ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 43 วางเดิมพัน
เมื่อได้ยินวาจาโอ้อวดของคุณหนูหกก็พาเอาร่างของหรงฮูหยินซวนเซไปเล็กน้อย โชคดีที่คุณหนูซูช่วยจับประคองไว้ได้ทัน
คุณหนูซูเองก็เคร่งเครียดนัก ยามอยู่จวนอิ้ง น้องหญิงหกมักพยายามแสดงทีท่าเข้มแข็งแม้นว่าจะไม่ได้รับความโปรดปราน ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้กลับเป็นการกระทำที่โง่เขลานัก นางควรก้มหัวต่ำอย่างคนว่าง่าย หาใช่โดดเด่นเช่นนี้
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” คุณหนูซูกระซิบถามอย่างกังวล
หรงฮูหยินยกมือวางบนศีรษะ ก่อนจะโบกมือเล็กน้อย “ข้าสบายดี”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คนอย่างคุณหนูหยวนตกใจกลัวเช่นกัน แม้ฉู่เหลียนจะทำตัวน่าขายหน้าเยี่ยงไรก็ใช่ว่าจะเดือดร้อน เนื่องจากนางแต่งออกจวนไปแล้ว จึงนับเป็นคนของจวนจิ่งอัน ย่อมเป็นความรับผิดชอบของเฮ่อเหล่าไท่จวิน ทว่าตอนนี้เรื่องราววุ่นวายไปหมด หวงฮูหยินโมโหจัดเสียจนมิอาจปิดบังซ่อนต่อไว้ได้ หากฉู่เหลียนยังก่อเรื่องกว่านี้ ทั้งจวนอิ้งและจวนจิ่งอันย่อมต้องตกต่ำด้วยกันทั้งคู่เป็นแน่
คุณหนูหยวนเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว จึงลอบดึงแขนเสื้อของหรงฮูหยิน ขอร้องเสียงเบา “พี่สะใภ้ใหญ่ เรากลับกันเถอะ”
หรงฮูหยินมองไปรอบกาย นางก็อยากกลับเช่นกัน ทว่าสัมผัสได้ถึงสายตานับร้อยคู่ที่หันมามองพวกนางเป็นระยะ ๆ ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนได้เลย
ร่างของนางแข็งทื่อ
สถานการณ์เช่นนี้นางจะกลับไปได้อย่างไร? แม้ไม่มีใครเอ่ยปากพูดสิ่งใด ทว่าสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองนาง!
หากหนีกลับตอนนี้ ข่าวย่อมแพร่ออกไปว่านางไม่ไยดีน้องสาวตนเอง
หรงฮูหยินรู้สึกย่ำแย่ขึ้นมาทันที ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษฉู่เหลียน!
“เชื่อว่านายหญิงสามแห่งจวนจิ่งอันมิได้ตั้งใจเป็นแน่ สำหรับเด็กสาวเช่นนี้ เงินพันตำลึงนับว่ามากมายนัก หากนายหญิงสามสามารถทำซิ่วท้อที่ดีกว่าของคุณชายหวางได้ เช่นนั้นข้าจะขอมอบกำไลปะการังนี้เพื่อปลอบใจนาง”
เมื่อหวงฮูหยินสั่งให้คนนำฉู่เหลียนไปยังห้องครัว เสียงของสตรีผู้หนึ่งก็เอ่ยขึ้น
ฝูงชนที่รายล้อมพร้อมใจกันแยกตัวออกอีกครั้ง เผยให้เห็นร่างสตรีวัยกลางคนในชุดกระโปรงสิบหกชั้นสีดอกไห่ถังก้าวออกมาด้านหน้า พร้อมด้วยกลุ่มผู้คนที่เดินตามหลัง
ทันใดนั้น เสียงกระซิบก็ดังไปทั่ว “หยางฮูหยินอยู่ที่นี่ด้วย! หวงฮูหยินคงไม่ได้ทำตามต้องการแล้วกระมัง!”
หยางฮูหยินหรือ? ฉู่เหลียนหันไปมองตามสายตาของกลุ่มคน
สตรีวัยกลางคนผู้นี้รูปร่างสูงและแต่งกายด้วยชุดหรูหรา แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเรียบง่าย ไม่โอ้อวด ความสง่างามนั้นแผ่ซ่านออกมา อีกทั้งหางตาของนางยังเฉียงขึ้นเล็กน้อยละม้ายคล้ายดวงตาของฉู่เหลียน
นางถอดกำไลข้อมือปะการังส่งให้สาวใช้ จากนั้นสาวใช้จึงขยับกายนำกำไลนั้นไปวางลงบนถาดเงินที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าระเบียง เมื่อวางกำไลลงไป ก็เกิดเสียงกระทบใสก้องกังวานไปทั่ว
ปะการังแต่ละเม็ดล้วนถูกแกะสลักอย่างละเอียดลออด้วยลวดลายงดงามดูสูงค่า สีของแต่ละชิ้นที่นำมาประกอบแทบจะเหมือนกัน ทั้งยังมีอำพันแทรกกลางระหว่างปะการังแต่ละชิ้นแสดงให้เห็นถึงความงามจากสีแดงและเหลืองที่ตัดกัน เพียงมองครั้งเดียวก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ย่อมมิใช่กำไลธรรมดาทั่วไป
ฉู่เหลียนตกตะลึง นางพยายามนึกถึงตัวละครที่ปรากฏขึ้นในนิยายที่อ่าน
หยางฮูหยินหรือ? ในนิยายก็มีตัวละครหนึ่งที่ตรงกับคนผู้นี้ ทั้งบุคลิก อายุ และลักษณะภายนอก ภรรยาของหยางเกอ! นางเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนาง กระทั่งเฮ่อเหล่าไท่จวินยังต้องไว้หน้า หากพบเจอกัน
ฮูหยินผู้นี้ยังเป็นหนึ่งในศัตรูสำคัญของ ‘ฉู่เหลียน’ อีกด้วย…
ท้ายที่สุด ‘ฉู่เหลียน’ ก็ทรมานนางจนตายด้วยวิธีการอันโหดร้ายทารุณ…
ฉู่เหลียนมองหยางฮูหยินด้วยสายตาสงสัย
นางไม่คาดว่าหยางฮูหยิน ผู้ที่มักจะต่อต้านนางตามต้นฉบับในนิยายนั้น กลับเลือกมายืนฝ่ายเดียวกับตน
เอาอีกที สิ่งนี้เรียกว่าอะไรนะ? เหตุการณ์พลิกผันแล้ว ใช่หรือไม่?
แม้ฉู่เหลียนจะไม่อยากคิดอะไรให้ชีวิตยุ่งยากนัก แต่นางก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่คิดว่าหยางฮูหยินผู้นี้จะออกมาช่วยนางเฉย ๆ
ดังคาด นางยังได้ยินเสียงผู้คนคุยกัน
“หยางฮูหยินและหวงฮูหยินต่างแข่งขันกันมาตั้งแต่ยังมิได้ออกเรือน วันนี้คงเลี่ยงการปะทะได้ยากแล้ว นายหญิงสามผู้นั้นช่างโชคร้ายนักที่ตกเป็นเป้าเช่นนี้”
ฉู่เหลียนลอบหัวเราะในใจ นางไม่สนใจว่าจะกลายเป็นเป้าหรอก ไม่ว่าหยางฮูหยินต้องการอะไร แต่กำไลปะการังนั่นก็มีค่าสูงส่งยิ่ง แล้วตอนนี้สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดคืออะไรน่ะหรือ? เงินไงเล่า! กำไลนั่นต้องเป็นของนาง!
“ในเมื่อพี่หญิงหยางวางของเดิมพันแล้ว ข้าก็จะเพิ่มในส่วนของข้าเช่นกัน” นายหญิงแก้มแดงที่ยืนอยู่เบื้องหลังหยางฮูหยินผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น นางดูคล้ายเพิ่งจะอายุยี่สิบ แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีเขียว จากที่ได้ยินเสียงผู้คนกระซิบคุยกัน จึงทราบว่านั่นคือภริยาของท่านรองเสนาบดีกรมขุนนาง
ภริยาท่านรองเสนาบดีถอดปิ่นทองทรงผีเสื้อประดับหยกออกจากศีรษะ และวางลงในถาดเงิน
จากนั้นเหล่าฮูหยินที่เบื้องหลังหยางฮูหยินล้วนกระทำเช่นเดียวกัน พวกนางถอดเครื่องประดับชิ้นหนึ่งออกจากร่างกายและวางลงในถาดเงิน ยามนี้มีทั้งกำไลทองเลี่ยมหยก หยกเครื่องรางสีเหลือง เครื่องประดับศีรษะประดับหิน…เครื่องประดับเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของที่จัดได้ว่าเป็นของชั้นดีทั้งสิ้น และกำลังเปล่งประกายเล่นแสงแวววาวอยู่ในถาดเงินนั้น
เหล่านายหญิงที่อ่อนวัยกว่าในฝูงชนต่างเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเหล่าฮูหยินอาวุโสที่ทรงอิทธิพลจึงได้เริ่มสู้กันเองเสียได้?
ทันทีที่หวงฮูหยินสัมผัสได้ถึงสายตาของหยางฮูหยิน นางก็ขบฟัน แม้จะเกลียดหยางฮูหยินเพียงใดก็ทำได้เพียงยกรอยยิ้มเสแสร้งขึ้นแล้วกล่าว “หยางฮูหยินใจกว้างนัก ในเมื่อท่านเดิมพันว่านายหญิงสามสามารถทำซิ่วท้อที่ดีกว่าได้ แล้วหากนางพลาดเล่า? เพียงแค่หยิบเดิมพันกลับไปก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลกระมัง ถูกต้องหรือไม่?”
หยางฮูหยินฮึมเสียงต่ำ “โอ เช่นนั้นหากนางพลาด ท่านคิดว่าเราควรทำอย่างไรเล่า หวงฮูหยิน?”
หวงฮูหยินตวัดสายตามองบุตรีของตน โจวหยวนฉิน ก่อนจะถอดกำไลทองฝังไข่มุกสีชมพูจากแขน รูปร่างของมันแตกต่างจากไข่มุกทั่วไป แทนที่จะเป็นทรงกลม สิ่งนี้กลับดูคล้ายหยดน้ำที่ส่องแสงเปล่งประกาย ยิ่งดูยิ่งหายากนัก
เหล่าผู้คนที่พอจะใกล้ชิดกับหวงฮูหยินอยู่บ้างต่างพากันสูดหายใจเข้า นั่นเป็นกำไลโปรดของหวงฮูหยิน และเป็นสิ่งที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยยายทวดของนาง
เมื่อวางกำไลไข่มุกลงบนถาดแล้ว หวงฮูหยินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าหนักแน่น “ในเมื่อหยางฮูหยินต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เหตุใดไม่ทำเช่นนี้เล่า? เครื่องประดับในถาดทั้งหมดนี้ถือเป็นของเดิมพัน หากนายหญิงสามจวนจิ่งอันมีความสามารถจริง ทุกสิ่งในถาดนี้ย่อมตกเป็นของนางเพื่อเป็นการปลอบขวัญ ทว่าหากนางทำไม่ได้ เช่นนั้นนางต้องได้รับการลงโทษดังที่ข้าได้กล่าวไว้ในคราแรก นั่นคือไปขออภัยบิดาข้าต่อหน้าทุกคนที่โถงจัดงานเลี้ยง นอกจากนั้น เครื่องประดับทุกชิ้นที่ท่านเดิมพันจะต้องตกเป็นของข้า”
หยางฮูหยินเหยียดยิ้ม นางตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “ฮึ! ไม่ทราบมาก่อนว่าหวงฮูหยินก็ชมชอบการละเล่นเช่นนี้ เหตุใดจะไม่ตกลงเล่า?”
ทันทีที่นางตอบตกลง ฮูหยินบางท่านเบื้องหลังหวงฮูหยินก็เดินมาวางเดิมพันด้วยเครื่องประดับของตนลงไปเพิ่ม
ขณะที่ฮูหยินผู้หนึ่งกำลังจะวางปิ่นทองปักผมลงในถาด องค์หญิงเล่อเหยาก็เดินออกมาหยุดนางเสียก่อน
องค์หญิงเล่อเหยาเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิ นางลอบมองฉู่เหลียนครั้งหนึ่งก่อนจะประกาศอย่างจองหอง “ข้าจะพลาดเรื่องสนุกเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?”
เมื่อกล่าวดังนั้น นางก็นำรูปปั้นกิเลนทองคำขนาดเล็กที่ห้อยอยู่ข้างเอวออกมาวางบนถาด “นี่คือรูปปั้นที่หมู่โฮ่วมอบให้แก่ข้า สิ่งนี้เพียงพอให้เดิมพันหรือไม่?”
ฮองเฮามอบรูปปั้นทองนี้ให้นางยามพระชนมายุแปดชันษา องค์หญิงเล่อเหยาทรงโปรดปรานเป็นอย่างมากถึงกับสวมใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลา นอกจากนั้นกิเลนทองคำนี้ยังมีดวงตาที่ทำจากพลอยทับทิมขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ดูแล้วช่างสมจริงนัก
หวงฮูหยินนึกอยากห้ามองค์หญิงเล่อเหยา ทว่าองค์หญิงผู้นี้อยู่ในวังถูกตามใจเสียจนเคยตัว และยังเป็นธิดาพระองค์โปรดของฮ่องเต้ ในยามนี้เป็นเหล่าฮูหยินที่แข่งขันเดิมพันกัน แต่กลับมีองค์หญิงน้อยวัยสิบเอ็ดชันษามาร่วมด้วย ทำให้ดูแปลกยิ่ง
หยางฮูหยินจ้ององค์หญิงเล่อเหยา แม้นางจะเป็นภรรยาขุนนางระดับสูงหรือที่เรียกว่าฮูหยินตราตั้งลำดับหนึ่ง ทว่าการขัดขวางการกระทำขององค์หญิงนั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับตนและตระกูล
ไม่ว่าอย่างไร องค์หญิงก็นับเป็นคนในราชวงศ์
การเข้าไปวุ่นวายกับสายเลือดราชวงศ์ไม่เคยเป็นเรื่องดี
เมื่อทุกคนวางเดิมพันแล้ว องค์หญิงต้วนเจี่ยก็ก้าวออกมาจากฝูงชน
องค์หญิงต้วนเจี่ยมีชันษาใกล้เคียงกับฉู่เหลียน ทั้งยังเป็นธิดาที่ถูกต้องของเว่ยอ๋อง พระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางได้รับความรักความเอ็นดูอย่างยิ่งจากทั้งฮ่องเต้และไทเฮา จึงได้รับตำแหน่งจวิ้นจู่นับแต่แรกเกิด
อิทธิพลของนางย่อมไม่น้อยไปกว่าองค์หญิงเล่อเหยา
“ในเมื่อน้องเล่อเหยายังตัดใจวางเดิมพันด้วยของรักได้ เหตุใดข้าจะทำบ้างมิได้เล่า?”
องค์หญิงต้วนเจี่ยนำสิ่งของออกมาจากถุงที่ห้อยอยู่ข้างเอวโดยไม่ใส่ใจสีหน้าขององค์หญิงเล่อเหยาแม้แต่น้อย สิ่งของที่นางหยิบออกมานั้นเป็นแหวนหยกสลักถ้อยคำไว้ด้านใน เพียงมองปราดเดียวก็เห็นได้ว่าเป็นหยกขาวชั้นเลิศ ซึ่งมีคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารูปปั้นกิเลนทองคำขององค์หญิงเล่อเหยา
ในคราแรกนั้นองค์หญิงเล่อเหยามีสีหน้าสบายใจยิ่งนัก พลางหันมองฉู่เหลียนทำทีคล้ายโอ้อวด เหยียดหยาม ทว่าเมื่อเห็นองค์หญิงต้วนเจี่ยวางแหวนหยกลงบนถาดตรงข้ามกับรูปปั้นกิเลนทองคำของนาง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป
“ต้วนเจี่ย! เจ้า!”
องค์หญิงต้วนเจี่ยโคลงหัว และไม่ใส่ใจในสีหน้าเกรี้ยวกราดขององค์หญิงเล่อเหยา ก่อนจะกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ข้าเดิมพันว่านายหญิงสามจวนจิ่งอันจะชนะ”
การกระทำขององค์หญิงต้วนเจี่ยทำให้ผู้คนครึ่งหนึ่งตกตะลึงไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดองค์หญิงต้วนเจี่ยไม่เดิมพันข้างเดียวกับองค์หญิงเล่อเหยาเล่า? เหตุใดนางจึงช่วยเหลือนายหญิงสามจวนจิ่งอันกัน?
ฉู่เหลียนก็เห็นว่าแปลกเช่นกัน นางไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใดกับองค์หญิงต้วนเจี่ย ไม่ว่าจะในนิยายหรือตัวนางเอง เหตุใดผู้อื่นจึงเลือกเข้าข้างนางได้?
ฉู่เหลียนอดมององค์หญิงต้วนเจี่ยอีกครั้งด้วยความสงสัยไม่ได้ เมื่อสายตาทั้งคู่สบประสาน องค์หญิงต้วนเจี่ยยังเลิกคิ้วข้างหนึ่งและยิ้มให้ฉู่เหลียนอีกด้วย
ฉู่เหลียนรีบหลบตา อดกลั้นไม่เกาหัวอย่างสับสน
เมื่อเห็นศึกสายเลือดราชวงศ์สองพระองค์ร่วมลงเดิมพัน ความตื่นเต้นของผู้คนก็พุ่งจนถึงขีดสุด
ตามปกติแล้ว เหล่าฮูหยินขุนนางและคุณหนูทั้งหลายล้วนใช้ชีวิตแต่ละวันด้วยความเบื่อหน่าย จนกระทั่งวันนี้เพียงแค่มาร่วมงานอายุยืนของติ้งหยวนโหวกลับได้เจอเรื่องน่าสนุกนัก ทุกคนล้วนแต่ตะโกนก้องในใจด้วยความตื่นเต้น ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เรื่องนี้ย่อมตกเป็นประเด็นให้พูดคุยในวงสังคมชั้นสูงไปอีกนานเป็นแน่!
ท่านหญิงอานหมิ่นนึกอยากเดิมพันเช่นกัน ทว่ากลับถูกโจวหยวนฉินรั้งไว้เสียก่อน
โจวหยวนฉินเห็นมารดาส่งสัญญาณมา นางจึงได้ส่ายหน้าให้กับท่านหญิงอานหมิ่น ดังนั้นท่านหญิงอานหมิ่นจึงทำได้เพียงล้มเลิกความตั้งใจ อย่างไรก็ดีนางเป็นเพียงเสี้ยนจู่ ซึ่งเป็นลำดับศักดิ์ต่ำต้อยกว่าองค์หญิงทั้งสอง เมื่อธิดาสายเลือดราชวงศ์เหล่านี้ลงเดิมพันเลือกข้างกันแล้ว หากนางเข้าไปร่วมด้วยย่อมไม่เหมาะสม
หรงฮูหยินกำเครื่องรางหยกในมือแน่น ครุ่นคิดตัดสินใจอย่างหนัก ท้ายที่สุดนางก็เห็นองค์หญิงเล่อเหยาและองค์หญิงต้วนเจี่ยวางเดิมพัน ความกล้าของนางยิ่งสั่นสะเทือนกว่าเดิม
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากนางวางเดิมพัน ย่อมเป็นการต่อต้านองค์หญิงเล่อเหยาโดยแท้
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816