บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 650
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 650
เมเดลีนไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเธอจึงเข้าใจในสิ่งที่ชายชราต้องการจะสื่ออย่างแน่นอน
เพียงแค่เธอไม่อยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแค่นั้นเอง
เมเดลีนพูดคุยกับนายชราในสวนอยู่นานสองนาน ขณะเดียวกันนั้นเองเจเรมี่ก็ได้นั่งอยู่ตรงระเบียงห้องนอนฟังเสียงอันไพเราะของเธอไปด้วย เขารู้สึกมีความสุขอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
…
เฟลิเป้ได้รับข่าวจากคนของเขาว่าเจเรมี่พยายามหลบหน้าเมเดลีน เขาไม่บอกแม้แต่เรื่องที่เขาตาบอดให้เธอฟังเช่นกัน เขาค่อนข้างพึงพอใจกับข่าวนี้
แต่อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจได้เช่นกันว่าความรู้สึกของเจเรมี่ที่มีต่อเมเดลีนแรงกล้ากว่าที่คาดคิดไว้มาก
เขาคิดว่าเจเรมี่คงใช้ประโยชน์จากสภาพร่างกายตอนนี้เพื่อออดอ้อนเมเดลีน เขาไม่คิดเลยว่าเจเรมี่จะนิ่งเงียบไม่บอกเรื่องนี้ออกไป แต่จงใจหลบหน้าเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีใครบางคนเคาะประตูห้องทำงานเขา
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากเข้าแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
“เป็นยังไงบ้าง?” เฟลิเป้เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
หญิงสาวคนนั้นเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าจริงจังของเขา จากนั้นก้มหัวลงด้วยความกลัว “ตอนนี้ดิฉันกำลังดำเนินตามแผนการอยู่ แต่เขายังไม่เข้ามาหาดิฉันเลยค่ะ”
ในขณะที่พูด เธอชำเลืองมองหน้าเฟลิเป้อีกครั้ง
เฟลิเป้มองเธอด้วยดวงตาดุจนกฟีนิกซ์ของเขา เมื่อมองไปยังริมฝีปากสีชมพูและใบหน้าของหญิงสาวที่สวยสะพรั่งตรงหน้า สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ทำในสิ่งที่คุณต้องทำ อย่าสนุกจนทำให้ผิดแผนได้”
“ดิฉันจะกล้าได้ยังไงกัน?” หญิงสาวคนนั้นแสดงความมุ่งมั่นออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่พูด โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่เธอบันทึกไว้ แววตาของหญิงสาวคนนั้นเปล่งประกายขึ้น “เขาโทรมาแล้วค่ะ!”
เฟลิเป้เปิดปากพูดอย่างไม่แยแส “ก็รับสิ”
หลังจากได้ยินเขาพูด หญิงสาวรีบกดปุ่มรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้น้ำเสียงของเธอช่างฟังดูสงบนิ่ง
เมื่อจบการสนทนาทางโทรศัพท์ เธอจึงบอกรายละเอียดของบทสนทนาให้เขาได้รู้
“มันพูดว่ายังไงบ้าง” เฟลิเป้ถาม
หญิงสาวคนนั้นฉีกยิ้มกว้าง “เขาขอให้ดิฉันออกไปเจอกันที่ร้านกาแฟข้างนอกในวันพรุ่งนี้”
“ร้านกาแฟ” เฟลิเป้พูดทวนอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของเขาโค้งมนเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
…
วันถัดมา
วินส์ตันพาเจเรมี่มาที่ร้านกาแฟใจกลางเมือง
ภายในรถ วินสต์ตันเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจเรมี่ ลูกคิดจริง ๆ เหรอว่าการที่ลูกมองไม่เห็นเป็นเพราะปัญหาทางด้านจิตใจน่ะ?”
“หลังจากได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ตอนนั้น ม่านตาของผมฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพที่ปกติดีแล้ว แต่ว่าผมยังมองไม่เห็นอยู่ดี ผมเลยคิดว่าดวงตาของผมคงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว” เจเรมี่อธิบายอย่างใจเย็น แต่เขาเข้าใจดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่จิตใจของเขา
เขาเป็นสาเหตุทำให้เมเดลีนต้องเจ็บปวดทรมานมากมายนับตั้งแต่ตอนนั้น เขาไม่สามารถลืมมันไปได้เลยจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ และความรู้สึกนี้ยังคอยทิ่มแทงหัวใจเขาอยู่
แน่นอนว่า วินส์ตันต้องการที่จะให้ดวงตาของเจเรมี่หายโดยไว แต่เขาก็อดถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ได้ เมื่อคิดถึงรูปร่างหน้าตาของจิตแพทย์หญิงที่ชื่อ เฟลิซิตี้ วอล์คเกอร์ คนนั้น
ไม่นานหลังจากที่เดินทางมาถึงจุดนัดพบ วินส์ตันก็พาเจเรมี่มานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งด้านนอกร้านกาแฟ
“เจเรมี่ ลูกอยู่คนเดียวจะไม่เป็นไรนะ์” วินส์ตันไม่สบายใจ
เจเรมี่พยักหน้าอย่างนิ่งเฉย “พ่อไปเถอะครับ”
วินส์ตันไม่เต็มใจจะไปเท่าไหร่นัก หลังจากเขาออกไม่นาน เฟลิซิตี้ก็มาถึง
เมื่อเห็นว่าเจเรมี่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน สายตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมา เธอเดินมาอย่างมั่นใจพร้อมริมฝีปากสีแดงสด
“สวัสดีค่ะ คุณวิทแมน ดิฉัน เฟลิซิตี้ วอล์คเกอร์ค่ะ”
เธอแนะนำตัว สายตาของเธอจ้องมองใบหน้าของเจเรมี่ตั้งแต่แรกเห็น
‘เจเรมี่ ฉันมั่นใจเลยนะ ว่าคุณคงไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า วันหนึ่งคุณกับฉันจะได้นั่งร่วมโต๊ะกันอีกครั้ง’
เจเรมี่ไม่เห็นสีหน้าของเฟลิซิตี้ แต่เขายิ้มตอบกลับ “เชิญนั่งครับ คุณวอล์คเกอร์”
“ขอบคุณค่ะ” เฟลิซิตี้ตอบรับ เธอหันหน้าไปชำเลืองมองตรงบันได เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ เธอก็จงใจเดินสะดุดขาตัวเองล้มไปทางเจเรมี่