บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 659
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 659
ฝีเท้าของเจเรมี่หยุดชะงัก และเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของเมเดลีนกำลังใกล้เข้ามา
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น แต่เขาบังคับให้ตัวเองเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมาและหันหน้าไปช้า ๆ “พาแจ็คสันไปเถอะ แล้วไปใช้ชีวิตที่คุณต้องการ คุณจะมีชีวิตที่มีความสุข ถ้าอยู่ห่างจากไอ้คนไร้ค่าแบบผม”
เมเดลีนเดินเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลัง น้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอเหือดแห้งไปจากสายลมในฤดูใบไม้ร่วง
เมื่อเห็นท่าทีนิ่งสงบและไร้อารมณ์ของชายหนุ่มตรงหน้า เธอจึงหัวเราะออกมาอีกครั้ง “มีชีวิตอย่างที่ฉันต้องการ? เจเรมี่ นายรู้รึไงว่าชีวิตที่ฉันต้องการคือชีวิตแบบไหน?”
เจเรมี่เหลือบสายตาที่สวยงามของเขาลงอย่างหดหู่ และยิ้มออกมา “อย่างน้อย ชีวิตที่ไม่ผมก็คือชีวิตที่คุณต้องการ”
หลังจากที่เสียงนั้นจบลง สายลมก็หอบเอาความเงียบมาปกคลุมพื้นที่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเจเรมี่เอ่ยบางอย่างขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“ตอนนี้พวกเราหย่ากันอย่างเป็นทางการและผมก็ปล่อยคุณไปแล้ว นับจากนี้ พวกเราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทำร่วมกัน ผมจะไม่ไปกวนใจคุณอีก ไม่แม้แต่ไปขว้างหูขว้างตาคุณเลย”
ในขณะที่พูด เขาหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเมเดลีนอย่างไม่เต็มใจนัก “คุณมอนต์โกเมอรี ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขและอายุยืนยาวกับชายอันเป็นที่รักของคุณนะครับ”
คุณมอนต์โกเมอรี
เขาเรียกเธอแบบนั้น
มันช่างรู้สึกห่างไกลและห่างเหินยิ่งนัก
เขาเดินผ่านกระถางดอกไม้และค่อย ๆ เดินเข้าบ้านไป ทิวทัศน์จากแผ่นหลังของเขาปรากฏความอิสระและความเบิกบานใจออกมา ราวกับว่าเขาปล่อยวางอดีตไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอกลับนึกถึงตอนที่เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ และโผเข้ากอดเธอราวกับว่าเขาเสียสติ เขากอดจูบเธอจากทางด้านข้าง และกระซิบคำหวานข้างหูเธอ คำพูดและประโยคนั้นในไดอารี่ชัดเจนขึ้นมาในจิตใจเธอเช่นกัน
แต่ในตอนนี้ เขากลับบอกว่าเขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้ว
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ ลับหายไป หัวใจของเมเดลีนเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เธอหัวเราะอย่างเฉยเมย “คุณวิทแมน อย่าเข้าใจฉันผิดเลยนะคะ ฉันแค่อยากจะมาถามคุณว่า คุณสูญเสียการมองเห็นไปเพราะเหตุการณ์ไฟไหม้วันนั้นใช่ไหมคะ?”
“คุณมอนต์โกเมอรี คุณคิดมากเกินไปแล้วครับ ตาผมไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่ว่าขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” ตอนที่พูด เจเรมี่ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา เขาเดินต่อไปเรื่อย ๆ
น้ำเสียงของเขาฟังดูช่างห่างเหิน ราวกับว่าเธอกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว
เมเดลีนยืนมองแผ่นหลังของเจเรมี่เลือนหายไปจากตรงนั้น เธอคิดถึงสีหน้าที่ไม่เต็มใจนักของเขาตอนที่เดินตามเธอไปอย่างนิ่งเงียบบนเกาะวันนั้น
เธอรู้สึกได้ทันทีว่าช่วงเวลานั้นผ่านมานานแสนนาน
เธอไม่ได้เเดินตามเขาเข้าไป และคิดว่าจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อถามอาการของเจเรมี่ให้แน่ชัด
ตอนที่เธอหันหลังจะเดินออกไป มีรถคันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้าเธอ
เมเดลีนเห็นหน้าผู้หญิงที่ขับรถคนนี้มา เธอดูเหมือนกับผู้หญิงคนเดียวกันที่นั่งจิบกาแฟอยู่กับเจเรมี่ก่อนหน้านี้
ในขณะที่เธอคาดเดาไปต่าง ๆ นานา หญิงสาวคนนั้นเปิดประตูรถและเดินลงมา
ตอนที่เฟลิซิตี้หันหน้ามา สายตาเธอก็สบเข้ากับสายตาของเมเดลีน สีหน้าของพวกเธอทั้งสองดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
แจ็คสันกะพริบตาสองครั้ง พลางดูใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเด็กน้อย เธอช่างดูเหมือนกับแม่อันเป็นที่รักของเขาอย่างกับแกะ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ดิฉันชื่อว่าเฟลิซิตี้ วอล์คเกอร์ ไม่ทราบว่าคุณเป็นเพื่อนของคุณวิทแมนเหรอคะ?” เฟลิซิตี้เอ่ยคำทักทายก่อน
เมเดลีนยิ้มทักทายอย่างสุภาพ “ฉันไม่ใช่เพื่อนของเขาหรอกค่ะ ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา”
เจเรมี่ที่เดินห่างออกไปไม่ไกล หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เมื่อได้ยินคำตอบของเมเดลีน
เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่ตัดสินใจเรียกชื่อหนึ่งออกไป
“เฟลิซิตี้” เขาเรียกชื่อของเฟลิซิตี้อย่างสนิทสนม