บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 642
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 642
เมเดลีนจับมือเอโลอิสเอาไว้ เอ่ยถามด้วยสายที่เป็นกังวล “เจเรมี่อยู่ไหนคะ? เขาตาย… เขาตายแล้วจริง ๆ เหรอคะ?”
เอโลอิสชะงักได้ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเมเดลีนเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
“เอวลีน ลูกฝันร้ายไปรึเปล่า?” เอโลอิสปลอบประโลมลูกสาว “เจเรมี่เจ็บหนักก็จริง แต่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตนะ”
หลังจากได้ฟังคำตอบของเอโลอิส เมเดลีนพลันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่กลับมาเต้นอีกครั้ง
“เขายังไม่ตายใช่ไหมคะ?”
“ยังจ้ะ” เอโลอิสให้คำตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ “แต่ว่าขาและมือได้รับบาดเจ็บ ก็เหมือนกับลูกน่ะ เขาสูดควันเข้าไปเยอะมาก ดังนั้น ตอนนี้เขาเลยยังไม่ฟื้น”
กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงฝันร้ายสินะ
กลายเป็นว่าเขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายสินะ
เมเดลีนรู้สึกได้ในทันทีว่าหัวใจของเธอไม่ได้เดินไปตามเส้นทางที่ยุ่งเหยิงอีก และความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจเธอมาตลอดได้หายไปหมดสิ้นแล้ว
เอโลอิสสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเมเดลีน และเข้าใจในสิ่งที่เธอเห็นอยู่ภายในใจเงียบ ๆ
กลับกลายเป็นว่าเอวลีนยังคงหลงเหลือเยื่อใยที่มีต่อเจเรมี่อยู่มากมาย
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้ เมเดลีนเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “แม่คะ เจเรมี่พักอยู่วอร์ดไหนคะ?”
เมื่อได้ยินลูกสาวเรียกตนว่าแม่ เอโลอิสรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เธอตอบกลับ “ข้าง ๆ กับลูกนั่นแหละจ้ะ”
เขาอยู่วอร์ดข้าง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
เมเดลีนหันหลังและเดินกลับไป ตอนนั้นเธอเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากอาการข้อเท้าแพลง
เธอขยับขาอย่างระมัดระวังมากขึ้น ตอนที่กำลังจะเดินไปถึงห้องพักของเจเรมี่ เฟลิเป้รีบเดินมาหาเธอ เส้นทางที่จะนำทางเธอไปหาเจเรมี่ถูกขว้างกั้น
ใบหน้าของเฟลิเป้เผยให้เห็นว่าเขารู้สึกวิตกกังวลมากเท่าใด ในมือของเขามีดอกไม้ช่อใหญ่ “เอวลีน คุณฟื้นแล้วเหรอ? ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ? กลับไปที่ห้องเถอะ”
เขาจับไหล่เมเดลีนอย่างกังวลและโอบกอดเธอเพื่อพาเธอเดินกลับห้องตนเอง
เมเดลีนเดินผ่านวอร์ดที่เจเรมี่อยู่ และความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวที่อธิบายไม่ถูกเข้ากดทับหัวใจเธอในทันทีทันใด
“ผมคิดว่าคุณกับเจเรมี่น่าจะกำลังดำเนินการเรื่องหย่าร้างอยู่ ไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นระหว่างทาง” เฟลิเป้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สัมผัสแห่งความเจ็บปวดปรากฏบนใบหน้าที่อ่อนโยน ดูดี และหล่อเหลาของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนที่ประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากเขา ความรู้สึกเจ็บปวดถูกซ่อนไว้ภายในเช่นกัน เขาไม่อยากจะให้เมเดลีนเห็นตัวตนอีกด้านที่เธอไม่เคยรู้จัก
และแน่นอน เขาไม่มีวันปล่อยให้คนที่ลักพาตัวเมเดลีนลอยนวล
ใช่แล้ว เขารู้สึกขุ่นเคืองเช่นกันเมื่อรู้ว่าเมเดลีนและเจเรมี่ถูกขัดขวางระหว่างทางไปดำเนินเรื่องหย่าร้าง
นี่ก็หมายความว่าพวกเขายังไม่ได้ตัดสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์น่ะสิ
ไม่ได้
เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
แจ็คสันกำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟา กวัดแกว่งขาไปมา เด็กน้อยไม่ชอบใจเลยเมื่อเห็นว่าเฟลิเป้และเมเดลีน แม่ของตนอยู่ใกล้ชิดกัน
“แม่ครับ พ่อยังไม่ตื่นเลย” แจ็คสันจงใจพูดประโยคนี้ออกมาอย่างจริงจัง “แม่ครับ ถ้าพ่อตื่นนอนแล้ว พ่อต้องอยากเห็นหน้าแม่เป็นคนแรกแน่เลย”
เฟลิเป้เข้าใจสิ่งที่เด็กน้อยพูดในทันที แต่เขาต้องเก็บความขุ่นเคืองไว้ภายใน เขาเผยรอยยิ้มออกมาแทน และเอ่ยถาม “ผมได้ยินว่าเจเรมี่ช่วยชีวิตคุณเอาไว้ใช่ไหม”
“ใช่น่ะสิ พ่อช่วยแม่เอาไว้ เพราะว่าแม่เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของพ่อ” แจ็คสันตอบคำถามโดยลืมคิดถึงความรู้สึกของเมเดลีน
เมเดลีนพูดไม่ออกไปชั่วครู่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มอันเบาบางให้เห็น “เฟลิเป้คะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วก็จริง แต่ฉันยังรู้สึกเพลียนิดหน่อย คุณออกไปก่อนเถอะค่ะ ฉันอยากจะนอนพักอีกสักหน่อย”
เฟลิเป้พยักหน้า “ถ้างั้น พักผ่อนเยอะ ๆ นะ เดี๋ยวผมมาเยี่ยมใหม่”
“ค่ะ” เมเดลีนยิ้มตอบ
ไม่นานหลังจากเฟลิเป้ออกไป เมเดลีนเดินมาที่ประตูหน้าเจเรมี่อีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงประตูและกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปดี เมเดลีนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายใน “เจเรมี่ นายตื่นแล้วเหรอ?”