ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 21 ก็แค่หิวตาย (1)
กลิ่นหอมที่ลอยผ่านมากับสายลมนั้นเป็นกลิ่นที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาบอกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นของอะไร แต่มันกลับดึงดูดใจยิ่งนัก
ยามนี้แล้วไหลเยว่เองก็ยังมิได้ทานอาหาร อันที่จริงเขาตั้งใจว่าจะทนหิวไปจนกว่านายของตนจะเข้านอน จากนั้นจึงค่อยไปหาอาหารแห้งมาประทังท้อง ทว่าเพียงได้กลิ่นหอมเย้ายวนนั้น ท้องของเขาก็ส่งเสียงร้องโครกครากเสียแล้ว
ห้องครัวอยู่ทางทิศต้นลม ซ้ำวันนี้ลมยังพัดแรง กลิ่นหอมของอาหารยังคงลอยพัดมาเป็นระยะ ๆ การที่ต้องทนดมกลิ่นหอมน่าอร่อยยามท้องว่าง นับเป็นบทลงโทษที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาคิดได้
ไหลเยว่มองผ่านหน้าต่างไป เห็นผู้คนเดินไปมารอบห้องครัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังทิศทางเดียวกับผู้คนเหล่านั้น อดมิได้ให้รู้สึกชิงชังดวงตาของตนนักที่ไม่สามารถยืดยาวผ่านหน้าต่างเข้าไปลอบมองได้ว่านายหญิงสามกำลังสั่งให้สาวใช้ทำสิ่งใด
เฮ่อฉางตี้ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อากาศอบอ้าวเล็กน้อย เขาจึงเปิดหน้าต่างห้องหนังสือไว้ครึ่งหนึ่ง ทว่าหลังจากอ่านไปได้ขณะหนึ่ง กลิ่นหอมเย้ายวนก็ลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาแตะจมูก เป็นกลิ่นที่แปลกโดยแท้ กระทั่งเฮ่อซานหลางที่ได้ลิ้มลองอาหารแสนประณีตมามากมาย ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ากลิ่นอันละเอียดอ่อนแสนหรูหรานี้มาจากสิ่งใดกันแน่
แม้กลิ่นหอมที่ลมพัดมาเข้าสู่ห้องหนังสือนั้นจะเบาบางสักเพียงใด แต่มันกลับยิ่งเย้ายวนใจ
เฮ่อฉางตี้สูดลมหายใจเข้าลึกและหันไปมองกล่องอาหารทั้งสองกล่องที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ เขายังสงสัยอยู่ว่าควรจะกินอีกสักนิดดีหรือไม่ ทว่าเมื่อคิดถึงหน้าตาของอาหารแล้ว เขาก็หมดความอยากไปโดยสิ้นเชิง
ลืมไปเถอะ เขายังทนได้อีกนิด
เฮ่อซานหลางพยายามหันเหความสนใจของตนให้กลับไปจดจ่อยังหนังสือ
อีกทางหนึ่ง ฉู่เหลียนกำลังนำสาวใช้ที่ถือจานอาหารไปยังห้องรับแขก ซึ่งจำเป็นต้องเดินผ่านหน้าห้องหนังสือเพื่อไปยังที่จุดหมาย ไหลเยว่จ้องอาหารที่อยู่ในมือฉีเยี่ยนตาไม่กะพริบ ได้กลิ่นเพียงนิด น้ำลายก็สอ
ขณะที่กำลังเดินผ่านห้องหนังสือนั้น ฉีเยี่ยนยังจำได้ว่าไหลเยว่ปฏิบัติกับตนอย่างไรยามนางถามถึงมื้อเย็น ดังนั้นนางจึงกลอกตามองและเชิดคางใส่เขา ทางด้านไหลเยว่ที่เห็นนายหญิงสามเดินผ่านไปพร้อมสาวใช้ จมูกของเขาก็ได้กลิ่นของอร่อยขึ้นมา กระตุ้นต่อมอยากอาหารให้หิวโหยเสียยิ่งกว่าเดิม ทว่ายามนี้จะไปขออาหารจากนายหญิงก็คงไม่เหมาะนัก เพราะเขายังต้องทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าห้องหนังสือของคุณชายอยู่
ฉู่เหลียนสั่งสาวใช้ให้วางจานลงบนโต๊ะ
อาหารแต่ละจานส่งกลิ่นหอมรับกันเป็นอย่างดี มีทั้งหมูสามชั้นหั่นเต๋าตุ๋นน้ำแดง ไก่หั่นลูกเต๋าผัดซอส ผักกวางตุ้งผัดเปรี้ยวหวาน และซุปไข่น้ำง่าย ๆ ถ้วยหนึ่ง
ฉีเยี่ยนส่งถ้วยใส่ข้าวให้ฉู่เหลียน
เมื่อจัดวางอาหารทุกจานเรียบร้อยแล้ว ทั้งห้องรับแขกก็อวลไปด้วยกลิ่นอาหารแสนอร่อย
กุ้ยหมัวมัวและบรรดาหญิงรับใช้ต่างก็ยังมิได้ทานอาหารเช่นกัน ฉู่เหลียนนั่งลงตรงหัวโต๊ะ เมื่อเห็นเหล่าบ่าวไพร่ต่างจ้องมองจานอาหารและเผลอน้ำลายไหลอย่างอดไม่ได้ นางจึงยิ้ม “พวกเจ้าทุกคนต่างก็หิว มานั่งทานกับข้าสิ”
ทันทีที่นางกล่าวจบ กุ้ยหมัวมัวก็ห้ามนางในทันใด “นายหญิงสาม ยามนี้เราอยู่จวนจิ่งอันแล้ว อีกทั้งท่านยังเป็นเจ้าสาวแต่งใหม่อีกด้วย! ท่านต้องทำตัวให้เหมาะกับตำแหน่งใหม่ของท่านได้แล้วนะเจ้าคะ! ท่านเป็นนาย จะให้บ่าวไพร่อย่างพวกบ่าวไปนั่งร่วมโต๊ะกับท่านได้อย่างไร? หากเรื่องนี้หลุดออกไป คนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรเล่า?”
ฉู่เหลียนเข้าใจในสิ่งที่สาวใช้กล่าวได้ในทันทีและรู้สึกไร้ทางเลือกใด เนื่องจากกุ้ยหมัวมัวกล่าวได้อย่างถูกต้อง ถึงกระนั้นบ่าวผู้นี้ก็ยังคงจ้องมองอาหารเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ และมิได้มีท่าทีว่าจะขยับออกมาแม้แต่ก้าวเดียว
“ก็ได้ อย่างนั้นข้าจะทานก่อน อาหารทั้งหมดนี่ข้าทำเผื่อเอาไว้ให้พวกเจ้า หากข้าทานเสร็จ พวกเจ้าก็อยู่ทานที่ห้องรับแขกนี่ต่อแล้วกัน ดีหรือไม่?”
กุ้ยหมัวมัวพยักหน้าแต่โดยดี และมิได้ทักท้วงนายของตนอีก
ที่แท้พวกสาวใช้เพียงแค่มอง อาหาร-ที่-ไม่-เคย-เห็น-มาก่อน เมื่อตอนที่หมูสามชั้นตุ๋นเพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ นายหญิงให้พวกนางได้ลองชิมดู จึงได้รู้ว่าสิ่งนี้อร่อยมากเสียจนเทียบกับเนื้อกวางย่างก่อนหน้านี้ได้เลยทีเดียว! ไม่สิ เทียบแล้วยิ่งพบว่ามันอร่อยกว่ามากนัก!
ในตอนแรกพวกนางยังคิดกับตัวเองอยู่ว่าสิ่งที่ทำจากหมูสามชั้นนี้จะต้องมันเยิ้ม ไม่น่าทานเป็นแน่ แต่ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะอร่อยถึงเพียงนี้ เมื่อลองชิมชิ้นหนึ่ง ก็รู้สึกอยากทานเพิ่มอีกในทันที หยุดทานไม่ได้แล้วจริง ๆ
กุ้ยหมัวมัวนับเป็นหนึ่งในสาวใช้เก่าแก่ในจวนอิ้ง ทั้งยังเคยดูแลรับใช้มารดาของฉู่เหลียนมาก่อน ดังนั้นนางจึงมีประสบการณ์ชีวิตมากมาย ทั้งยังสามารถควบคุมตนเองได้ดีอีกด้วย ทว่าในครานี้นางกลับไม่สามารถหักห้ามความอยากอาหารของตนได้เลยแม้แต่น้อย
ฉู่เหลียนถือถ้วยข้าวไว้ในมือข้างหนึ่งขณะกำลังทานอาหารเบื้องหน้า แม้อาหารไม่กี่จานเหล่านี้จะเทียบกับอาหารในยุคปัจจุบันไม่ได้เลยก็ตาม เพราะขาดเครื่องปรุงที่หลากหลาย แต่นางก็ยังคงมีความสุขดีที่ได้ทานอาหารเช่นนี้ในยุคราชวงศ์อู่
นี่นับเป็นอาหารมื้อแรกที่นางได้ทานอย่างมีความสุขตั้งแต่หลุดเข้ามาที่นี่อย่างเป็นปริศนา
ทว่านางก็ทานอาหารเหล่านี้จนชินเสียแล้ว ดังนั้นจึงมิได้มีผลกระทบอะไรนัก เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ฉู่เหลียนที่ทานข้าวไปเพียงถ้วยเดียว นางก็รู้สึกอิ่มไปแล้ว 80%
ขณะที่ฉู่เหลียนกำลังทานอาหารอยู่นั้น กุ้ยหมัวมัวก็พลันนึกถึงเฮ่อซานหลางจึงเกิดความลังเลในใจไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายหญิงสาม เหตุใดจึงไม่เรียกคุณชายสามมาทานกับท่านเล่าเจ้าคะ?”
ฉู่เหลียนเงยหน้าขึ้นมอง ความสับสนสะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตใสซื่อ เมื่อนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดหมัวมัวถึงเอ่ยถามเช่นนั้น นางจึงได้แต่ตอบด้วยคำถาม “มิใช่ว่าเขาทานในห้องหนังสือไปแล้วหรือ? อาหารถึงสองกล่องเลยนะ! คนเรามีขีดจำกัดในการทานอยู่ อย่าไปบังคับให้เขาทานมากกว่านั้นเลย อีกทั้งการทานอาหารมากเกินไปในยามค่ำก็มิใช่เรื่องดีเสียด้วย”
นางได้ถือวิสาสะคิดเผื่อเฮ่อซานหลางพลางทำหน้ามุ่ย และคิดต่อกับตัวเองเพียงว่า ข้าจะไม่ยอมยกอาหารนี่ให้เจ้าหรอก เจ้าไม่ให้ข้ากิน ก็อย่าคิดจะได้กินของข้าเหมือนกัน! หลังจากนั้นนางจึงใช้ทัพพีตักซุปไข่น้ำใส่ถ้วยดื่มตบท้าย ถือเป็นอันผ่านพ้นไปอีกมื้อได้ด้วยดี
อาหารบนโต๊ะยังมีเหลืออยู่ โดยรวมแล้วอาหารทั้งหมดที่ทำออกมาถือว่าดีทีเดียว และนางตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะให้บ่าวไพร่ได้ทานด้วย แม้ฉู่เหลียนเพียงคนเดียวจะสามารถทานอาหารทั้งหมดนี้ได้ แต่ความอยากอาหารของนางก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผักกวางตุ้งผัดเปรี้ยวหวานแทบจะไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ
ฉู่เหลียนเกรงว่า พวกกุ้ยหมัวมัวจะรู้สึกอึดอัดหากนางยังอยู่ด้วย พอทานเสร็จ นางก็กลับไปที่ห้องนอนทันที
เมื่อฉู่เหลียนไม่อยู่แล้ว พวกบ่าวไพร่ก็ผ่อนคลายขึ้นมาก และเป็นไปดังคาด พวกนางมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนจะถือถ้วยข้าวและนั่งลงทานอาหาร
ทันทีที่ฝูเยี่ยนและจิ่งเยี่ยนทานคำแรก ดวงตาของพวกนางก็เปล่งประกาย ความเร็วของตะเกียบในมือก็เพิ่มขึ้นทันที
จิ่งเยี่ยนพูดทั้งที่อาหารยังเต็มปาก “พี่ฉีเยี่ยน พี่เป็นคนทำนี่หรือ? ทั้งกลิ่นและรสชาติดีเกินไปแล้ว! ข้าไม่เคยทานเนื้อที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!”
มุมปากของฉีเยี่ยนโค้งขึ้นอย่างภูมิใจ “ที่จริงข้าไม่ใช่คนคิด เป็นนายหญิงสามที่สอนข้าทำต่างหากเล่า!”
บ่าวรับใช้รุ่นใหญ่พยักหน้า “พวกเจ้าทุกคนต้องรับใช้นายหญิงให้เต็มความสามารถ หากนายหญิงอารมณ์ดี ก็อาจจะสอนสูตรลับให้เจ้าบ้างก็ได้ เช่นนี้อีกหน่อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่หรือเรื่องลูกหลานแล้ว”
ดวงตาของฝูเยี่ยนหรี่ลงพลางคิดคำนวณ
กุ้ยหมัวมัวและบ่าวทั้งสี่ทานอาหารอย่างเต็มคราบ อาหารทุกจานยังคงเหลืออีกมาก พวกนางพยายามจะทานทุกอย่างให้หมด แต่ตอนนี้อิ่มมากเสียจนรู้สึกคล้ายตัวกำลังจะแตก
ทั้งห้าจับท้องของตนอย่างอึดอัด ซึ่งมันเป็นความอึดอัดที่ท้องแต่สุขที่ใจยิ่งนัก
หมิงเยี่ยนลุกขึ้นลูบพุงที่กลมยื่นออกมาด้วยท่าทางน่าเกลียดน่าชังเสียจนฝูเยี่ยนและฉีเยี่ยนอดยิ้มไม่ได้
“ทานดี ๆ นะ แต่ระวังอย่าทานเยอะเกินไปด้วย!” กุ้ยหมัวมัวตั้งใจจะขู่หมิงเยี่ยนด้วยสีหน้าที่น่ากลัว
ทว่าหมิงเยี่ยนไม่โง่ “หมัวมัว อาหารพวกนี้อร่อยเกินไปต่างหากเล่า! พอเริ่มทานแล้ว ข้าก็หยุดไม่ได้อีกเลย!”
กุ้ยหมัวมัวมองจานบนโต๊ะ ยังมีทั้งเนื้อและน้ำแกงที่ยังเหลืออยู่อีกเล็กน้อย นางจึงหันไปสั่งฉีเยี่ยน “ฉีเยี่ยน เจ้าเอาอาหารที่เหลือนี้ไปไว้ในครัว พรุ่งนี้เราจะได้เอาไว้ทานกับข้าวอีก”
อาหารสูตรลับของนายหญิงสามนั้นอร่อยเกินไป จนกุ้ยหมัวมัวไม่อาจทิ้งขว้าง แม้นั่นจะเป็นเพียงเศษเล็กน้อยที่เหลือติดจาน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816