ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 22 ก็แค่หิวตาย (2)
ฉีเยี่ยนเก็บสำรับอาหารที่เหลืออยู่และกำลังนำไปเก็บที่ครัว แต่เมื่อเดินผ่านประตูห้องหนังสือก็เห็นไหลเยว่จ้องมองนางด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “แม่นางฉีเยี่ยน ท่านยังมีกับข้าวเหลืออยู่บ้างหรือไม่?”
ฉีเยี่ยนมุ่นคิ้ว ซ่อนกล่องอาหารไว้ด้านหลัง นางเชิดคางขึ้นและเอ่ยออกมาด้วยความหวงแหน “เจ้าจะมาถามหาอะไรกัน?! อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่ตอนที่ยกอาหารมาให้คุณชายสาม คุณชายได้อาหารไปตั้งสองกล่องเต็ม ๆ เชียวนะ!”
เนื่องจากถูกไหลเยว่ขัดขวางมาก่อน ความแค้นในใจนี้เลยยังมิได้ชำระ น้ำเสียงของนางจึงเจือไปด้วยความเสียดสีอย่างอดไม่ได้
“นั่นไม่เกี่ยวกับข้าเสียหน่อย” ไหลเยว่ชี้ไปที่ห้องหนังสือด้านหลังตน “เป็นคำสั่งของคุณชายสามทั้งนั้น ข้ายังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่บ่าย ตอนนี้ข้าหิวจนท้องกิ่วท้องแขวนไปหมดแล้ว”
พอพูดจบ ท้องของไหลเยว่ก็ส่งเสียงโครกครากออกมา
ฉีเยี่ยนตั้งใจมองเขา คล้ายจะตรวจสอบว่าอีกฝ่ายโกหกหรือไม่
“แม่นางฉีเยี่ยน พวกเราก็เป็นบ่าวด้วยกันทั้งนั้น เจ้าต้องรู้อยู่แล้วนี่! ไม่มีบ่าวที่ไหนทานข้าวกับนายหรอก!” ไหลเยว่เจรจาได้เก่งนัก เขาหาจุดอ่อนของฉีเยี่ยนเจอจนได้
“แน่ใจหรือว่ายังไม่ได้ทานจริง ๆ ?”
“ข้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยจริง ๆ นะ! เห็นท้องข้าร้องไหม? เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยินใช่ไหมเล่า?”
ฉีเยี่ยนเม้มปาก และวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะหินใกล้ ๆ “ยังไงก็เหลืออาหารไม่มากอยู่แล้ว มีแค่หมูสามชั้นไม่กี่ชิ้น น้ำแกง และข้าวอีกถ้วย ทานรองท้องไปก่อนแล้วกัน!”
ไหลเยว่กลืนน้ำลายอย่างโจ่งแจ้ง “แค่ทานได้ก็ดีแล้ว ข้าไม่เลือกกิน!”
ฉีเยี่ยนมองเขา ก่อนจะเทน้ำแกงและเนื้อผสมรวมลงบนถ้วยข้าว หน้าตาของอาหารออกมาราวกับอาหารในยุคปัจจุบันไม่มีผิด
นางผลักถ้วยอาหารไปทางไหลเยว่ “เอ้า เอาไปเสีย! จำไว้ว่าทานเสร็จแล้วต้องส่งถ้วยและตะเกียบคืนให้บ่าวในครัวล้างด้วย!”
ไหลเยว่พยักหน้ารัวเร็ว ฉีเยี่ยนอดมิได้ให้รู้สึกรำคาญท่าทางมีความสุขของเขา ดังนั้นจึงรีบถือกล่องอาหารที่ว่างเปล่าแล้วเดินจากมา
ผู้ที่เคยทานหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงคงรู้ว่า เพียงแค่ราดน้ำปรุงรสลงบนข้าวเปล่าก็สามารถทานได้อย่างเอร็ดอร่อยแล้ว
ไหลเยว่สูดจมูกฟุดฟิด ในที่สุดก็รู้แล้วว่ากลิ่นหอมที่สัมผัสได้ก่อนหน้านี้ ที่แท้มาจากอาหารจานนี้นี่เอง ฉีเยี่ยนเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรนะ? ใช่แล้ว หมูตุ๋น!
ตอนนี้ไหลเยว่หิวนัก เขานั่งยอง ๆ ที่หน้าประตูห้องหนังสือ ในมือถือถ้วยอาหารและเคี้ยวกลืนข้าวราวกับชาวไร่ชาวนา ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามของบ่าวไพร่ในเรือนขุนนางที่เลื่องชื่อ
แม้เขาจะไม่ค่อยได้ทานอาหารดี ๆ มากมายนัก ทว่าด้วยเหตุผลบางประการ เขาเห็นว่าอาหารจานนี้อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ!
เขาคีบชิ้นเนื้อหมูที่เหลืออยู่ขึ้นมา มองดูมันแกว่งไกวบนตะเกียบก่อนจะยัดมันเข้าปาก รสชาติอันน่าอัศจรรย์แผ่กำจายไปทั่วปาก สิ่งนี้อร่อยยิ่งกว่าเนื้อกวางเป็นร้อยเท่า!
พวกสาวใช้เหล่านั้นตะกละเกินไปแล้ว พวกนางถึงกับทานเข้าไปมากมาย เหลือให้เขาเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ไหลเยว่ครุ่นคิดถึงอาหารจานนี้ หากยังมีหมูตุ๋นน้ำแดงเต็มชามอยู่เบื้องหน้าเขาในยามนี้ เขาต้องสามารถทานมันลงไปหมดได้ด้วยตัวคนเดียวเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นชามใบนี้คงจะสะอาดหมดจดราวกับเพิ่งล้างเสร็จใหม่
ถ้วยข้าวใบน้อยที่เดิมทีเต็มไปด้วยข้าวคลุกเคล้าความชุ่มฉ่ำจากน้ำหมูตุ๋น ในตอนนี้พลันหายไปเกินกว่าครึ่งถ้วยในระยะเวลาอันสั้น ไหลเยว่หลับตาดื่มด่ำกับรสชาติละมุนลิ้นของอาหารในปาก ก่อนจะค่อย ๆ กลืนลงไป
ขณะเดียวกัน เฮ่อซานหลางที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือกลับถูกรบกวนด้วยกลิ่นหอมของหมูตุ๋นน้ำแดง ท้ายที่สุด เขาก็มิอาจทานทนต่อไปได้ ชายหนุ่มโยนหนังสือในมือทิ้งแล้วเดินออกจากห้องไป ทันทีที่เขาเปิดประตู ก็เห็นบ่าวรับใช้ประจำตัวนั่งยอง ๆ อยู่ที่หน้าประตูกำลังพุ้ยข้าวเข้าปากราวกับขอทาน
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้นเหตุของความทรมานของเขามาจากถ้วยที่อยู่ในมือของไหลเยว่นั่นเอง
เฮ่อฉางตี้หรี่ตาจ้องไหลเยว่ มุมปากของเขาค่อย ๆ โค้งขึ้น
ไหลเยว่ที่กำลังทานอาหารอย่างมีความสุขแท้ ๆ! เขาพลันรู้สึกเย็นยะเยือกที่สันหลังขึ้นมา เมื่อหันไปมองก็เห็นเฮ่อฉางตี้ยืนจ้องเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว เขาไม่คาดว่านายของตนจะออกมาจากห้องในยามนี้! เมื่อเห็นดังนั้น บ่าวรับใช้จึงพยายามกลืนอาหารลงคออย่างรวดเร็วเสียจนแทบจะสำลัก
ไหลเยว่รีบลุกขึ้นและซ่อนชามใบน้อยไว้ด้านหลัง ก่อนจะโค้งทักทายเฮ่อฉางตี้ “คุณ…คุณชาย”
“เอ๋ ข้าสั่งให้เจ้าเฝ้าประตู แต่เจ้ากลับเพลิดเพลินกับการทานอาหาร! บอกข้าซิ ว่าอาหารแบบใดกันที่ทำให้เจ้าหลงลืมหน้าที่ไปเสียได้!”
ไหลเยว่ทราบว่าไม่สามารถปกปิดต่อไปได้ เขาก้มลงมองพื้นและเกาหัว “คุณชาย นี่…นี่คืออาหารที่นายหญิงสามทำขอรับ เป็นเพียงของเหลือ ๆ เท่านั้น พวกนางล้วนสงสารที่บ่าวต้องเฝ้าประตูจึงมอบสิ่งนี้ให้ขอรับ”
ฉู่เหลียน!
ความเกรี้ยวกราดก่อตัวขึ้นในอกเฮ่อซานหลาง เขามิคาดว่าสตรีแพศยาผู้นั้นจะสั่งให้สาวใช้ของนางไปทำอาหารเองจริง ๆ ทั้งที่เขาเอากล่องอาหารมาแล้ว!
และที่น่าโมโหยิ่งกว่า คือสาวใช้ของนางกลับทำอาหารที่ดูน่าทานยิ่งกว่าของเขาเสียอีก
เฮ่อฉางตี้ยื่นมือออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา
ไหลเยว่จ้องมองนายของตนอย่างไม่เข้าใจ และถามตะกุกตะกัก “คุณ…คุณชาย ท่านต้องการสิ่งใดขอรับ?”
“ส่งมันมา” น้ำเสียงของเฮ่อซานหลางเย็นเยียบเสียจนแทบจะมองเห็นเกล็ดน้ำแข็งก่อตัวในอากาศ
ไหลเยว่ย่อมมิกล้าขัดคำสั่ง จึงทำได้เพียงส่งชามข้าวที่ทานไปแล้วครึ่งหนึ่งให้เฮ่อฉางตี้ด้วยสีหน้าที่เสียใจยิ่ง
เฮ่อฉางตี้รับถ้วยไป อาศัยแสงไฟจากระเบียงเพื่อมองดูของในถ้วย
แม้สิ่งนี้จะมีกลิ่นดึงดูดใจ ทว่ายามนี้มันกลับถูกไหลเยว่คุ้ยเสียจนเละเทะไปหมดแล้ว เฮ่อฉางตี้ส่งเสียงฮึ่มในลำคออย่างรังเกียจและวิจารณ์ “ของหยาบ ๆ”
ไหลเยว่ก้มหัวลงมิกล้าเอ่ยสิ่งใด ทว่าในใจกลับหวังให้คุณชายรีบส่งชามในมือคืน ก็เขายังทานไม่เสร็จเลยนี่!
เมื่อดูเสร็จเฮ่อซานหลางก็ผลักถ้วยคืนใส่มือไหลเยว่ และกลับเข้าไปในห้องหนังสืออีกครั้ง
เขาพึมพำกับตัวเอง “ข้ารึก็สงสัยว่าสตรีร้ายกาจนั่นจะทำอาหารดี ๆ อะไร ที่แท้กลับเป็นเพียงของพรรค์นั้น”
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่เฮ่อฉางตี้กลับเม้มปากและกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
ไหลเยว่ทานอาหารในถ้วยจนเกลี้ยงทันทีที่ได้คืน คล้ายเกรงกลัวว่าคุณชายสามจะกลับออกมาขอถ้วยอาหารไปในขณะใดขณะหนึ่ง
เมื่อข้าวราดน้ำแกงหมูตุ๋นทั้งหมดเคลื่อนย้ายลงไปอยู่ในกระเพาะอาหารของไหลเยว่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ลูบพุงของตัวเองอย่างอดมิได้ รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
……………
ฉู่เหลียนที่กำลังนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง และถือหนังสือตลกไว้ในมือ ในขณะเดียวกันนั้นนางก็กำลังนึกไปถึงเมนูสำหรับมื้อเช้าของวันพรุ่งนี้
นางตรวจดูวัตถุดิบในครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพบว่ายังมีแป้งสาลีอยู่ การทำขนมจีบหมูและขนมจีบกุ้งอาจจะดูวุ่นวายจนเกินไป ซ้ำกุ้ยหมัวมัวต้องไม่ยอมให้นางทำเองเป็นแน่ และหากวิธีการทำอาหารนั้นซับซ้อนจนเกินไป พวกฉีเยี่ยนก็คงไม่อาจเข้าใจและทำเองไม่ได้ในทันทีเช่นกัน หลังจากคิดได้สักพัก นางก็ตัดสินใจว่า เกี๊ยว น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด
ที่ต้องทำก็แค่รีดแป้งให้บาง ทำไส้ผักใส่เข้าไป แล้วต้มในหม้อ
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉู่เหลียนก็โยนหนังสือในมือ แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างเป็นสุข
…………………….
คืนนี้เฮ่อซานหลางก็หลับในห้องหนังสือเช่นเดิม
วันต่อมา เมื่อเฮ่อซานหลางตื่นขึ้น เขาก็เรียกไหลเยว่ให้เข้าไปรับใช้ แต่กลับสังเกตเห็นว่า วันนี้บ่าวของตนดูร้อนรนช่วยเขาแต่งตัวเหลือเกิน คล้ายกับว่าจะรีบไปไหน
เฮ่อฉางตี้มองไหลเยว่อยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามเสียงต่ำ “ไหลเยว่ เจ้าเร่งรีบไปเพื่ออะไร?”
มือของไหลเยว่ชะงักค้าง ก่อนจะคุกเข่าลงและกล่าวขอโทษ
เฮ่อซานหลางนั่งอยู่บนเตียงและขยับคอเสื้อให้เข้าที่ “บอกเหตุผลข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า ตัดสินใจเอาเอง!”
ไหลเยว่ลอบโทษความละโมบของตนเองอยู่ในใจ ทว่าตอนนี้คุณชายสามเกรี้ยวกราดนัก เขาจะกล้าปิดบังได้อย่างไรเล่า? “ตอบคุณชายสาม นาย…นายหญิงสามกำลังสั่งให้สาวใช้เตรียมอาหารเช้าใน…ในห้องครัวขอรับ!”
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816