ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 15 ความเข้าใจผิดอันน่าอึดอัด
การกระทำของฉู่เหลียนทำให้เฮ่อฉางตี้นิ่งงัน เขาจ้องนางด้วยสีหน้าฉงนระคนหม่นหมอง
เขามั่นใจยิ่งว่าภรรยาตัวน้อยผู้งดงามเบื้องหน้านี้ย่อมต้องเป็นฉู่เหลียนคนเดิมดังเช่นในชีวิตที่แล้ว เพราะทั้งคู่ดูเหมือนกันไม่มีผิด ทว่าเหตุใดนิสัยจึงต่างกันถึงเพียงนี้?!
สตรีร้ายกาจ ‘ฉู่เหลียน’ ในชีวิตก่อนของเขาไม่เคยเข้าใกล้เขาถึงเพียงนี้ หากให้นางเลือกระหว่างเขาและเซียวป๋อเจี้ยน นางย่อมเลือกเซียวป๋อเจี้ยนโดยมิต้องครุ่นคิดให้มากความ
ทว่าหากนางมิใช่ ‘ฉู่เหลียน’ จากชีวิตก่อน เหตุใดนางจึงยังลอบพบกับเซียวป๋อเจี้ยนอีกเล่า?
ยิ่งครุ่นคิดดวงตาของเฮ่อซานหลางยิ่งดำมืด ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ส่ายหน้าและหัวเราะตัวเอง แน่นอนว่านางย่อมเป็นสตรีแพศยาคนเดิม ทว่านางรู้จักปิดบังตัวตนที่แท้จริงได้ดีขึ้นในครานี้
ฉู่เหลียนเห็นสีหน้าเฮ่อฉางตี้เปลี่ยนไป จึงหยุดแกล้งเขาและนั่งลงอย่างเรียบร้อยข้างกายชายหนุ่ม
เฮ่อฉางตี้ทำทีปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นบนเสื้อตนออก จากนั้นจึงตั้งใจเย้ยหยันนาง “เพียงสามวันนับจากแต่งงาน ใครจะรู้ว่าภรรยารักกลับมีผู้อื่นอยู่ในใจตลอดมา”
ฉู่เหลียนย่นหน้าเมื่อหันมองเฮ่อซานหลาง “สามีที่รัก ท่านพูดเรื่องอะไรหรือ? ข้ายังไม่เข้าใจ”
“ฮึ่ม ข้ามิได้รู้สึกเลยว่าเจ้าแสดงดีขึ้นนัก ฉู่เหลียน ดูเอาเถอะว่าครานี้เจ้าจะแสดงต่อไปได้อีกนานแค่ไหน!”
เมื่อกล่าวจบ เฮ่อซานหลางก็นั่งหลับตาอยู่ที่มุมรถม้า เมินเฉยต่อฉู่เหลียน
เขาปฏิบัติราวกับภรรยาตัวน้อยข้างกาย เป็นอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น
ฉู่เหลียนมิใคร่อยากยุ่งกับเขา เฮ่อซานหลางนั้นมองนางในแง่ร้ายอย่างชัดเจน การพยายามทำดีด้วยล้วนแต่ส่งผลตรงข้าม เหตุใดจึงไม่เพียงเมินแล้วพักเสียหน่อยเล่า ตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะสิ้นแรงแล้วจากการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรดาสตรีทั้งหลายในจวนอิ้ง
ฉู่เหลียนนิ่งเงียบ สวนทางกับความเกรี้ยวกราดในใจของเฮ่อฉางตี้ที่มีแต่มากขึ้นทุกขณะ
เขาคำรามในใจ เหอะ! ดังคาด แม้นางจะเสแสร้งว่ามิได้ใส่ใจ ทว่าในใจนางยังคงคิดถึงเซียวอู่จิ้ง!
ดูเอาเถอะว่าเจ้าจะเสแสร้งได้อีกนานเพียงใด!
ไม่ช้าไม่เร็ว วันนั้นก็จะมาถึง วันที่เซียวอู่จิ้งตกอยู่ในกำมือเขา ในเวลานั้นเขาจะได้เห็นว่าฉู่เหลียนจะยังใจเย็นได้หรือไม่!
ฉู่เหลียนมิได้คิดสิ่งใดมากมายดังเช่นที่เขาคาด นางเพียงเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการมาเยี่ยมบ้านในวันนี้ ถนนหนทางที่รถม้าวิ่งนั้นเรียบมาก การสั่นไหวเพียงเบา ๆ ช่วยขับกล่อมนางให้เข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาไม่นานนัก
เฮ่อซานหลางยังคงหลับตาพลางคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในหัว ทันใดนั้นสิ่งหนัก ๆ ก็ร่วงทับบ่า เขาจึงรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดต้นคอ ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อในทันใด เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นฉู่เหลียนที่หลับไหลอยู่ที่บ่า
สตรีข้างกายเขามีสีหน้าสงบยิ่งยามนอนหลับ ริมฝีปากนางเผยอเล็กน้อยราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา
หากเขามิได้เห็นว่านางเลวร้ายเพียงใดในชาติก่อน เขาคงยังคิดว่านางเป็นภรรยาที่ดีของตนเป็นแน่!
เหตุการณ์ต่าง ๆ ในชาติที่แล้วแล่นซ้ำในความคิด สีหน้าใจเย็นและสุภาพของเฮ่อซานหลางหายไปทันใด เขาพยายามผลักสิ่งน่ารังเกียจนี้ออกไป ทว่าฉู่เหลียนกลับเหมือนเยลลี่ที่ไหลอยู่บนตัวเขา
เฮ่อฉางตี้ทนไม่ไหวอีก จึงผลักนางออก
เมื่อฉู่เหลียนถูกผลักหัว นางก็นิ่วหน้าไม่พอใจและงึมงำบางสิ่งที่จับใจความไม่ได้ ก่อนจะกลิ้งกลับมาบนตัวเฮ่อซานหลางอีกครั้ง ปากของชายหนุ่มบิดเบี้ยว เขาขยับหนีนางอย่างว่องไว ทว่าคราวนี้นางมิได้เล็งที่ไหล่เขา แต่กลับหนุนบนต้นขาของเขาแทน
เฮ่อซานหลางไม่รู้จะพูดอย่างไรกับสตรีนางนี้ดี
ถึงเพียงนี้นางยังหลับได้ราวกับหมูตาย เหตุใดจึงไม่หลับไปจนตายเสียเลยเล่า?
ครานี้เฮ่อซานหลางคร้านเกินกว่าจะยุ่งกับนางแล้ว
ฉู่เหลียนหลับสนิทเป็นพิเศษเมื่อได้หนุนตักเฮ่อซานหลาง
ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามก็มาถึงประตูจวนจิ่งอัน เฮ่อซานหลางจึงรู้สึกถึงความเปียกแฉะบนตักของตน
เมื่อก้มมอง ก็พบว่าแท้จริงแล้วนั่นคือน้ำลายของฉู่เหลียน!
เฮ่อซานหลาง: …
แม้จะพยายามยับยั้งโทสะที่พลุ่งพล่านในอกเพียงใด เขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เฮ่อซานหลางผลักฉู่เหลียนออกด้วยแรงที่มากพอจะทำให้คุณหนูขี้เซาแทบจะร่วงหล่นลงบนพื้นรถม้า
คราวนี้ฉู่เหลียนสะดุ้งตื่น มองไปรอบตัวอย่างสับสนก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านางยังคงอยู่บนรถม้า ทั้งยังมีคราบเปียกน่าสงสัยอยู่ที่มุมปาก… ทันทีที่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ฉู่เหลียนก็รีบหยิบผ้าเช็ดมือมาเช็ดออกโดยไว
จากนั้นนางจึงเห็นเฮ่อฉางตี้ที่มองมาด้วยความขุ่นเคือง ทั้งยังมีรังสีอำมหิตที่ค่อย ๆ แผ่ขยาย จนทำให้นางนึกขึ้นได้ว่าตนเผลอหลับบนตักของเขานั่นเอง กระทั่งยังนอนหลับน้ำลายไหลเปื้อนตักเขาเสียด้วย นางจึงไม่อาจละสายตาออกจากรอยเปียกบนตักนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เข้าใกล้หน้าร้อน อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิ
ในวันนี้เฮ่อฉางตี้เองก็สวมเสื้อคลุมปักลายสีน้ำเงินประกอบกับเนื้อผ้าบางเบาที่ดูทั้งเรียบง่ายและสง่างามแลดูเข้ากันกับรัศมีความใจเย็นของเขาเป็นอย่างดี
หากมองจากที่ไกล ๆ เขาดูราวกับภูเขาใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้อันสวยสด แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้ากล้ำกราย
ทว่าบนเสื้อคลุมอันสมบูรณ์แบบกลับมีรอยเปียกเล็ก ๆ ประมาณฝ่ามืออยู่ตรงบริเวณใจกลางของร่างกาย… ในตำแหน่งที่ออกจะ… น่าอึดอัดใจอยู่บ้างซึ่งชวนให้ผู้คนเข้าใจผิดได้ง่ายดายยิ่ง
หากชุดนี้เป็นสีเข้มก็คงไม่อาจสังเกตเห็นรอยเปื้อนได้ชัดเจนนัก ทว่ารอยเปียกนี้กลับเด่นชัดเมื่ออยู่บนเนื้อผ้าสีน้ำเงินสว่าง
เพียงมองผ่านตา ฉู่เหลียนก็รู้ตัวว่าคราวนี้นางเจอปัญหาเข้าเสียแล้ว!
นางจึงรีบเร่งหลบเข้าชิดมุมหนึ่งของรถม้าราวกับนกกระจอกเทศ พยายามขยับตัวออกห่างจากเฮ่อฉางตี้ให้ไกลเท่าที่จะสามารถ และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น
สีหน้าของเฮ่อฉางตี้ย่ำแย่ลง ทั้งยังอยากพุ่งตัวเข้าตบตีฉู่เหลียนสักฉาด ทว่าเขาไม่เคยทำร้ายสตรีใดมาก่อน เพราะคำสอนของตระกูลเฮ่อนั้นมิให้บุรุษทำร้ายร่างกายอิสตรี
เขาคว้าผ้าเช็ดมือของฉู่เหลียนจากมือนางและพยายามขัดถูเอาร่องรอย “น่าสงสัย” ออกเสีย ทว่าเขามิได้รู้ว่าฉู่เหลียนได้ใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดปากไปเสียแล้ว ทำให้รอยเปื้อนกลับยิ่งขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม…
เฮ่อฉางตี้ปาผ้าเช็ดมือลงกับพื้น โทสะที่สะสมอยู่ในใจปะทุขึ้นถึงขีดสุด เขามองหน้าสาวน้อยตรงหน้า และกำลังจะดุด่านาง แต่กลับเป็นเสียงไหลเยว่ที่ดังขัดขึ้นจากนอกรถม้าเสียก่อน “คุณชายสาม นายหญิงสาม ถึงประตูจวนแล้วขอรับ เหลียวหมัวมัวและนายหญิงใหญ่รอต้อนรับอยู่ขอรับ!”
แล้วรถม้าก็หยุดลง
เมื่อพี่สะใภ้เป็นผู้มารับด้วยตนเอง หากไม่ลงไปพบนางก็คล้ายว่าจะไร้มารยาท เฮ่อฉางตี้ที่คิดจะสั่งไหลเยว่ให้ขับรถม้าเข้าจวนเป็นอันต้องล้มเลิกไป
บรรยากาศบนรถม้านั้นประหลาดและกดดันยิ่ง ฉู่เหลียนทนสายตาดุดันที่เฮ่อซานหลางส่งมามิได้ นางจึงเลิกผ้าขึ้นและก้าวลงไป
ตอนนี้โจวซื่อยืนรออยู่ด้านข้างของรถม้า เนื่องจากเฮ่อเหล่าไท่จวินเกรงว่าเฮ่อซานหลางจะร่ำสุราจากจวนอิ้งจนเมามายจึงส่งหลานสะใภ้ใหญ่และหมัวมัวมาคอยต้อนรับ
เมื่อโจวซื่อเห็นฉีเยี่ยนประคองฉู่เหลียนลงจากรถม้า นางก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่
จากนั้นหน้านางก็ใบหน้าขึ้นสีก่ำ หมัวมัวกระแอมไอสองครั้ง รอยยิ้มฉายชัดในดวงตา
ฉู่เหลียนไม่รู้ว่าเหตุใดทั้งคู่จึงดูคล้ายว่ากำลังอดกลั้นมิให้ยิ้มเมื่อเห็นนาง
ฉีเยี่ยนเองที่เข้ามาช่วยประคองนางก็พลันหน้าแดงก่ำเช่นกัน นางเร่งจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับบนศีรษะของฉู่เหลียนให้เรียบร้อย
เมื่อเฮ่อซานหลางลงมาจากรถม้าหลังพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้นเมื่อเห็นสภาพไม่เรียบร้อยของฉู่เหลียนแล้ว โจวซื่อและเหลียวหมัวมัวก็อดมิได้ที่จะจ้องมองไปยังเฮ่อซานหลาง
เมื่อพวกนางเห็นรอยเปียกบนชุดคลุมของเฮ่อซานหลางแล้ว โจวซื่อก็แทบจะสำลักอากาศ ขณะที่เหลียวหมัวมัวผู้แก่ชราเสียจนมีรอยเหี่ยวย่นเต็มหน้านั้นล้วนเคยเห็นทุกสิ่งมาหมดสิ้นแล้ว นางจึงรีบรุดเข้ายืนข้างเฮ่อซานหลางเพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นจ้องมอง
มือของเฮ่อซานหลางสั่นระริกอย่างเกรี้ยวกราด เขาอยากบีบคอฉู่เหลียนเสียเหลือเกิน เป็นความผิดของนางแพศยานั่น! เขาจึงต้องอับอายต่อหน้าผู้อาวุโสถึงเพียงนี้!
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816