บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 694
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 694
คนคนนี้น่าจะช่วยเธอเติมเต็มความปรารถนาที่เธออยากจะเห็นจากเจเรมี่ได้
เมื่อเมเรดิธคิดเช่นนั้น เธอก็รีบออกจากโรงพยาบาล
คาเลนและวินส์ตันได้ข่าวมาว่าเมเดลีนและเจเรมี่ได้รับการช่วยเหลืออยู่ในห้องฉุกเฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมาที่โรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามวินส์ตันพบว่าสีหน้าของคาเลนดูตื่นตระหนก “คาเลน สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่มาตั้งแต่เมื่อคืนที่กลับมา เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
คาเลนหลบสายตาเขาก่อนจะพูดว่า “จะอะไรซะอีกล่ะ? ฉันเกือบโดนฆ่าจากยัยหลานเนรคุณนั่น”
หลังจากที่เธอพูดแบบนั้นจบ เธอก็เห็นเจเรมี่ก้าวออกมาจากห้องฉุกเฉินพร้อมด้วยเมเดลีน
คาเลยหยุดชะงัก และในตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเมเดลีนได้อย่างไร
แววตาและน้ำเสียงออกคำสั่งของเมเดลีน ขณะที่ผลักเธอไปยังประตูเล่นซ้ำอยู่ภายในหัวของเธอ
เธอต้องการที่จะช่วยเหลือจริง ๆ
แต่เธอล่ะ?
ก่อนที่เมเดลีนจะช่วยเธอไว้ เธอยังสาปแช่งหล่อนต่าง ๆ นานา เธอยังพูดว่าเมเดลีนควรตายตั้งแต่สามปีก่อนด้วยซ้ำ
วินส์ตันลูบแขนของคาเลนเบา ๆ เมื่อเขาเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง “คาเลน เกิดอะไรขึ้น?”
เมเดลีนและเจเรมี่มองมายังพวกเขาด้วยเหมือนกันเมื่อได้ยินดังนั้น ขณะที่เมเดลีนเห็นคาเลนและวินส์ตันดวงตาของเธอก็เหลือเพียงความสงบนิ่ง แต่คาเลนเบือนสายตารู้สึกผิดของเธอไป และรู้สึกว่าใบหน้าของเธอถูกเผาไหม้อยู่ในขณะนั้น
“เจเรมี่ แมดดี้ พวกเธอเจ็บตรงไหนบ้าง?” วินส์ตันก้าวเข้ามาและถามไถ่
เมเดลีนเอามือของเธอออกจากเจเรมี่และถามว่า “พวกเขาจับอีวอนและผู้สมรู้ร่วมคิดได้ไหมคะ?”
“ผู้ชายสองคนถูกจับ แต่อีวอนหนีไปได้”
“เธอหนีเก่งมาก” เมเดลีนยิ้มอย่างอ่อนโยน เธอเห็นคาเลนกำลังมองเธอผ่านทางหางตา แต่เมื่อเมเดลีนหันมอง คาเลนก็รีบหลบตา
“เอวลีน เอวลีน!”
เอโลอิสและฌอน มาถึงด้วยความเร่งรีบในเวลานี้
เมื่อพวกเขาเห็นผ้าพันแผลที่น่องซ้ายของเมเดลีน พวกเขาก็ใจสลาย
“ทำไมลูกไม่บอกเรื่องนี้กับเราล่ะ? ลูกไปเสี่ยงชีวิตแบบนี้ได้อย่างไรกัน?” เอโลอิสจับมือเมเดลีนด้วยความกลัวที่หลงเหลืออยู่ จากนั้นเธอก็มองไปที่คาเลน “แม้แต่หลังจากที่ลูกช่วยชีวิตคนคนหนึ่งเอาไว้ พวกเขาก็จะยังคิดว่าลูกแค่พยายามทำร้ายพวกเขาเท่านั้น”
“…”
คาเลนรู้ว่าเอโลอิสกำลังพูดเสียดสีเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะตอบโต้กับเอโลอิสไปแล้ว แต่ในตอนนี้เธอไม่สามารถจะพูดอะไรได้
“ฌอน คุณควรพาเอวลีนกลับบ้านซะ” เอโลอิสพูดเป็นนัย ๆ กับฌอน
เมเดลีนต้องการปฏิเสธ แต่ฌอนก็คุกเข่าต่อหน้าของเธอแล้ว
“เอวลีน มานี่เถอะ พ่อจะพาไป”
‘พ่อจะพาไป’
ด้วยคำพูดของเขา เมเดลีนรู้สึกได้ถึงน้ำตาในดวงตาของเธอ เธอไม่ปฏิเสธเขาอีกต่อไป และปีนขึ้นไปบนหลังของฌอนอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าเธอจะจดจำบางช่วงเวลาของชีวิตไม่ได้ แต่เธอก็ไม่ลืมว่าเธอไม่เคยมีพ่อแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก เธอยังไม่ลืมว่าเธอปรารถนาความรักจากพ่อแม่ของเธออย่างไร เธอปรารถนาที่จะได้ขี่หลังพ่อของเธอโดยที่มีแม่ของเธอเดินเคียงข้างเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ
เจเรมี่อยากจะตามพวกเขาไป แต่เมื่อเขาเห็นเมเดลีนตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้งยามที่เธอพิงหลังของฌอน รอยยิ้มก็เผยขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาตระหนักแก่ใจว่าเขาไม่ควรเข้าไปรบกวน
นี่คือความรักและความอบอุ่นที่ลินนี่ใฝ่ฝันหามาเนิ่นนาน
วินส์ตันเห็นเจเรมี่มองไปยังทางที่เมเดลีนจากไป เขาก็ตกใจ “เจเรมี่ กะ แกมองเห็นเหรอ?”
คาเลนที่กําลังแยกตัวเดินอยู่ข้างหนึ่ง แต่ทันทีที่เธอได้ยินอย่างนั้น เธอก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน “เจเรมี่ แกมองเห็นแล้วเหรอ? นี่แกมองเห็นจริงเหรอ?”
เจเรมี่ละสายตาไปอย่างเฉยเมยและส่ายหัว “ผมมองไม่เห็น”
วินส์ตันและคาเลนถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง
คฤหาสน์มอนต์โกเมอรี
ฌอนแบกเมเดลีนไปตลอดทางจนถึงห้องของเธอ
ในตอนที่เมเดลีนอยู่ในห้องอาบน้ำ เอโลอิสก็คอยอยู่ที่นอกประตู เธอเป็นกังวลว่า
เมเดลีนจะล้ม หรือชนกับสิ่งของต่าง ๆ
จนกระทั่งเมื่อเธอนอนบนเตียงอย่างปลอดภัย เอโลอิสก็จากไปพร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ
เมเดลีนหมดเรี่ยวแรงไปกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เมื่อเธอกำลังจะพักผ่อน โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอไม่เคยเห็นเบอร์นี้มาก่อน
หลังจากที่ลังเล เมเดลีนก็ตัดสินใจรับสายโทรศัพท์ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงของเฟลิซิตี้ ในตอนแรกท่าทีของเธอก็น่าพึงพอใจ แต่เธอไม่คิดว่าเฟลิซิตี้จะพูดคำพูดถัดมา