บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ - บทที่ 918
บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 918
เฟลิเป้คิดว่านายท่านอาวุโสวิทแมนกำลังพยายามจะถ่วงเวลา
อย่างไรก็ตาม เขามีเวลาไม่มากนัก ดังนั้น เขาจึงเดินไปยังหน้าป้ายและยื่นมือของเขาออกไป เขาได้รับการ์ดหน่วยความจำที่อยู่ในถุงใสจากด้านหลังป้ายจริง ๆ
“นี่คือวิดีโอบันทึกการขับรถของพ่อแกในวันเกิดอุบัติเหตุ แกจะเข้าใจทุกอย่างหลังจากที่ดูมัน”
เฟลิเป้มองการ์ดหน่วยความจำอย่างเหม่อลอย รู้สึกสับสนอยู่ชั่วครู่
เขาสับสนเล็กน้อยก่อนที่จะสั่งให้ใครบางคนนำคอมพิวเตอร์มาให้กับเขา
หลังจากที่ใส่การ์ดหน่วยความจำเข้าไป เขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูที่สุดดังมาจากลำโพง…
“ฟรานซิส อย่าใจร้อนสิคะ เรายังมีเฟลิเป้นะ! เฟลิเป้จะอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเรา! คุณช่วยมีสติหน่อยได้ไหม?” นั่นคือแม่ของเฟลิเป้ และดูเหมือนว่าเธอกำลังอ้อนวอนพ่อของเฟลิเป้ด้วยเสียงสั่นเครือ
“ซอนย่า ผมเจ็บปวดจริง ๆ โลกใบนี้มอบความเจ็บปวดที่แสนสาหัสให้กับผมจนผมไม่อยากจะเผชิญมัน ซอนย่า ไปจากโลกที่มืดมัวนี้ด้วยกันเถอะ ซอนย่า…”
“ไม่นะ ฟรานซิส! หยุดนะ…”
หลังจากเสียงกรีดร้องอย่างสยดสยองของผู้หญิงคนนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเสียงชนกันอย่างรุนแรง หลังจากนั้น ก็มีเพียงแต่ความเงียบ…
หลังจากที่เฟลิเป้ฟังส่วนของบันทึกนี้จบ ปืนในมือของเขาก็ร่วงลงกับพื้น เขาดูเหมือนหมดแรงขณะที่คุกเข่าลงด้วยความสิ้นหวังต่อหน้าป้ายอนุสรณ์ของพ่อแม่ของเขา
จากนั้น นายท่านอาวุโสวิทแมนก็ถอนหายใจอย่างโศกเศร้า “มันคือความปรารถนาสุดท้ายของพ่อแกต่อพวกเรา ที่จะส่งแกไปเรียนที่เมืองเอฟ เขาหวังว่าลูกชายของเขาจะทำได้ดีในเรื่องที่เขาไม่สามารถทำได้สำเร็จ เขายังหวังอีกว่าแกจะประสบความสำเร็จในสักวันหนึ่งในอนาคต”
“ตลอดหลายปีของแกในเมืองเอฟ แกรู้สึกเหมือนกับว่าฉันแทบไม่ห่วงแก แม้แต่เข้มงวดกับการใช้จ่ายของแก มันก็จริงที่ว่าธุรกิจของตระกูลเราใหญ่และแกไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า แต่เราทำให้แกทำงานเพื่อหาเงินด้วยตัวเอง งานทั้งหมดนี่ที่เรามอบให้กับแกก็เพื่อจุดประสงค์ที่จะฝึกฝนแก”
“ฉันมีคนที่ไว้ใจคอยดูแลแกอย่างลับ ๆ ตลอดเวลา ทุกวันที่แกอยู่ในเมืองเอฟ มักจะมีคนคอยรายงานความเป็นอยู่ของแกอยู่ตลอด แกเป็นทายาทของตระกูลวิทแมนและเป็นหลายชายของฉันเอง ฉันจะเพิกเฉยต่อแกได้ยังไง?”
“ฉันเฝ้ารอให้แกกลับมาจากการเรียนเพื่อจะมอบสิทธิในมรดกให้กับแก แต่หลังจากนั้นแกกลับหลงผิดไปแทน”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของนายท่านอาวุโสวิทแมนแสดงให้เห็นว่าเขารู้ว่าเฟลิเป้ทำการค้าขายบางอย่างที่ผิดกฎหมายในเมืองเอฟจนล้ำเส้น เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยเผยความจริง
ชายแก่คนนั้นเดินไปข้าง ๆ เฟลิเป้และวางมือลงบนไหล่ของเขาอย่างอ่อนโยน “เฟลิเป้ แกยังมีโอกาสที่จะหันหลังกลับนะ”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ชายแก่คนนั้นพูด น้ำตาของเฟลิเป้ก็ไหลรินออกมาจากดวงตาแดงก่ำของเขา
เขามองป้ายอนุสรณ์ทั้งสองต่อหน้าเขา หัวใจของเขารู้สึกราวกับว่าถูกแทง มันเจ็บจนถึงจุดที่เขาอยู่ต่อไปไม่ไหว
หลายปีมานี้ เขามัวหมกมุ่นอยู่กับอะไร? เขาเคียดแค้นอะไร?
ความเคียดแค้นและความหมกมุ่น ทั้งหมดล้วนเป็นจินตนาการอันชอบทำของเขา
เหตุผลเบื้องหลังที่ชายแก่คนนั้นยังคงเงียบมาโดยตลอดก็เพราะว่าเขาไม่อยากให้เฟลิเป้เผชิญกับความจริงอันโหดร้ายที่ว่าพ่อของเขาคือคนที่ฆ่าแม่
เพื่อที่จะปกป้องจิตวิญญาณวัยหนุ่มของเฟลิเป้ เขาได้แบกรับข่าวลือของการสังหารน้องชายตัวเอง สำหรับหลายปีมานี้ เขาไม่เคยปกป้องตัวเอง ชายแก่คนนั้นมักจะผลักไสมันออกไปอย่างเฉยเมยโดยการพูดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ
ผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาเงียบลง แล้วเฟลิเป้ก็ถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยวในห้องโถงบรรพบุรุษที่ซึ่งเขาคุกเข่าอยู่เป็นเวลานาน
เมเดลีนกลับไปยังห้องรับแขก เธอเห็นห้องไว้ทุกข์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเจเรมี่และเดินเขาไปลูบรูปของเขา
เธอได้เห็นเขาอยู่ตรงหน้าเพียงไม่กี่วันก่อน แต่ในตอนนี้มันได้กลายเป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น
“เจเรมี่ คุณทิ้งฉันไปจริง ๆ เหรอ?”
เมเดลีนก้มลงมองหน้าท้องที่ตั้งครรภ์ซึ่งบวมเป่ง
“คุณพูดว่าคุณจะอยู่กับฉันเพื่อดูลูกของเราคลอด และเราจะเลี้ยงดูเขาจนโตเป็นผู้ใหญ่ ทำไมคุณถึงผิดคำสัญญาอีกแล้วล่ะ?”
“เอวลีน”
จู่ ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็เรียกชื่อเธอจากทางเข้า