ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 24 กินจนท้องอืด
แม้อาหารเช้าเบื้องหน้าจะดูเรียบง่าย ทว่ากลิ่นหอมนั้นกลับลอยกรุ่น จนรื้อฟื้นให้ความทรงจำจากเมื่อคืนผุดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ภาพไหลเยว่ที่นั่งยอง ๆ พุ้ยข้าวอย่างบ้าคลั่งราวกับอาหารถ้วยนั้นคือถ้วยสุดท้ายของโลก
แน่นอน กลิ่นของมันช่างหอมนัก ทว่ามันจะอร่อยถึงเพียงนั้นจริงหรือ?
เฮ่อฉางตี้อดมิได้ให้หยิบช้อนขึ้นคนสิ่งที่อยู่ในถ้วยกระเบื้องเคลือบตรงหน้า เกี๊ยวในถ้วยผลุบโผล่เมื่อเขาคน ชิ้นหอมสับสีเขียวมรกตลอยยู่ภายในถ้วยดูคล้ายพืชในบ่อน้ำใส กลิ่นหอมกรุ่นแตะจมูก น้ำลายเริ่มหลั่งไหลวนอยู่ในปาก การหักห้ามความกระหายในอาหารนั้นยากยิ่งขึ้นทุกขณะ
เฮ่อฉางตี้จ้องมองของในถ้วยราวถูกมนตร์สะกดให้ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง มือหยาบกร้านของเขายังคงคนเจ้าสิ่งที่อยู่ในถ้วย นัยน์ตาดุดันพลันเข้มขึ้นเมื่อตกอยู่ในห้วงความคิด กุ้ยหมัวมัว หมิงเยี่ยน และสาวใช้ที่เหลืออดมิได้ให้ต้องกลืนน้ำลายกับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดนี้
ท้ายที่สุด เฮ่อฉางตี้ก็ตักเกี๊ยวขึ้นมาเป่าจนเย็น ก่อนจะย้ายมันเข้าไปในปากของตน
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก้มลงเล็กน้อยขณะกัดเกี๊ยวอวบอ้วนสีขาว กลิ่นและรสชาติภายในเนื้อเกี๊ยวที่ปริแยกจากการกัดค่อย ๆ ถั่งโถมสัมผัสไปทั่วลิ้น พาให้ร่างกายของเขามิอาจขยับได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
ดวงตาของเฮ่อซานหลางปะปนไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ขนตาดำยาวทอดเงาบดบังสายตา ยามนี้ไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้แม้แต่คนเดียว
เมื่อทานเกี๊ยวหมดไปแล้วสองตัว เขาก็ยกมือขึ้นชี้ไปยังแป้งทอดใส่หอมที่อยู่ข้าง ๆ
มารยาทในการทานอาหารของเขางดงามนัก ท่วงท่าทุกการเคลื่อนไหวล้วนสูงส่ง กุ้ยหมัวมัวและสาวใช้ไม่อาจบอกได้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่จากสีหน้าอันว่างเปล่านั้น
เมื่อเห็นคุณชายสามชี้ไปยังแป้งทอดใส่หอม หมิงเยี่ยนก็ทำได้เพียงปลุกใจให้กล้าและเข้าปรนนิบัติ นางตัดแป้งสีน้ำตาลทองออก นำชิ้นที่เล็กกว่าใส่ในจาน และวางลงข้างชายหนุ่ม
เฮ่อฉางตี้ยังคงมิได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงแต่คีบชิ้นแป้งขึ้น นำเข้าใกล้จมูกและลองดมดูก่อน พร้อมกับคาดเดาไปต่าง ๆ นานาถึงรสสัมผัสที่จะได้รับจากแผ่นแป้ง
ดวงตาคมของชายหนุ่มเบิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะบรรจงนำชิ้นแป้งเข้าปากตน
แป้งทอดใส่หอมนี้รสชาติแตกต่างจากแป้งแข็ง ๆ และอาหารอื่นที่ดูคล้ายคลึงกันโดยสิ้นเชิง แผ่นแป้งบาง ด้านนอกกรอบ ในขณะที่ด้านในทั้งนุ่มและมีรสชาติกำลังดี เมื่อกัดเข้าไปคำหนึ่งแล้วก็จำต้องทานเพิ่มอีกอย่างอดไม่ได้
เฮ่อซานหลางพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับมิได้แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าแม้แต่น้อย เขาเพียงชี้ไปที่แป้งทอดอีกครั้ง
หมิงเยี่ยนอ้าปากค้าง นางมิกล้ากล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว ทำเพียงขยับเข้าไปใกล้ จัดเตรียมแป้งทอดอีกชิ้นและใส่จานแยก
วันนี้เฮ่อซานหลางนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก เขาได้แต่คิดอยู่ในใจว่านี่เป็นการทานอาหารเช้าที่ดีที่สุดในชีวิตของตน
หากมิใช่ความเร็วของตะเกียบและการเคี้ยว ก็คงไม่มีใครคาดเดาได้ว่า แท้ที่จริงแล้วอาหารเช้าที่ดูธรรมดาเหล่านี้มีรสชาติที่ถูกปากเขาเพียงใด เช่นเดียวกับปริมาณเกี๊ยวและแป้งทอดใส่หอมที่หายไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ฉู่เหลียนที่เปลี่ยนเป็นชุดสีฟ้าอ่อนและจัดการผมเผ้าอันยุ่งเหยิงของตนเรียบร้อยแล้ว นางใช้ผ้าเช็ดมือเปียกเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและลำคอ ก่อนจะนั่งลงที่เตียงและพัดวีตนเอง ความอ่อนล้าที่มีเริ่มคลายลง
ช่วงนี้อากาศร้อนเสียจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ฉู่เหลียนทอดถอนใจและคิดจะลองถามกุ้ยหมัวมัวว่าจะสามารถนำน้ำแข็งมาวางในห้องนอนหลังมื้อเช้าบ้างได้ไหม
เมื่อฉู่เหลียนลุกขึ้นและกลับมาถึงห้องรับแขกอีกครั้ง สิ่งแรกที่นางเห็นคือหลังของเฮ่อซานหลางที่นั่งเหยียดตรงอยู่ที่โต๊ะอาหาร
ฉู่เหลียนนิ่วหน้า ก่อนหน้านี้นางไม่ทันได้สังเกตว่า วันนี้เฮ่อฉางตี้ก็สวมชุดสีฟ้าอ่อนเช่นกันจึงดูคล้ายกับทั้งคู่ตั้งใจจะแต่งกายให้เหมือนกันอย่างไรอย่างนั้น
ฉู่เหลียนมิได้ใส่ใจนานนัก นางหันไปโบกมือไหว ๆ ให้กุ้ยหมัวมัวและสาวใช้คนอื่นที่ยอบกายถอนสายบัวอยู่ให้ลุกขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าของกุ้ยหมัวมัวที่จ้องมองมาเสมือนมีสิ่งใดที่อยากจะเอ่ย
ฉู่เหลียนโคลงหัวอย่างสงสัย ทว่ากุ้ยหมัวมัวก็เม้มปากแน่น ไม่กล่าวสิ่งใด
เมื่อเห็นดังนั้น ฉู่เหลียนก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีกต่อไป นางยกชายกระโปรงขึ้นและเคลื่อนกายไปยังโต๊ะอาหาร
เมื่อนางเข้าใกล้แผ่นหลังของเฮ่อซานหลาง ก็ได้ยินเสียงช้อนกระทบถ้วยกระเบื้องเคลือบ จึงรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังทานอาหารเช้าของนางอยู่ หญิงสาวพองแก้มขึ้นและจ้องมองแผ่นหลังของเขา
ฉู่เหลียนพลันอยากเหน็บแนมเขาขึ้นมา
“สามี นี่ท่าน…” นางเริ่มพูดเมื่อก้าวเข้าไปใกล้กว่าเดิม แต่เมื่อมาถึงโต๊ะ นางกลับพูดอะไรไม่ออก
นี่…เฮ่อซานหลางช่างเป็น…ไอ้บ้าขี้ตะกละ!
แม้ท่วงท่าของเขาจะสง่างามนัก แต่ความอยากอาหารนั้นตรงกันข้าม เขาทานเกี๊ยวไปเกินครึ่งถ้วย แถมแป้งทอดที่นางทำมาห้าชิ้นยังเหลือแค่เพียงสองชิ้นเท่านั้น
ซ้ำตอนนี้เขาก็กำลังจะเริ่มกินชิ้นที่สี่อีกด้วย!
ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมกุ้ยหมัวมัวถึงได้มองนางด้วยสายตาแบบนั้น
มุมปากของฉู่เหลียนบิดเบี้ยว
นางนั่งลงข้างเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด เรียวปากเม้มเข้าหากันจนกลายเป็นเส้นตรงบางเฉียบ หญิงสาวรีบสั่งให้หมิงเยี่ยนยกเกี๊ยวมาให้ถ้วยหนึ่ง เพราะเกรงว่าหากนางช้ากว่านี้อีกก้าวเดียว อาหารเบื้องหน้าอาจจะหมดเสียก่อน
หมิงเยี่ยนรู้สึกกระอักกระอ่วนกับสถานการณ์นี้เช่นกัน เมื่อยกถ้วยเกี๊ยวให้ฉู่เหลียนแล้ว นางก็เร่งถอยกลับไปอยู่ที่มุมห้อง
ฉู่เหลียนคีบแป้งทอดชิ้นสุดท้ายขึ้นมาวางบนจาน ก่อนจะเริ่มวิพากษ์ถึงการกระทำที่แล้งน้ำใจของชายหนุ่มเมื่อวานนี้ “เช่นนี้อาหารทั้งหมดเมื่อวานคงหายลงไปอยู่ในหลุมไร้ก้นที่ท่านเรียกว่าท้องจริง ๆ เสียแล้ว”
เฮ่อฉางตี้ตะลึงไป เขาจะไม่รู้ความหมายที่นางกล่าวได้อย่างไร? นางกำลังลอบตำหนิว่าเขาทานมากเกินไป!
เฮ่อซานหลางมองนางด้วยหางตา ยามนี้เขากำลังอารมณ์ดีขึ้นอันเป็นผลมาจากมื้ออาหารที่แสนอร่อย จึงปล่อยนางให้นางพูดไป
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบ ฉู่เหลียนก็ไม่ใคร่จะกระแนะกระแหนเขาต่อไป ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำอยู่แล้วนี่
ดังนั้น นางจึงเบี่ยงความสนใจมาที่การทานอาหารเช้าแทน
ในยามที่นางเปลี่ยนชุด เกี๊ยวร้อนก็ค่อย ๆ เย็นลงแล้ว ตอนนี้จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เกี๊ยวได้อุณหภูมิพอดิบพอดี
แป้งทอดใส่ต้นหอมนั้นมีขนาดใหญ่เท่าสองฝ่ามือ เมื่อเห็นนายหญิงสามกำลังจะหยิบขึ้นทาน หมิงเยี่ยนจึงรีบเข้ามาหวังจะช่วยนางฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ฉู่เหลียนกลับห้ามนางเอาไว้ก่อน
นายหญิงสามเป็นผู้สอนวิธีทำแป้งทอดให้แก่นาง แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจอาหารจานนี้ได้ดีกว่าผู้สอน นางจึงถอยกลับไปยืนอยู่ที่เดิม
บนโต๊ะนั้นยังมีถ้วยเล็ก ๆ ที่ใส่น้ำจิ้มที่นางไม่รู้จัก และหัวไชเท้าหั่นฝอยวางอยู่เคียงกัน ฉู่เหลียนตักน้ำจิ้มราดลงบนแผ่นแป้งครึ่งช้อนคันเล็ก จากนั้นนางก็คีบเอาหัวไชเท้าฝอยมาวางไว้ด้านบน และตามด้วยห่อทั้งหมดด้วยแผ่นแป้ง ก่อนจะกัดเข้าไปคำหนึ่ง
คู่ชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งตรงโต๊ะอาหารต่างฝ่ายต่างไม่เอ่ยวาจาใดต่อกัน และเอาแต่ทานอาหารในจานของตนอย่างสงบ…หรืออย่างน้อยก็คงจะดูออกว่าเป็นแบบนั้น อันที่จริงเฮ่อฉางตี้กำลังเหลือบมองการกระทำของฉู่เหลียนอยู่
เขานึกฉงนกับวิธีทานแป้งทอดของนางที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เฮ่อฉางตี้ถอนสายตามายังจานแป้งทอดที่ตอนนี้กลับว่างเปล่าเสียแล้ว
ในดวงตาของเขาปรากฏร่องรอยความผิดหวังอยู่ลึก ๆ
ฉู่เหลียนยังคงตั้งอกตั้งใจทานแป้งทอดบนจานโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของเฮ่อซานหลางแม้แต่น้อย
นางหาน้ำมันพืชเหมาะ ๆ ไม่ได้ ซ้ำคุณภาพของแป้งที่นี่ยังดีไม่สู้แป้งในยุคปัจจุบัน ดังนั้นแป้งทอดใส่หอมจานนี้ยังนับว่าไม่อร่อยเท่าที่นางจดจำได้ ฉู่เหลียนไม่ชอบทานอาหารมัน ๆ ระหว่างทานจึงอดลอบขมวดคิ้วเสียไม่ได้
เฮ่อซานหลางที่จับจ้องนางอยู่ทุกการเคลื่อนไหวย่อมสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนาง
เขารู้สึกขุ่นเคืองแทนแป้งทอดเหล่านั้นเหลือเกิน
หลังจากนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เฮ่อฉางตี้ก็หันไปหาแป้งทอดที่เหลือในจานตน ก่อนจะใช้ตะเกียบหยกคีบมันขึ้นมาจิ้มในถ้วยน้ำจิ้ม และจับแป้งทอดใส่ปาก
อืมมม…เช่นนี้อร่อยกว่าทานแป้งทอดเปล่า ๆ เสียอีก แม้น้ำจิ้มจะเค็มไปหน่อย แต่เมื่อทานรวมกันแล้ว รสชาติกลับกำลังพอดี เขาไม่ทราบจริง ๆ ว่าน้ำจิ้มนี้ทำมาจากสิ่งใด
เมื่อทราบถึงคุณงามความดีของวิธีการกินแบบใหม่นี้แล้ว เฮ่อซานหลางก็จัดการกินแป้งทอดที่เหลืออยู่อีกนิดหน่อยจนหมดแทบจะภายในคำเดียว เมื่อแป้งทอดของตนหมดจาน เขาก็มองหมิงเยี่ยนที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านข้างด้วยสายตาที่มีความหมายเป็นนัย
หมิงเยี่ยนที่ถูกจ้องพลันตัวสั่นงันงก นางรีบก้มหน้าลง และพยายามลบการดำรงอยู่ของตนทิ้ง กระทั่งลมหายใจก็แผ่วเบาลงจนแทบจะไม่มี
ฉู่เหลียนง่วนอยู่กับการจัดการเกี๊ยวในถ้วย จึงไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
ทว่านางกลับไม่สามารถทานแป้งทอดจนหมดได้ ทานไปได้เพียงครึ่งเดียวก็วางมันลงบนจานเช่นเดิม
เมื่อเห็นฉู่เหลียนผลักถ้วยออกจากตัวเป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้ว หมิงเยี่ยนก็รีบส่งผ้าเช็ดมืออุ่นให้แก่นางในทันที
ไม่รอให้ฉู่เหลียนรับผ้าเช็ดมือผืนนั้น เฮ่อฉางตี้เคาะลงบนผิวโต๊ะเบื้องหน้านางและออกคำสั่งเสียงต่ำ “ทานให้หมด”
ฉู่เหลียน:…
นางมองแผ่นแป้งทอดชิ้นสุดท้ายในจานที่เริ่มเย็นชืด ยังไงก็ไม่อร่อยเท่ากับตอนทำเสร็จใหม่ ๆ ตอนนี้ดูแล้วไม่น่าทานเลยแม้แต่น้อย
เฮ่อซานหลางเป็นอะไรไปอีกล่ะ? แค่เขาไม่ยอมพูดคุยกับนางก็เลวร้ายพออยู่แล้ว หรืออย่างน้อยยามที่เขาพูด นางก็ทำเป็นไม่ได้ยินได้ แต่กลายเป็นตอนนี้เขาพยายามจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับอาหารการกินของนาง และนางเองก็ยังคงไม่ลืมพฤติการณ์ที่เลวร้ายของเขาเมื่อคืนนี้
“ข้าไม่ทานแล้ว ข้าอิ่มแล้ว”
ที่จริงเฮ่อฉางตี้ไม่ได้พยายามจะห้ามไม่ให้นางกินเหลือ แต่การทิ้งอาหารแสนอร่อยไว้โดยไม่ทานนั้นกลับไม่ต่างจากการก่ออาชญากรรมในสายตาของเขา ดังนั้นจึงไม่อาจยอมรับได้หากต้องนั่งมองฉู่เหลียนกระทำ ‘ความผิดบาป’ เช่นนี้
“ทานให้หมด ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่เคยแม้แต่จะมีโอกาสได้ทานอาหารดี ๆ”
ฉู่เหลียนขมวดคิ้ว ชักเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว ก็แค่แป้งทอดใส่หอมชิ้นนิดเดียว จะมีปัญหาอะไรกันหากนางทานไม่หมด? นางต้องฝืนตัวเองให้ทานเกินลิมิตแล้วมาป่วยทีหลังน่ะเรอะ?
“ข้าบอกว่าไม่ทานแล้ว! หากท่านอยากให้หมด ก็ทานเองเสียสิ!”
ยามนี้บรรดาสาวใช้ต่างทำสีหน้าแปลกประหลาดต่อคู่หนุ่มสาวในเบื้องหน้า ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด
เฮ่อซานหลางมิได้บังคับฉู่เหลียนให้ทานแป้งทอดที่เหลือต่อแล้ว และเอื้อมมือไปหยิบเอาจานกระเบื้องเคลือบของฉู่เหลียนมา คีบแป้งทอดที่เหลือด้วยตะเกียบหยก และส่งมันเข้าปากของตัวเองในทันใด
แป้งทอดชิ้นนั้นเริ่มเย็นและไม่อร่อยเหมือนชิ้นอื่น ๆ ที่ทานก่อนหน้านี้แล้ว ทว่ารสชาติของน้ำจิ้มและหัวไชเท้าหั่นฝอยบนแป้งกลับยิ่งเข้มข้นขึ้น
เฮ่อฉางตี้ทานแป้งทอดที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของฉู่เหลียนจนหมดภายในไม่กี่คำ…
การกระทำอย่างกะทันหันนี้ทำให้ฉู่เหลียนและคนอื่น ๆ ในห้องจ้องมองเขาเป็นตาเดียว
ฉู่เหลียนมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาดใจ มิใช่ชายผู้นี้ที่รังเกียจนางหรอกหรือ? เหตุใดจึงทานอาหารเหลือของนางได้โดยไม่สนใจอะไรเลยเล่า? นี่นางต้องเห็นผีเข้าแล้วเป็นแน่!
กระทั่งเมื่อกลืนแป้งทอดคำสุดท้ายลงท้องไปแล้ว เฮ่อซานหลางจึงตระหนักได้ว่าตนกระทำสิ่งใดลงไป สีหน้าเย็นชานั้นแข็งค้าง เหลือบตามองฉู่เหลียนที่ยังเบิกตากว้าง และลุกขึ้นอย่างเร่งร้อน “ข้าจะไปเรือนนอก” เขาก้าวขายาว ๆ ออกจากห้องไป
ฉู่เหลียนหันมองตามจนเขาหายลับไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังวิ่งหนีอย่างไรอย่างนั้น
เฮ่อซานหลางรีบเดินออกจากเรือนของตน ก่อนจะผ่อนฝีเท้าลงเมื่อมาถึงห้องหนังสือที่เรือนนอก เขาค่อย ๆ ลูบที่หน้าท้องของตน
เฮ่อซานหลางตัวแข็งทื่อ
เขาเพิ่งรู้ตัวยามนี้เอง ว่าตนได้สูญเสียการควบคุมต่อความอยากอาหาร และทานมากจนเกินไปเสียแล้ว…
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816