ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 3 ผ้าพรหมจรรย์
จิ่งเยี่ยนก้าวเข้าไปในห้องด้วยใจที่แทบวางลงไม่ได้ ก่อนจะออกมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นางพยักหน้าทักทายหมัวมัวทั้งสอง และเอ่ยด้วยความเคารพ “เหลียวหมัวมัว โจวหมัวมัว คุณชายสามและนายหญิงสามเพิ่งตื่น เกรงว่าท่านทั้งสองคงต้องรออีกสักครู่”
เหลียวหมัวมัวเป็นหนึ่งในข้ารับใช้เก่าแก่ของฮูหยินในจวนจิ่งอัน เมื่อได้ยินดังนั้นก็โบกไม้โบกมืออย่างเร่งร้อนและกล่าว “เป็นบ่าวชราผู้นี้มาเร็วเกินไป รบกวนการพักผ่อนของคุณชายและนายหญิงแล้ว”
กุ้ยหมัวมัวมิกล้าปล่อยให้ผู้เยี่ยมเยือนทั้งสองยืนคอยอยู่ด้านนอก จึงสั่งการบ่าวรับใช้ให้นำของว่างออกมาต้อนรับ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อจากซีเหลียงที่นางนำมาจากจวนอิ้งกั๋วกง
ขณะเดียวกัน ในห้องหอนั้น ฉู่เหลียนที่ตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก นางยิ้มและยกสีหน้าตกตะลึงขึ้น มองเฮ่อฉางตี้ที่ตื่นแล้วเช่นกันและนอนอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียง
“สามี ท่านกลับมาที่ห้องตั้งแต่เมื่อใด ข้ามิทันได้สังเกต”
เฮ่อฉางตี้ที่ไม่ได้ใส่ใจมองนาง เขาเลือกที่จะมองผ้าคลุมเตียงแทน ราวกับว่าฉู่เหลียนนั้นด้อยค่าเสียยิ่งกว่าเสาเตียงที่ไร้ซึ่งชีวิตเสียอีก “หากยังมีแก่ใจมาคิดสงสัยว่าข้ากลับมาเมื่อใด เหตุใดมิสู้คิดหาทางสารภาพแก่บ่าวรับใช้ด้านนอกนั่นแทนเสียเล่า!”
เขากล่าวพลางเอนกายพิงหัวเตียงราวกับมาตรงนี้เพียงเพื่อชมการแสดงและสำรวจสถานการณ์เท่านั้น
ตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณหลังคืนแต่งงาน หากเจ้าสาวไม่สามารถแสดงผ้าเช็ดหน้าขาวนั้นได้ก็มีเหตุเพียงสองประการเท่านั้น อย่างแรกคือเจ้าสาวมิใช่สาวพรหมจรรย์ หรืออีกประการหนึ่ง คู่แต่งงานนั้นมิได้ร่วมหอกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผลลัพธ์ที่ฉู่เหลียนต้องพบก็ไม่ดีด้วยกันทั้งสิ้น
นางเพิ่งแต่งเข้าสู่จวนจิ่งอัน หากนางไม่สามารถยืนหยัดในจวนนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ช้าคงจำเป็นต้องหย่าร้างเนื่องด้วยความไม่พอใจในชีวิตคู่เป็นแน่
“ขอบคุณสามีที่เตือน” ฉู่เหลียนยิ้ม ก่อนจะเรียกให้ฉีเยี่ยนเข้ามาปรนนิบัตินาง
รอยยิ้มของนางที่งดงามราวกับดอกไม้ผลิบาน ทว่าเฮ่อฉางตี้กลับรู้สึกเพียงความขยะแขยงจากความจอมปลอมนั้น เขาหันหน้าไปอีกทาง เพราะไม่ต้องการจะเห็นหน้านางแม้เพียงชั่วขณะเดียว
ฉีเยี่ยนปรนนิบัติฉู่เหลียนตามปกติ ช่วยนางเปลี่ยนอาภรณ์ที่สวยงามเหมาะสมสำหรับเจ้าสาวแต่งใหม่ ก่อนจะพามานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อบรรจงแต่งแต้มประทินโฉม ทว่าฉู่เหลียนกลับเบือนหน้ามองไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งพบว่าเฮ่อฉางตี้เตรียมตัวใกล้เสร็จแล้ว ดังนั้นนางจึงทำเพียงเขียนคิ้วอย่างรวดเร็ว และแต้มชาดลงบนใบหน้า เป็นอันว่าแต่งหน้าเรียบร้อย
ดวงหน้าของนางกระจ่างใสงดงามเป็นทุนเดิม การแต่งหน้าเพียงบางเบาจึงเหมาะสมกว่าการโบกแป้งหนาปกปิดผิวสวยใส นางดูสวยสดราวกับดอกไม้ตูมที่กำลังจะผลิบาน
เมื่อบ่าวรับใช้ส่งผ้าเช็ดหน้าให้เฮ่อฉางตี้เช็ดหน้าเสร็จสิ้น ฉู่เหลียนจึงเอ่ยปากสั่งฉีเยี่ยน “ไปเชิญหมัวมัวทั้งสองท่านมาเถอะ”
บ่าวรับใช้ทั้งสองสังเกตเห็นว่าทั้งคุณชายสามและนายหญิงสามยังคงไม่พูดจากันตลอดเช้าก็กระจ่างแจ้งแก่ใจในทันทีว่าทั้งคู่ยังโกรธเคืองกันอยู่ อีกทั้งฉีเยี่ยนได้ยินจากจิ่งเยี่ยนที่เฝ้ากะกลางคืนว่าคุณชายสามเพิ่งจะกลับมาตอนยามหวี่นี้เอง ดังนั้น ฉีเยี่ยนจึงกังวลเสียจนไม่อาจปิดบังได้อีก
“คุณหนูหก… นายหญิงสามเจ้าคะ” นางอกสั่นขวัญแขวนเสียจนเรียกนายของตนไม่ถูก
ฉู่เหลียนปลอบใจบ่าวด้วยสายตา ก่อนย้ำให้นางไปเชิญหมัวมัวทั้งสองมาอีกครั้ง
เมื่อบ่าวรับใช้ทั้งหมดถอยออกไป เฮ่อซานหลางก็นั่งลงบนเตียงราวกับกำลังรอชมละครอย่างไรอย่างนั้น
ฉู่เหลียนนิ่วหน้ามองเขาด้วยหางตา นางไม่รู้ว่าสามีของตนกำลังคิดอะไร เขาทำตัวแปลกไปอีกแล้ว
แต่นางก็คร้านจะสนใจเขา ด้วยยังจำได้ดีว่าเมื่อวานเขาพยายามจะสังหารนางอย่างไร เขาไม่เคารพนางในฐานะคู่ชีวิตแม้แต่น้อย หากโดนกระทำเช่นนั้น คงไม่มีใครอารมณ์ดีได้หรอก!
โชคดีเหลือเกินที่หญิงรับใช้สองนางเข้ามาในห้องหออย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ทำลายความกระอักกระอ่วนระหว่างคนทั้งคู่ลง
“บ่าวขอแสดงความยินดีกับคุณชายสามและนายหญิงสามด้วยเจ้าค่ะ ขอให้ท่านทั้งสองมีบุตรด้วยกันในเร็ววัน”
ฉู่เหลียนมองไปยังกุ้ยหมัวมัว ก่อนจะส่งตลับสีแดงให้คนทั้งคู่อย่างเร่งร้อน พร้อมกล่าวขอบคุณสำหรับคำอวยพร
เฮ่อฉางตี้มองหญิงสาวที่กำลังยิ้มแย้มทักทายหมัวมัวทั้งสองอย่างสะอิดสะเอียนต่อการเสแสร้งของนางอยู่ในใจ มุมปากของเขายกขึ้นอย่างผยอง แม้นางจะสร้างความประทับใจแก่บ่าวเก่าแก่ทั้งสองได้ ทว่านางก็ยังไม่สามารถผ่านขั้นต่อไปได้ หากไม่มีผ้าเช็ดหน้าขาวนั้น แม้นางจะให้รางวัลบ่าวทั้งคู่ถึงพันตำลึงทอง ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ทั้งนั้น
“นายหญิงสาม ยามนี้ไม่เช้าแล้ว บ่าวยังคงต้องกลับไปรายงาน ท่านจะช่วย…” เหลียวหมัวมัวเขินอายเล็กน้อยเมื่อต้องร้องขอผ้าเช็ดหน้าขาวจากหญิงสาว ทว่าคุณชายสามยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเย็นชาจนหวาดหวั่นที่จะเข้าใกล้ ในขณะที่นายหญิงน้อยที่อยู่ตรงนี้กลับมีใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูเป็นมิตรและสุภาพ น่าเข้าหากว่านัก
หลังจากเหลียวหมัวมัวเอ่ยค้างไว้เช่นนั้น ฉู่เหลียนก็หน้าแดงในทันที นางก้มหน้าแสดงท่าทางเขินอายและกระแอมเบาๆ สองที ก่อนหันมองเฮ่อฉางตี้อย่างเอียงอาย เป็นภาพของหญิงสาวที่เพิ่งผ่านพิธีวิวาห์มาโดยแท้
กระทั่งเฮ่อฉางตี้เองก็แทบจะหลงกลไปกับอุบายของนาง หากเขามิได้มั่นใจยิ่งว่าตนกลับเข้ามาในห้องหอยามใกล้รุ่ง และได้หลับไปเพียงชั่วครู่ใต้ผ้าห่มเย็นเฉียบ เขาคงคาดว่าตนคงกระทำบางสิ่งอย่างบ้าคลั่งต่อนางเมื่อคืนนี้เป็นแน่
เฮ่อฉางตี้ขบฟัน ใบหน้าหล่อเหลานั้นแลดูถมึงทึงเสียยิ่งกว่าเดิม
ฉู่เหลียนก้มหน้าและสั่งให้กุ้ยหมัวมัวนำกล่องไม้ออกจากลิ้นชัก ก่อนส่งต่อให้เหลียวหมัวมัวและโจวหมัวมัว
บ่าวทั้งสองเปิดกล่องไม้และตรวจสอบสิ่งที่บรรจุอยู่ภายใน พวกนางต่างมองหน้ากันพลางยิ้มอย่างดีอกดีใจ
เมื่อทั้งสองกำลังจะจากไป เฮ่อฉางตี้ก็พลันเรียกทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวก่อน!”
พวกนางหันกลับมาอย่างสงสัย และก้มศีรษะทำความเคารพเฮ่อฉางตี้ “คุณชายสาม มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ?”
เพียงสองก้าว เฮ่อฉางตี้ก็เคลื่อนมาอยู่เบื้องหน้าและคว้ากล่องไม้ในมือพวกนางไป จากนั้นก็เปิดกล่องต่อหน้าทุกคน เมื่อเห็นจุดสีแดงบนผ้าเช็ดหน้าขาวด้านใน เฮ่อฉางตี้ก็มองฉู่เหลียนด้วยสายตาเย็นเยียบ
หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงด้วยโทสะ แทบไม่อยากเชื่อว่านางตระเตรียมการแม้กระทั่งสิ่งนี้เอาไว้ นางเตรียมปกปิดหลักฐานทุกอย่าง! นางทำได้ทุกอย่างเพื่อบุรุษผู้นั้น!
เมื่อได้กล่องไม้กลับคืนจากคุณชายสาม เหลียวหมัวมัวก็มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า และนึกฉงนกับการกระทำของเฮ่อฉางตี้เป็นอย่างยิ่ง นางไม่เข้าใจว่าวันนี้คุณชายสามเป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้นางได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าคุณชายสามไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นความจริงเสียแล้ว ทว่าเมื่อทั้งคู่ได้ร่วมหอกันอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ทั้งคู่ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นอกจากนี้นายหญิงสามยังเป็นบุตรีสายตรงของจวนอิ้งกั๋วกง สิ่งที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลมากทีเดียว อีกทั้งนายหญิงสามยังเป็นคนอ่อนโยนและเป็นกุลสตรียิ่งเมื่อคุณชายสามทำให้นายหญิงสามอับอายต่อหน้าบ่าวรับใช้เช่นนี้ นางจึงจำเป็นต้องรายงานให้ฮูหยินทราบ เพื่อที่ฮูหยินจะได้ว่ากล่าวตักเตือนคุณชายสามเสียบ้าง
เฮ่อฉางตี้ไม่รู้เลยว่าการกระทำที่ไร้การยั้งคิดในครั้งนี้จะทำให้เหลียวหมัวมัวคิดรายงานต่อมารดาของตนเอง
“หากคุณชายสามไม่มีอะไรแล้ว บ่าวขอตัวลาเจ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนสั่งกุ้ยหมัวมัวให้ส่งหมัวมัวทั้งสองกลับออกไป จากนั้นให้จิ่งเยี่ยนตระเตรียมของขวัญที่จะมอบแก่เหล่าผู้ใหญ่ในครอบครัว ซึ่งนางได้ร่างรายการสิ่งของไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว จึงส่งให้จิ่งเยี่ยนนำไปจัดการตามคำสั่ง
หลังจากบ่าวรับใช้ออกไปดำเนินการตามคำสั่ง ภายในห้องหอนี้จึงเหลือเพียงคู่บ่าวสาวอีกครั้งหนึ่ง
เฮ่อฉางตี้ย่างเท้าเข้าหานางในทันใด ร่างสูงกดสายตามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจนัก “ท่าทางเจ้าตระเตรียมการไว้พร้อมยิ่ง ข้าคงดูถูกเจ้ามากไป เจ้ามันไร้ยางอาย! กล้าดีอย่างไรจึงกล้าปลอมแม้กระทั่งสิ่งนั้น!”
ฉู่เหลียนกำลังปักปิ่นหยกลายดอกกล้วยไม้ลงบนมวยผม เมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงหันไปตามต้นเสียงพร้อมยิ้มให้เขาอย่างสุภาพและงดงามราวดอกไม้ผลิบานเช่นเคย ซึ่งไม่ได้เป็นไปดังที่เฮ่อฉางตี้คาดคิด
“สามี… ท่านไม่ได้ตื่นขึ้นในห้องหอเมื่อเช้าหรอกหรือ ข้าจะปลอมสิ่งนั้นเช่นไรได้?”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?!” เฮ่อฉางตี้เกรี้ยวกราดจนแค่นหัวเราะพลางขมวดคิ้วมองฉู่เหลียน เขาแปลกใจเล็กน้อยที่นางยังสามารถโต้ตอบเขาได้อย่างสุภาพ
ทันในนั้นเขาก็กล่าว “ข้าอยากรู้นัก เซียวอู่จิ้งจะทำอย่างไรหากรู้ว่าเจ้ากระทำเช่นนี้!”
ฉู่เหลียนนิ่วหน้า พยายามค้นความทรงจำจากที่นางเคยอ่านนิยาย ซึ่งจำได้ว่าไม่เคยอ่านเจอเจ้าของนามเซียวอู่จิ้งนี้…อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในครึ่งเล่มแรกที่นางอ่านไป
“สามี ตอนนี้ก็สายแล้ว พวกเราต้องไปยกน้ำชาแล้ว” ฉู่เหลียนสวมใส่เครื่องประดับจนเสร็จสิ้นและหันไปมองเฮ่อฉางตี้พร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า นางก้มศีรษะลงคารวะอย่างสุภาพและสมบูรณ์แบบดังเช่นสุภาพสตรีชั้นสูงพึงกระทำ
เฮ่อฉางตี้ยังคงมองตามร่างบาง นัยน์ตาของนางไร้ซึ่งร่องรอยความหม่นหมองแม้แต่น้อย ทุกท่วงท่าของล้วนมั่นคง ไม่รีบร้อน นั่นทำให้คิ้วของเขาย่นเข้าหากันอีกครั้ง
เฮ่อฉางตี้หันกลับไป โยนความเป็นไปได้ที่ฉู่เหลียนก็กลับมาเกิดใหม่เช่นที่เขาเป็น
หากฉู่เหลียนกลับมาเกิดใหม่เช่นเดียวกัน นางต้องไม่มีทางลืมว่าใครคือเซียวอู่จิ้ง!
อันที่จริง เซียวอู่จิ้งก็ถูกพูดถึงในนิยายเช่นกัน ชื่อเก่าของเซียวอู่จิ้งคือเซียวป๋อเจี้ยน เขาเป็นพระเอกในนิยาย… ทว่าครึ่งเล่มแรกยังไม่มีการกล่าวถึงชื่ออื่นของเซียวป๋อเจี้ยน ด้วยเหตุนี้ฉู่เหลียนจึงไม่ทราบว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงนี้เป็นใคร
ภายในห้องหอ คู่แต่งงานใหม่คู่นี้ดูจะเข้ากันได้ดีในเบื้องหน้า แต่ในความเป็นจริงทั้งคู่ต่างคนก็ต่างใจ
เฮ่อฉางตี้ได้แต่มองฉู่เหลียนที่ยืนอยู่ข้างกาย แม้นางจะดูแตกต่างไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นคนเดิมดังที่เคยเป็น เต็มไปด้วยแผนการชั่วร้ายและกลโกง เพื่อประโยชน์ของตัวเองและเซียวอู่จิ้ง นางไม่แม้แต่จะใส่ใจชีวิตของผู้อื่น
กุ้ยหมัวมัวกังวลเล็กน้อยเมื่อต้องยืนรออยู่ภายนอก จึงรีบรุดเข้ามาและเตือนอย่างสุภาพ “คุณชายสาม นายหญิงสาม ตอนนี้สายแล้วเจ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนส่งเสียงเห็นด้วย ก่อนจะเหลือบมองเฮ่อซานหลางด้วยหางตา สีหน้าของเขาเย็นชายิ่ง พลางก้าวนำออกจากห้องหอไปก่อน
ฉีเยี่ยนที่ช่วยประคองฉู่เหลียนให้เดินตามหลังเฮ่อซานหลางอดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้วสงสัย ก่อนเหลียวมองใบหน้าอันงดงามของคุณหนูหกของนางอย่างกังวล
ฉีเยี่ยนนั้นประพฤติตัวดีกว่าสาวรับใช้คนอื่นมาก กระทั่งกุ้ยหมัวมัวเองก็ไว้ใจนางที่สุด นางอายุมากกว่าฉู่เหลียนเพียงปีเดียว เกิดในจวนอิ้งกั๋วกง ครอบครัวนางเป็นบ่าวรับใช้ ฉีเยี่ยนรับใช้ฉู่เหลียนมาตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นนางจึงดูแลคุณหนูหกตระกูลฉู่ราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ ของตนเอง
เมื่อครั้งที่มีการตกลงหมั้นหมายของคุณหนูหกเกิดขึ้น พวกนางยังได้ยินข่าวที่ลือกันรอบจวน กล่าวกันว่าการหมั้นครั้งนี้มีเบื้องหลังที่กล่าวมิได้ ทำให้เฮ่อเหล่าไท่จวินตัดสินใจให้เฮ่อซานหลางหมั้นหมายกับคุณหนูหกแห่งจวนอิ้งกั๋วกงเป็นการเฉพาะ
แม้สถานะของจวนอิ้งกั๋วกงจะตกต่ำลงในรอบหลายสิบปี แต่สายเลือดของขุนนางยังคงความเข้มข้น โดยในสองสามช่วงอายุคนมานี้ก็มีความพยายามที่จะแผ่ขยายกิ่งก้านครอบครัวออกไป ทว่าเมื่อมาถึงรุ่นของฉู่เหลียน ซึ่งบุตรีในจวนอิ้งกั๋วกงทั้งหมดก็มีมากถึงสิบเอ็ดนาง…
เป็นที่น่าเสียดายที่มีเพียงผู้เฒ่าแห่งจวนอิ้งกั๋วกงที่ยังคงดำรงตำแหน่งขุนนางอยู่ และไม่มีบุตรชายคนใดสักคนที่มีความโดดเด่น เมื่อสถานะทางสังคมของตระกูลตกต่ำลงถึงเพียงนี้ ก็เป็นการยากต่อเหล่าคุณหนูที่จะได้ตบแต่งกับเหล่าขุนนางชั้นสูงด้วยกัน แต่เมื่อไม่นานนี้ เหล่าคุณหนูในตระกูลต่างก็มีชื่อเสียงโด่งดังจากลักษณะอันพิเศษ
คุณหนูใหญ่จากรุ่นก่อนแห่งอิ้งกั๋วกงได้แต่งงานกับหลานชายฝูอันโหวให้กำเนิดบุตรชายที่อ้วนท้วนแข็งแรงถึงสองคนภายในระยะเวลาเพียงสามปี
คุณหนูสองแต่งงานกับบุตรชายคนที่สองของรองรัฐมนตรีกรมบุคลากร และให้กำเนิดลูกคนโตเป็นบุตรชาย
คุณหนูสามที่ถูกส่งไปแต่งงานถึงต่างเมืองกับผู้บัญชาการทหารแห่งกุ้ยโจวก็ให้กำเนิดบุตรชายถึงสองคนภายในระยะเวลาเพียงสองปีนับจากการแต่งงาน…
หลังจากนั้นเรื่องราวเหล่านี้ก็ร่ำลือไปทั่วเมืองเฉินหยางภายในช่วงสองปีที่ผ่านมาว่าบุตรคนโตที่ให้กำเนิดโดยเจ้าสาวจากจวนอิ้งกั๋วกงจะถือกำเนิดเป็นบุตรชายเสมอ
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816