ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 20 ทำกินเอง
ฉีเยี่ยนกระทืบเท้า ทั้งโกรธและเสียใจยิ่งนัก “เจ้าก็เหมือนนายเจ้า! คิดว่านายหญิงของพวกข้ารังแกได้ง่าย เพราะนางยังเยาว์วัยและอ่อนโยนนัก!”
กล่าวจบ ฉีเยี่ยนก็วิ่งออกไปอย่างโมโห
ไหลเยว่มองหญิงรับใช้ที่วิ่งจากไปอย่างไร้หนทาง แน่นอน เขารู้ว่าคุณชายของตนออกจะไร้เหตุผล ทว่าเขาเองก็ต่อต้านมิได้เช่นกัน
ฉีเยี่ยนรีบกลับมาเล่าให้ฉู่เหลียนฟัง เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เหลียนก็แปลกใจจนต้องวางหนังสือลง นางไม่คาดว่าจะเดาถูก!
นางพูดไม่ออกเมื่อฉีเยี่ยนรายงานทุกสิ่งให้ฟังอีกครั้ง
“อะไรนะ? เรือนนอกส่งวัตถุดิบมาหรือ?” เมื่อได้ยินดังนี้ ดวงตาของฉู่เหลียนก็ทอประกายแวววาว
ฉีเยี่ยนที่ยังรู้สึกเสียใจแทนนายหญิงของตนอยู่ ไม่คาดว่าฉู่เหลียนจะเอ่ยถึงวัตถุดิบสดขึ้นมา นางนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ! บ่าวได้ยินว่านายหญิงใหญ่เกรงว่าจะทำอาหารเช้าไม่ทัน จึงได้ส่งวัตถุดิบสดให้แต่ละเรือนมาพร้อมกับมื้อเย็น”
เฮ้! ถ้ามีวัตถุดิบสดมา เช่นนั้นก็หาได้มีปัญหา โดยปกติแล้วการทานอาหารแต่ละมื้อในจวนจิ่งอันของนางก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ในเมื่อเฮ่อซานหลางอยากได้อาหารทั้งหมดก็เอาไปเถอะ นางจะไม่ทานแม้แต่คำเดียว!
ฉู่เหลียนลุกพรวดพราดจากเบาะนั่ง โยนหนังสือไปด้านข้าง นางจะไปห้องครัวเดี๋ยวนี้
ฉีเยี่ยนหยุดบ่นประท้วงเรื่องความไม่ยุติธรรมที่นายหญิงของตนต้องประสบ ก่อนจะรีบวิ่งไปหยุดฉู่เหลียนที่กำลังจะออกไปข้างนอก “นายหญิงสาม ท่านจะสวมชุดนี้ออกไปข้างนอกไม่ได้นะเจ้าคะ!”
ฉู่เหลียนก้มมองชุดนอนบางเบาที่นางสวมอยู่และนึกขึ้นได้ว่าไม่เหมาะสม “งั้นรีบไปหาชุดธรรมดามาให้ข้าสวมเร็ว”
หมิงเยี่ยนที่อยู่ด้านนอกได้ยินคำสั่งนาย จึงเข้ามาช่วยเหลือ
มีสาวใช้ทั้งสองคนคอยช่วย ฉู่เหลียนก็สามารถเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดสีเหลืองอ่อนได้อย่างรวดเร็ว ผมของนางยังไม่แห้งดี นางจึงรวบขึ้นด้วยปิ่นหยกขาวอย่างง่าย ๆ ช่างชวนให้นึกถึงดอกอวี้หลานที่บอบบาง แสนบริสุทธิ์ยามสยายกลีบ ทว่าภาพลักษณ์ทั้งหมดล้วนพังทลายเมื่อท้องของนางส่งเสียงร้องดังลั่น
ฉีเยี่ยนเห็นนางเร่งรีบนักจึงมิได้เติมแต่งเครื่องประดับอีก กล่าวเบา “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ได้ยินดังนั้นฉู่เหลียนก็ลุกพรวดออกจากห้องนอนไปในทันที
ฉีเยี่ยนและหมิงเยี่ยนได้แต่วิ่งไล่ตามนาง พลางตะโกนเรียกขาน “นายหญิงสาม ช้าลงหน่อยเจ้าค่ะ!”
ฉีเยี่ยนทำอะไรไม่ได้ ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเสียใจ นายหญิงสามคงต้องหิวมากเป็นแน่
เมื่อกุ้ยหมัวมัวเห็นนายหญิงของตนวิ่งออกไป นางที่ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงเดินตามไปด้วยอีกคน
เมื่อวานฉู่เหลียนได้ออกสำรวจรอบเรือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจำได้ว่าครัวเล็กอยู่ตรงไหน ไม่นานนักก็มาถึง
สตรีในวัยสามสิบกว่ากำลังดูแลห้องครัวอยู่ เมื่อเห็นนายหญิงสามมาเยือน นางก็เร่งเข้ามาต้อนรับ แต่เกรงว่าครัวจะมืดเกินไปจึงได้จุดเทียนเพิ่มขึ้น
สตรีผู้นั้นกล่าวอย่างเคารพ “นายหญิงสาม มาที่ครัว มีอะไรหรือเจ้าคะ?”
ฉู่เหลียนกวาดตาสำรวจรอบ ๆ “วัตถุดิบสดที่ถูกส่งมาอยู่ที่ไหน?”
สตรีผู้นั้นจ้องนาง ไม่คาดว่าจะได้ยินนายหญิงถามถึงของเหล่านั้น ทว่าก็รีบนำฉู่เหลียนไปยังบริเวณเขียง พร้อมกล่าวตอบ “นายหญิงสาม ของเหล่านั้นอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ!”
ฉีเยี่ยนและคนอื่น ๆ มาถึงห้องครัวพอดี เมื่อก้าวเข้ามาก็เห็นนายหญิงของพวกตนนั่งยอง ๆ จ้องมองภาชนะใส่น้ำขนาดใหญ่ ฉีเยี่ยนก็รีบเข้าไปหา นางเห็นห่านถูกมัดอยู่ในนั้น
ห่านย่อมเป็นห่าน พวกมันมักร้องขู่ผู้คน ฉีเยี่ยนเกรงว่านายของตนจะได้รับอันตราย จึงรีบดึงตัวนางออกมา
ทว่าฉู่เหลียนกลับมิได้ใส่ใจห่านเหล่านั้นแม้แต่น้อย นางกำลังมองบนเขียงที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมาย จากนั้นจึงมองไปยังหม้อและถังใส่น้ำ สิ่งที่อยู่ในนั้นทำให้นางตื่นเต้นสุดขีด
ว้าว! ที่แห่งนี้มีทั้งผัก ไข่ไก่ และปลาอีกหลากหลายชนิด เพียงแค่ในถังน้ำก็มีปลาดุกสองตัว ปลาช่อนอีกสองสามตัว นอกจากนี้ยังมีเนื้อแกะและเนื้อหมูที่ตระเตรียมไว้พร้อมปรุงอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเนื้อกวางอีกสองชิ้น! ทว่าตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน นางไม่เคยทานเนื้อกวาง ดังนั้นจึงไม่รู้วิธีการทำ ครานี้นางจะปล่อยมันไว้ก่อนแล้วกัน
ตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว แม้ว่านางจะอยากทำต้มปลาผักกาดดอง แต่ก็เกรงจะยุ่งยากเกินไป เนื่องจากต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมค่อนข้างมาก
เมื่อฉู่เหลียนมองวัตถุดิบทั้งหมดแล้ว แผนการก็ก่อตัวขึ้นในใจนาง
ฉีเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นนายหญิงสามตั้งใจจะทำอาหารเอง จึงเข้าไปหยุดฉู่เหลียนเอาไว้ “นายหญิงสามเจ้าคะ ท่านจะทำอาหารเองได้อย่างไร? ท่านอยากทานอะไรเจ้าคะ บอกบ่าวเถอะ ประเดี๋ยวบ่าวจะทำให้ท่านเอง”
ฉีเยี่ยนอดมิได้ให้รู้สึกพลุ่งพล่านเมื่อต้องกล่าวออกไปเช่นนี้ แม้คุณหนูหกของพวกนางจะมิได้เป็นที่โปรดปรานยามอยู่ในจวนอิ้ง ทว่านางก็ยังเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง ย่อมมิเคยต้องทำงานบ้านหรือทำอาหารเช่นนี้มาก่อน ทว่ายามนี้นางกลับต้องลงมือทำอาหารเองเพื่อให้อิ่มท้อง
ถึงแม้ว่านายหญิงใหญ่จะสั่งให้คนมาส่งวัตถุดิบทำอาหารให้ถึงเรือน ทว่านางก็ไม่ได้ส่งแม่ครัวมาให้ด้วย ดังนั้นไม่ว่ายามนี้ฉู่เหลียนต้องการทานอะไร นางล้วนต้องทำเองทั้งสิ้น
ฉู่เหลียนเห็นฉีเยี่ยนที่พยายามรั้งตัวนางไว้ ก็เข้าใจได้ว่าด้วยสถานะของนางยามนี้ไม่สมควรกระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง ซึ่งนางก็ไม่ใส่ใจว่าตนต้องทำอาหารเองหรือไม่ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้มีข่าวลือเรื่องนี้ออกไปนอกจวนได้ ดังนั้นนางจึงให้ฉีเยี่ยนลงมือทำแทนโดยมีนางคอยยืนควบคุมจากด้านข้าง
ฉีเยี่ยนทำเองทั้งหมดไม่ไหว หมิงเยี่ยนจึงอาสาเข้ามาช่วยอีกคน
ฉู่เหลียนมองพวกนางจากข้างเตา เห็นเครื่องปรุงทั่วไปวางอยู่ใกล้ ๆ ที่นี่ยังขาดน้ำมันพืช พริก และเครื่องปรุงอื่น ๆ อีกหลายชนิด แต่ทว่าเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ก็ให้เพียงพอสำหรับสิ่งที่ฉู่เหลียนต้องการแล้ว
เมื่อนางเห็นฉีเยี่ยนตั้งท่าจะโยนผักกาดขาวที่หั่นแล้วลงไปในน้ำ ฉู่เหลียนก็รีบเข้าห้ามนาง
ฉีเยี่ยนเห็นว่าแปลกนักจึงเอ่ยถามนางอย่างสงสัย “นายหญิงสาม หากไม่ต้มผักกาดขาวเช่นนี้ เราจะทำอย่างไรเจ้าคะ? ทั้งที่จวนอิ้งและจวนจิ่งอันต่างก็ทำเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น”
ฉู่เหลียนไม่รู้จะพูดอธิบายอย่างไรดี แต่ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าอาหารส่วนใหญ่ในยุคราชวงศ์อู่ หากไม่ต้มหรือย่าง ก็จะเอาไปนึ่ง ไม่มีวิธีการอื่นใดนอกจากนี้แล้ว แม้แต่เครื่องปรุงก็มีเพียงไม่กี่ชนิดจึงทำให้มีรสชาติอาหารของที่นี่ไม่มีความหลากหลาย
นางตั้งใจว่าจะทำผักกาดผัดเปรี้ยวหวาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำมันพืช ทว่าที่นี่ไม่แม้แต่จะเก็บมันหมูเอาไว้เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นก็คงไม่ต้องกล่าวถึงน้ำมันพืชเลย
ฉู่เหลียนชี้ไปยังเนื้อหมูส่วนท้องชิ้นหนา ๆ ที่วางอยู่บนเขียง “หมิงเยี่ยน เจ้าหั่นออกมาชิ้นหนึ่งขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือ แล้วแล่เป็นเส้นบางขนาดเท่าตะเกียบ”
หมูชิ้นพวกนี้สามารถนำมาทำน้ำมันได้
กุ้ยหมัวมัวเห็นนายหญิงสามเหมือนจะใช้สูตรลับอีกครั้ง จึงได้เร่งนำสตรีที่ยืนดูอยู่ในครัวให้ออกไป
ฉู่เหลียนชินเสียแล้วกับการกระทำเหล่านี้ นางเพียงนั่งมองหมิงเยี่ยนแล่เนื้อ และทำท่าเหมือนไม่ทันสังเกตอะไรทั้งสิ้น
นางเพียงตั้งใจจะทำอาหารง่าย ๆ ไม่กี่จาน นอกจากนั้น การจะทำอาหารด้วยเนื้อยังต้องใช้กรรมวิธีบางอย่าง น่าจะใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมง รวมหุงข้าวด้วยแล้ว
บ่าวไพร่ไม่ยอมให้ฉู่เหลียนลงมือทำสิ่งใดเอง ดังนั้นฉีเยี่ยนจึงเป็นผู้ลงมือทำ แม้นางจะเคยทำอาหารมาบ้าง ทว่าก็ไม่ได้ทำบ่อยนัก ทั้งการทำอาหารในครั้งนี้ยังยากกว่าปกติ เพราะต้องเคี่ยวเนื้อหมูจนกว่าจะกลายเป็นสีน้ำตาล แต่เนื้อหมูที่เคี่ยวนี้ยังทำออกมาได้ไม่ดีนัก เนื่องจากสีของมันยังไม่เป็นไปตามที่ฉู่เหลียนคาดหวังไว้
แม้หมูเคี่ยวนี้จะดูธรรมดาไปสักหน่อย ทว่ารสชาติกลับน่าพอใจทีเดียว
ฉีเยี่ยนสามารถทำออกมาได้ดีเพียงนี้ตั้งแต่ครั้งแรก ดูท่าว่านางคงมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารเป็นแน่
เมื่อพวกนางนำจานอาหารทั้งหมดออกมาจากห้องครัว สีหน้าของกุ้ยหมัวมัวและสาวใช้ทั้งสองก็ตะลึงค้างอยู่ชั่วขณะ พวกนางไม่ทราบมาก่อนเลยว่าจะสามารถทำอาหารด้วยวิธีเช่นนี้ได้ นอกจากการต้ม ย่าง และนึ่งแล้ว ยังสามารถนำไปทอดได้อีกและออกมาดูน่าอร่อยถึงเพียงนี้!
ฉู่เหลียนปล่อยผ่านท่าทางของเหล่าบ่าวไพร่ ท้องนางเริ่มส่งเสียงประท้วงอีกครั้ง!
“เร็วเข้า ข้าหิว! เอาไปไว้ที่ห้องรับแขกแล้วจัดโต๊ะเร็ว”
“เจ้าค่ะนายหญิง” สาวใช้ด้านหลังนางตอบรับ
ห้องครัวเล็กมิได้อยู่ไกลจากห้องหนังสือนัก ในค่ำฤดูร้อนเช่นนี้ยังมีลมบูรพาเย็น ๆ พัดผ่าน ห้องครัวนั้นตั้งอยู่ทิศต้นลมของห้องหนังสือพอดี
ไหลเยว่ที่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวจากในครัวมาสักพัก เขาเขย่งเท้ามองไปอย่างสงสัย ใครจะทราบว่าเวลาผ่านไปได้เพียงไม่นาน กลับมีกลิ่นหอมหวนเย้ายวนใจลอยมาเช่นนี้
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816