแล้ว” แจ็คสันยิ้มอย่างมีความสุข
“แจ็ค” เมเดลีนมองหน้าลูกชายอย่างงุนงง เธอถีบตัวเองขึ้นและลุกออกจากเตียง เธอรีบวิ่งออกมาจากวอร์ดโดยที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าเลย
“แม่ครับ แม่จะไปไหนเหรอครับ?” แจ็คสันวิ่งตามเธอมาอย่างเป็นกังวล แต่ว่าขาของเด็กน้อยยาวไม่เท่าขาของเมเดลีน “แม่ครับ” เด็กน้อยเดินตามหลังไปติด ๆ
เอโลอิสที่เพียงจะกลับมาจากห้องของคุณหมอเห็นเมเดลีนวิ่งมาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวในขณะที่ยังอยู่ในชุดคนไข้ เธอจึงรีบวิ่งไปรั้งตัวเมเดลีนเอาไว้
“เอวลีน ลูกได้สติแล้วเหรอ? แล้วนี่ลูกวิ่งออกมาทำไม? กลับไปนอนพักผ่อนเถอะ ร่างกายลูกยังไม่แข็งแรงมากพอนะ” เอโลอิสแสดงสีหน้ากังวลออกมาพลางโน้มน้าวใจลูกสาว