ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 13 เฮ่อซานหลางช่วยชีวิต
การพบกันกับเซียวป๋อเจี้ยนทำให้ฉู่เหลียนลำบากใจยิ่งนัก นางทำได้เพียงเร้นกายอยู่เบื้องหลังสาวใช้ และพยายามใคร่ครวญหาคำพูดดี ๆ เพื่อเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับชายหนุ่ม ทั้งที่ในใจนางอยากโพล่งออกไปว่า “ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว โปรดอย่ามาดักพบข้าเช่นนี้อีก ข้าไม่สนใจเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
ทว่าฉู่เหลียนก็ไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้ จึงเอียงตัวเข้าใกล้ฉีเยี่ยนแล้วกระซิบ “ช่วยข้ากันเขาไว้”
ฉีเยี่ยนเป็นคนฉลาดจึงกันฉู่เหลียนไว้ด้านหลัง แล้วกล่าวกับเซียวป๋อเจี้ยน “คุณชายเซียว โปรดกลับไปเถิด นายหญิงของเราไม่อยากพบท่าน หากท่านยังพยายามก่อปัญหา บ่าว… บ่าวจะเรียกยามเข้ามา!”
เซียวป๋อเจี้ยนไม่สนใจคำขู่ของฉีเยี่ยนแต่อย่างใด เขาเพียงมองฉู่เหลียนที่ยังซ่อนอยู่ด้านหลัง พลางสาวเท้าเข้าไปใกล้ทีละก้าว ๆ กระทั่งหญิงสาวทั้งสองถูกต้อนจนจนมุม พวกนางไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว
“เหลียนเอ๋อร์ ได้โปรดพูดกับข้าเถิด เจ้าจะไม่ยอมมองข้าอีกต่อไปแล้วหรือ? เจ้าลืมเลือนสัญญาระหว่างเราไปแล้วหรือ?” ดวงตาของเซียวป๋อเจี้ยนแดงเรื่อคล้ายกำลังทนทุกข์กับความเจ็บปวดภายใน
ในขณะนั้นฉู่เหลียนก็ลอบสำรวจเซียวป๋อเจี้ยน จากด้านหลังฉีเยี่ยน เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเขาคล้ายจะหลุดจากการควบคุม นางก็มุ่นคิ้วเรียวอย่างครุ่นคิด
ตอนนี้เซียวป๋อเจี้ยนเป็นเพียงนักเรียนคนหนึ่งของอิ้งกั๋วกง เขาเกิดมายากจน ตอนนี้อายุยี่สิบแล้ว เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีก่อนสอบได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับภูมิภาค กลายเป็นบัณฑิตแถวหน้าของสำนักเจียฉิน ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในจวนอิ้งเพื่อรอสอบอีกสองรอบสุดท้าย นั่นคือการสอบฮุ้ยซื่อหรือระดับประเทศ และการสอบเตี้ยนซื่อหรือการสอบระดับราชสำนัก
ฉู่เหลียนทราบว่าเมื่อการสอบระดับราชสำนักในปีนี้จบลง เซียวป๋อเจี้ยนจะสอบได้อันดับหนึ่งจากสามอันดับต้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถพิเศษเหนือใครในเมืองหลวง ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่นางเอกเริ่ม ‘บ่มเพาะรัก’ ร่วมกับเซียวป๋อเจี้ยน
แม้เซียวป๋อเจี้ยนจะหล่อเหลาและแสนพิเศษ ฉู่เหลียนก็ไม่ได้ชอบเขา หากนางต้องเลือก ก็จะเลือกเฮ่อฉางตี้ อย่างน้อยลึก ๆ แล้ว เฮ่อฉางตี้ก็เป็นคนดี เขารู้ว่าสิ่งใดควรทำ หรือสิ่งใดที่กระทำไปแล้วแต่ควรหยุด และจะไม่ทำอะไรเกินกว่าเหตุ
ผู้ที่ไม่มีขีดจำกัดในการกระทำนั้นน่ากลัวที่สุด ซึ่งเซียวป๋อเจี้ยนเป็นคนประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
การพยายามหลีกเลี่ยงเขาไม่ใช่ทางออก เห็นได้ชัดว่าเซียวป๋อเจี้ยนสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปแล้ว ฉู่เหลียนกลืนน้ำลายรวบรวมความกล้าและเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว
“เซียวป๋อเจี้ยน ไม่ว่าในอดีตความสัมพันธ์ของเราสองจะเป็นเช่นไร ทว่าตอนนี้ข้าก็เป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว อดีตย่อมเป็นอดีต เจ้าควรไปตามทางของเจ้า ข้าก็จะไปตามทางของข้า” ฉู่เหลียนพูดอย่างหนักแน่น นางกังวลเสียจนมือที่กำแน่นชุ่มเหงื่อ
เซียวป๋อเจี้ยนไม่คาดคิดว่า การรอคอยอันยาวนานของตนจะจบลงที่คำตอบอันไร้หัวใจของฉู่เหลียน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยแรงอารมณ์ และก้าวเข้าใกล้ขึ้นอีก
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่? ที่เราตกลงกันไว้ก่อนเจ้าแต่งงานไม่ใช่เช่นนี้ เจ้ากล่าวว่าแม้จะแต่งกับเฮ่อฉางตี้ แต่เจ้าก็จะหาทางทิ้งเขา! ซ้ำยังพูดว่าในใจเจ้ามีข้าเพียงผู้เดียว!”
ร่างกายของเซียวป๋อเจี้ยนสั่นสะท้านแรงขึ้นตามวาจาที่ลั่นออกมา
คุณหนูตรงหน้าเขาช่างงดงามและบอบบางราวกับดอกมู่ตานที่กำลังจะผลิบาน ความงามอันโดดเด่นและกลิ่นกายหอมละมุนนั้นกระตุ้นให้เขาอยากจะก้าวเข้าปกป้องนางจากโลกใบนี้ เนื่องจากไม่อาจทนเห็นนางโศกเศร้าได้แม้แต่น้อย
เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมดอกไม้งามให้เติบใหญ่ มองนางผลิบานและส่องประกายอย่างช้า ๆ
ทว่าวันนี้ บุปผาดอกนี้กลับใช้หนามแหลมทิ่มแทงเขา ทิ้งไว้เพียงแผลฉกรรจ์อาบเลือดไปทั่วร่าง
ฉู่เหลียนต้องการเพียงแสดงความชัดเจนต่อเซียวป๋อเจี้ยน ไม่ว่า ‘ฉู่เหลียน’ ในอดีตจะชอบพอเขามากน้อยเพียงไรก็ไม่เกี่ยวอันใดกับนาง และนางหวังเพียงว่าเซียวป๋อเจี้ยนจะไม่สูญเสียการควบคุมใด ๆ หลังจากที่ตนกล่าวความต้องการออกไป
นี่ไม่ดีเลย
ฉู่เหลียนอดมิได้ที่จะรู้สึกราวกับสิ้นไร้หนทาง ทำไมทุกอย่างต้องเป็นเหมือนในนิยาย ยกเว้นก็แต่เซียวป๋อเจี้ยนกับเฮ่อซานหลางด้วยเล่า?
เฮ่อซานหลางกลายเป็นพวกสองบุคลิก ส่วนเซียวป๋อเจี้ยนก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ความฝันที่นางอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขดูเหมือนจะลอยห่างออกไปทุกที…
ความต้องการของนางใช่ว่าจะมากเกินไปเสียหน่อย จริงไหม? นางเพียงต้องการใช้ชีวิตสุขสงบแบบไม่ต้องทำอะไร หรือยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใด ๆ แม้แต่น้อย
“เซียวป๋อเจี้ยน พวกเราทุกคนควรใจเย็นลง บางสิ่งนั้นย่อมไม่สามารถบังคับกันได้”
ฉู่เหลียนวิกฤติแล้ว สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลและเงียบสงบนัก ทั้งยังเป็นวันที่นางกลับมาเยี่ยมเรือน บ่าวรับใช้ในจวนที่อยู่เรือนในต่างออกไปยังเรือนนอกเพื่อช่วยเหลืองาน จึงไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนี้แม้แต่คนเดียว
หากเซียวป๋อเจี้ยนสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปจริง ๆ และพยายามจะกระทำบางสิ่งกับนาง ย่อมเป็นนางที่สูญเสียในท้ายที่สุด!
ฉีเยี่ยนเป็นเพียงเด็กสาว นางย่อมไม่อาจรั้งชายหนุ่มไว้ได้
ดวงตาร้อนแรงดังไฟผลาญจับจ้องฉู่เหลียนไม่วางวาย ก่อนจะผันเปลี่ยนเย็นเยียบลงกะทันหันราวกับเซียวป๋อเจี้ยนไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป เขาผลักฉีเยี่ยนกระเด็นและปราดเข้าจะคว้าเอาตัวฉู่เหลียนไว้ ทว่าฉู่เหลียนผู้นี้มิใช่ ‘ฉู่เหลียน’ คนเดิมอีกต่อไป ไหวพริบในการป้องกันตัวต่อชายหนุ่มจึงสูงยิ่ง ทันใดที่เขาเข้าถึงตัวฉีเยี่ยน นางก็พลันกระโดดหนีไปอีกทางหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉู่เหลียนก้าวหนีเขาไปอีกทางอย่างว่องไว เพิ่มระยะห่างระหว่างนางและเซียวป๋อเจี้ยน
ทั้งคู่ยืนมองหน้ากันจากคนละมุมของศาลา
ห่างไปไม่ไกลนัก หลังต้นไม้ที่มีดอกไม้ผลิบาน เฮ่อฉางตี้เห็นทุกสิ่งตั้งแต่ต้น ทว่าจากมุมนี้แม้จะเห็นทุกการกระทำ ก็ไม่อาจได้ยินว่าคนทั้งคู่พูดคุยสิ่งใดต่อกันบ้าง
ในสายตาของเฮ่อฉางตี้ราวกับฉู่เหลียนจงใจหาข้ออ้างเพื่อพักอยู่ที่ศาลาแห่งนี้ในเรือนเฮ่อ ก่อนที่หรงฮูหยินจะขอตัวจากไปพร้อมบ่าวไพร่ และหลังจากนั้นไม่นาน เซียวป๋อเจี้ยนก็ออกมาจากที่ลับ เพื่อพบปะกับนางแพศยาผู้นี้
ทุกสิ่งอย่างเป็นไปดังเช่นที่นางแพศยานั่นได้กล่าวกับเขาในชาติก่อนทุกประการ ยามนั้นเขาคิดว่านางโกหกเพื่อทำร้ายตน ใครจะคาดว่าทุกสิ่งล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น!
ฉู่เหลียน! เจ้ากล้านัก! แท้จริงเจ้ากลับมาเยี่ยมบ้านเดิมเพื่อพบคนรักของเจ้า! แม้จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันเพียงในนาม ทว่านี่กลับเป็นการดูหมิ่นจวนจิ่งอันยิ่ง!
ในยามนั้นที่เฮ่อซานหลางเห็นเซียวป๋อเจี้ยนขยับกายเข้าใกล้เพื่อเข้าหาฉู่เหลียนและผลักฉีเยี่ยนออกไป เขาก็ไม่อาจทนดูได้อีก รีบสาวเท้ายาวออกจากที่ซ่อนสีเขียวขจีด้วยใบหน้าดุดัน มุ่งตรงไปยัง ‘คู่ชู้’ ทั้งสอง เขาจะเปิดเผยความจริงของคนทั้งคู่ให้ได้ในวันนี้!
เสียงฝีเท้าของเฮ่อซานหลางนั้นหนักแน่นและเร่งรีบ ฉู่เหลียนเพียงเอียงหน้าเล็กน้อยก็เห็นเขาเร่งฝีเท้ามาหานาง ทำให้ความกังวลที่มีในใจคลายลง
ดียิ่งนักที่เฮ่อฉางตี้มาเสียได้ นางจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเซียวป๋อเจี้ยนข่มเหง และเรื่องที่คนอื่นอาจจะเข้าใจผิดได้ หากผ่านมาพบเห็นเข้า
เมื่อนางผ่อนคลายลง สีหน้ากังวลก็มลายไป นางหมุนตัวยกชายกระโปรงและวิ่งโร่เข้าหาเฮ่อซานหลาง
สีหน้าบูดบึ้งของเฮ่อซานหลางปะทะกับฉู่เหลียนโดยบังเอิญ ภาพเบื้องหน้าเขาเป็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดสีชมพูสว่างซ้อนทับกันหลายชั้น ชั้นกระโปรงนั้นสะบัดพลิ้วตามแรงลมที่ปะทะยามเคลื่อนไหว ก่อให้เกิดเป็นภาพอันงดงามราวกับผีเสื้อตัวน้อยกำลังโบยบิน รอยยิ้มไร้กังวลบนใบหน้าฉายชัดราวกับโลกทั้งใบของนางมีเพียงเขาผู้เดียวในสายตา
เฮ่อซานหลางตัวแข็งทื่อ
ยังมิทันกระทำการใด ฉู่เหลียนก็ปราดเข้าไปยืนข้างกายเขา และสวมกอดเข้าที่แขนอย่างแนบชิด พร้อมขานเรียกด้วยน้ำเสียงยั่วยวนอ่อนหวานที่กระทั่งตัวนางเองก็ยังอดขนลุกมิได้ “สามี!”
ทั้งร่างของเฮ่อซานหลางแข็งทื่อเมื่อถูกฉู่เหลียนสัมผัส
เดี๋ยวก่อน มิใช่ว่าภาพนี้มีบางสิ่งผิดไปหรอกหรือ?
มะ…มิใช่ว่าเขามาเพื่อจับชู้หรอกหรือ? เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816