ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 44 ผลท้อสดใหม่
ท้ายที่สุด หรงฮูหยินก็ไม่อาจรวบรวมความกล้าให้ก้าวออกไป และทำได้เพียงค่อย ๆ ยัดเครื่องรางหยกนั้นกลับเข้าไปในแขนเสื้อของตน
ผู้คนรอบกายสัมผัสได้ว่านางยังคงลังเลใจและไม่อาจร่วมเดิมพันได้ ทำให้ฮูหยินบางคนที่อยู่ใกล้ถึงกับกลอกตา กระนั้นหรงฮูหยินผู้ไร้ทางเลือกจึงได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเหล่านั้นไว้เพียงในใจ
ทางด้านคุณหนูซูที่ฉลาดกว่าเข้าใจได้ว่าเรื่องนี้คุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนเช่นนางไม่ควรเข้าร่วมด้วยเป็นอันขาด จึงทำได้เพียงมองดูอยู่ห่าง ๆ
อีกทางหนึ่ง คุณหนูหยวนกลับเอาแต่จับจ้องเครื่องประดับแวววาวบนถาดเงินไม่ว่างเว้น ความละโมบทอประกายในดวงตา เครื่องประดับยี่สิบกว่าชิ้นในนั้นล้วนล้ำค่า หากทั้งหมดนั่นตกเป็นของนาง นางคงมีความสุขล้นเสียจนแทบบ้าเป็นแน่ จึงอดมิได้ให้จ้องมองฉู่เหลียนด้วยความอิจฉาริษยา ทั้งยังภาวนาให้พ่ายแพ้เสีย
เมื่อฉู่เหลียนหันมายังหรงฮูหยิน ก็เห็นว่าผู้อื่นละแวกนั้นพากันก้มหน้าไม่กล้าสบตา นางแอบลอบยิ้มอยู่ลึก ๆ ไม่ได้เก็บเอาการกระทำของอีกฝ่ายมาใส่ใจ
“นายหญิงสามแห่งจวนจิ่งอัน ได้โปรดมาทางนี้ด้วย” หวงฮูหยินพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย มุมปากของนางโค้งขึ้น แม้น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ทว่าดวงตาที่แสดงออกอย่างชัดแจ้งนั้นกลับฉายแววดูถูกเหยียดหยามให้แก่ฉู่เหลียน
ฉู่เหลียนยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่งกายด้วยชุดเรียบง่ายหากเปรียบเทียบกับผู้อื่น สีหน้านางที่ไร้หวั่นเกรง ทำให้ได้รับการยอมรับจากฝูงชนที่รายล้อม นางก้มศีรษะคารวะแก่เหล่าสตรีเบื้องหน้า “เรียนฮูหยินทั้งหลาย หวังว่าท่านจะใจดีส่งคนตามข้าไปยังครัวเพื่อเป็นพยานด้วย”
หวงฮูหยินไม่คาดว่าฉู่เหลียนจะร้องขอเช่นนี้ นางจึงโบกมือส่งสาวใช้รุ่นใหญ่สองคนตามฉู่เหลียนไป เช่นเดียวกับหยางฮูหยิน
บรรดาสตรีตรงนั้นมองฉู่เหลียนที่เดินนำหน้าสาวใช้ส่วนตัวของตน พร้อมด้วยพยานสาวใช้อื่นอีกสี่นางมุ่งหน้าตรงไปยังห้องครัวเรือนเม่ย หลังจากนั้นเสียงกระซิบกระซาบก็ค่อย ๆ ดังขึ้น
หวงฮูหยินยังแค่นเสียงในใจขณะสาวใช้ส่วนตัวประคองให้นั่งลง นางไม่เชื่อว่าบุตรีที่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากจวนอิ้งผู้นั้นจะเอาตัวรอดไปได้
อย่าได้คิดว่าเจ้าจะมีฝีมือเหนือกว่าผู้อื่น เพียงเพราะท้องเจ้าติดครรภ์ได้ง่ายกว่าเท่านั้น!
หยางฮูหยินนั่งลงถัดจากหวงฮูหยิน สาวใช้ส่วนตัวของนางจึงส่งเซนฉะสดใหม่ให้จิบระหว่างรอ จากนั้นจึงยิ้มและกล่าวกับหวงฮูหยิน “เป็นอะไรไป? หรือเจ้ากลัวจะสูญเสียกำไลไข่มุกเส้นโปรดนั้นเสียแล้วเล่า หวงฮูหยิน?”
“หยางฮูหยิน ซิ่วท้อยังไม่ทันได้ออกจากครัว แน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะชนะ?”
สายตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความเชือดเฉือนดุจคมมีด เหล่าฮูหยินที่ยืนอยู่โดยรอบสั่นสะท้านเย็นเยือกถึงไขสันหลัง ภาพเหตุการณ์ในเบื้องหน้านี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปขัดการต่อสู้ระหว่างฮูหยินที่น่ากลัวทั้งสองได้ดังที่ฉู่เหลียนทำอีกแล้ว
…..
ที่เรือนฉินเฟิงตรงข้ามเรือนเม่ย ยังมีดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยร่องรอยขบขันกำลังจับจ้องเหตุการณ์การต่อสู้ของอิสตรีอยู่จากชั้นสามของเรือน ชายผู้นั้นพึมพำกับตัวเอง “เจ้าซานหลางนั่นได้ภรรยาที่น่าสนใจทีเดียว”
เขาโบกมือทีหนึ่ง เงาในห้องปรากฏขึ้นอีกครั้ง “บอกให้ทางนั้นถอนตัวได้ ข้าผู้เป็นอ๋องต้องการเห็นนักว่าคุณหนูหกฉู่เหลียนผู้นั้นจะทำเช่นไร”
“รับบัญชาท่านอ๋อง”
อาคารเดียวกัน ที่ระเบียงติดสระน้ำ บ่าวชายในชุดสีฟ้าผู้หนึ่งกระซิบข้างหูเจิ้งซื่อจื่อ ดวงตาของผู้รับสารพลันลุกโชน
“เช่นนั้นหรือ”
“เจิ้งซื่อจื่อ บ่าวมิกล้าปิดบัง”
“เช่นนั้นก็รีบเข้า! ได้ข่าวเป็นเช่นไรจงเร่งมาแจ้งข้า!” เจิ้งซื่อจื่อเตะก้นบ่าวอย่างใจร้อน บ่าวผู้นั้นหัวเราะแล้ววิ่งจากไป
เซียวป๋อเจี้ยนยังคงยืนที่เดิม เจิ้งซื่อจื่อก้าวมาหาเขาภายในสามก้าวและเริ่มกล่าว “พี่เซียว ทายสิว่าอีกฟากสระเกิดอะไรขึ้น? ฮ่าฮ่า ช่างคึกคักยิ่งนัก! ไม่คาดว่าจะมีเรื่องน่าสนใจเช่นนี้เกิดขึ้นที่จวนติ้งหยวนในงานอายุยืนเช่นนี้ ถือว่ามาที่นี่ไม่เสียเปล่าแล้ว”
หากมิใช่อีกฝั่งเต็มไปด้วยสตรีและเจิ้งซื่อจื่อที่ยังมิได้หมั้นหมาย เขาย่อมต้องเข้าไปดูเหตุการณ์นั้นด้วยตาตนเองแน่
เซียวป๋อเจี้ยนมองผู้อื่นอย่างใจเย็น เครื่องหน้านั้นดูงดงามเกินกว่าสตรีใด ยามนี้เขาเม้มปากเข้าหากัน ด้วยความงดงามและสีหน้าเช่นนี้ มองไปกลับยิ่งคล้ายสตรีงาม กระทั่งบุรุษเช่นเจิ้งซื่อจื่อยังต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
“เจิ้งซื่อจื่อพูดเข้าเรื่องเถอะ ข้าไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อม”
เจิ้งซื่อจื่อไม่ถือสาทีท่าเย็นชาของเซียวป๋อเจี้ยน ทั้งยังชินชาเสียแล้วกับความเยือกเย็นไม่ใส่ใจสิ่งใดของเขา จึงไม่คิดจะนอกเรื่องเพื่อยั่วยุให้อีกฝ่ายเกิดความสนใจ และเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เซียวป๋อเจี้ยนฟังทันที
ยิ่งพูดคล้ายยิ่งตื่นเต้น เจิ้งซื่อจื่อถึงกับจุ๊ปากอย่างชื่นชม
“จริงสิ กล่าวถึงนายหญิงสามจวนจิ่งอัน นางมิใช่ผู้ทำโมจิหยดน้ำที่ท่านย่านำมาฝากพวกเราเมื่อสองสามวันก่อนหรอกหรือ? หากนางทำของหวานเช่นนั้นได้ ซิ่วท้อย่อมเป็นเรื่องเล็กสำหรับนาง ฮ่า ๆ วันนี้หวงฮูหยินต้องพ่ายแพ้หมดท่าเป็นแน่ ข้าอดใจรอชมสีหน้าโมโหของนางแทบไม่ไหวแล้ว!”
คลื่นอารมณ์ถั่งโถมอยู่ในอกเซียวป๋อเจี้ยน แม้ภายนอกจะยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม
ริมฝีปากบางเม้มเข้าจนแทบจะเป็นเส้นตรง นิ้วเรียวที่จับระเบียงยิ่งกำแน่นขึ้น
ความคิดมากมายหมุนวนอยู่ในหัว
เหตุใดฉู่เหลียนจึงไปทำให้องค์หญิงเล่อเหยาไม่พอใจได้? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือกับดักแน่นอน โจวหยวนฉิน องค์หญิงเล่อเหยาและหวงฮูหยินล้วนอยู่ฝ่ายเดียวกัน
เหตุใดหยางฮูหยินจึงผลักฉู่เหลียนเข้าสู่สถานการณ์หนักหน่วงเช่นนั้น?
แล้วยังมีเฮ่อฉางตี้นั่น!
แต่งกับนางแล้ว เหตุใดจึงปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นเล่า? บุรุษเช่นนี้ไม่คู่ควรกับเหลียนเอ๋อร์แม้แต่น้อย!
พายุโหมกระหน่ำในดวงตาดั่งผลชิ่ง หัวใจของเซียวป๋อเจี้ยนบีบรัดนัก ยังคงเกลียดชังตนเองที่ไร้ซึ่งกำลัง กระทั่งฉู่เหลียนในยามที่เดือดร้อน เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย และปล่อยให้นางต้องเผชิญปัญหาแต่เพียงลำพัง
ในเมื่อเฮ่อซานหลางไม่คู่ควร ก็อย่าโทษหากเขาแย่งนางกลับมา!
…..
ขณะเดียวกัน ฉู่เหลียนกำลังง่วนอยู่กับการสอนสาวใช้ทั้งสองนางให้นวดแป้งโดอยู่ในครัว หากนางได้ยินสิ่งที่เซียวป๋อเจี้ยนคิดตอนนี้ นางย่อมต้องกลอกตาใส่อีกฝ่ายเป็นแน่ และอาจโต้ตอบกลับไป “ชิ่ว ๆ ไปยืนที่อื่นเลยไป อย่ามายุ่งกับหาเงินของข้า”
มารดาเจ้าทราบหรือไม่ว่าความคิดเจ้ามันบิดเบี้ยวเพียงใด?
โชคร้ายที่ฉู่เหลียนไม่รู้ว่าในใจเซียวป๋อเจี้ยนกำลังคิดอะไร ส่วนตัวนางก็กำลังยุ่งราวกับผึ้งงานอยู่ในครัว นอกจากนี้สาวใช้ขั้นสูงสี่นางที่ตามมาเป็นพยานในครัวก็เป็นคนของหวงฮูหยินและหยางฮูหยิน จึงย่อมไม่สามารถเรียกมาช่วยงานได้
ถึงอย่างนั้น ก่อนหน้านี้คุณชายหวางร้านเต๋ออันเพิ่งจะทำซิ่วท้อในครัวนี้ไปหยก ๆ วัตถุดิบสำหรับทำของหวานจึงมีครบครัน อีกทั้งยังมีฉีเยี่ยนกับเวิ่นฉิงที่คอยช่วยงาน ฉู่เหลียนจึงสามารถทำซิ่วท้อไปได้มากในระยะเวลาอันสั้น
คราแรกสาวใช้ทั้งสี่เพียงแค่จับตามองขั้นตอนการทำจากด้านข้าง ทว่ายิ่งเวลาผ่านไป ดวงตาของสาวใช้ทั้งสี่ต่างค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นด้วยความตะลึงงัน สาวใช้ของหวงฮูหยินเมื่อเห็นความคล่องตัวอย่างชำนิชำนาญเหล่านั้นก็อดกังวลเสียจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วมร่างกายมิได้
ทว่าพวกนางก็มิอาจออกไปข้างนอกเพื่อรายงานสถานการณ์ให้นายของตนได้ เนื่องจากสาวใช้ของหยางฮูหยินยังคงจับตามองพวกนางอยู่เช่นกัน
ฉู่เหลียนค่อย ๆ ประดิษฐ์บรรจงทำโดยไม่เร่งร้อน ทั้งยังทำซิ่วท้อออกมาได้ถึงสองสามตะกร้าในเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม
สาวใช้ทั้งสี่พยายามมองซิ่วท้อที่ฉู่เหลียนนำออกมาจากหม้อนึ่ง แต่นางกลับจงใจบังไว้ไม่ให้เห็น
ฉู่เหลียนหันไปล้างมือก่อนจะนำสาวใช้ส่วนตัวและพยานรุ่นใหญ่ทั้งสี่กลับไปยังเรือนเม่ย สตรีทั้งหลายในเรือนเม่ยต่างหันมาจับจ้องฉู่เหลียนทันทีที่เห็นร่างนางเยื้องย่างเข้ามา ก่อนจะหันไปมองกล่องที่ฉีเยี่ยนถืออยู่ ความสงสัยผุดขึ้นในใจเสียจนอยากมีพลังวิเศษที่จะสามารถมองทะลุผ่านสิ่งของไปได้ เพื่อจะได้เห็นว่าสิ่งที่นายหญิงสามจวนจิ่งอันทำออกมานั้นเป็นเช่นไร
สาวใช้ทั้งสี่นางที่ติดตามฉู่เหลียนมาต่างรีบกลับไปหานายของตน
สาวใช้ของหวงฮูหยินกระซิบประโยคสั้น ๆ เพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้สีหน้าหวงฮูหยินเปลี่ยนไป ซ้ำนางยังถามกลับ “แน่ใจหรือ?”
สาวใช้รุ่นใหญ่ผู้นั้นพยักหน้าตอบ “บ่าวมองไม่เห็นว่าผลออกมาเป็นเช่นไรเจ้าค่ะ ทั้งยังไม่มีโอกาสได้ลองชิมอีกด้วย นายหญิงสามจวนจิ่งอันจงใจซ่อนซิ่วท้อทันทีที่นำออกมาจากหม้อนึ่ง”
ได้ยินบ่าวตอบเช่นนั้น ความตึงเครียดของหวงฮูหยินก็มลายไป
ฮึ! หากนางพยายามซ่อนของเอาไว้ ย่อมแปลว่านางไม่มั่นใจ!
ซิ่วท้อนั้นใคร ๆ ก็เรียนทำได้ นางไม่เชื่อว่าสตรีอ่อนเยาว์ที่ไม่เคยเข้าครัวผู้นั้นจะทำซิ่วท้อที่รสชาติดีกว่าของคุณชายหวางได้
ได้ยินสาวใช้รายงานสิ่งที่เห็น หวงฮูหยินก็ยิ่งมั่นใจในความพ่ายแพ้ของฉู่เหลียน และต่อให้ซิ่วท้อเหล่านั้นมีหน้าตาสวยงาม แต่ก็ใช่ว่ารสชาติจะอร่อย ด้วยเหตุนี้นางย่อมไม่จำเป็นต้องโมโห และกลับยิ่งเป็นโอกาสให้นางได้เย้ยหยันต่อหยางฮูหยินเสียบ้างแล้ว
สาวใช้รุ่นใหญ่ผู้นั้นกำลังจะพูดต่อ ทว่าหวงฮูหยินโบกมือไล่นางออกไป จึงทำได้เพียงหุบปากและถอยกลับไปยืนอยู่ตรงมุม
ยิ่งมองการเคลื่อนไหวของฉู่เหลียน ความสงสัยในใจยิ่งลุกโชน
ฉู่เหลียนเดินเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมสาวใช้ทั้งสอง พร้อมถอนสายบัวให้เหล่าสตรีเบื้องหน้า “ข้าทำให้พวกท่านต้องรอแล้ว”
องค์หญิงเล่อเหยาปรายตามองฉู่เหลียน เหยียดยิ้ม “เสแสร้งเสียจริง”
“องค์หญิงอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ นางทำได้เพียงแสดงเท่านั้น รอดูตอนนางเอาซิ่วท้อออกมาเถอะ เราจะได้เห็นกันว่านางจะยังแสดงต่อไปได้อีกหรือไม่!” โจวหยวนฉินกล่าวอย่างรวดเร็ว พยายามเอาอกเอาใจองค์หญิง
“เอาล่ะ ไม่ต้องมากพิธี นำซิ่วท้อออกมา!” หยางฮูหยินเอ่ยเสียงเรียบ
ฉู่เหลียนไม่ชักช้า สั่งฉีเยี่ยนให้วางกล่องลงบนโต๊ะหินเบื้องหน้า จากนั้นจึงเปิดกล่องด้วยตนเอง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่กล่องใบนั้นเป็นตาเดียว กระทั่งองค์หญิงเล่อเหยาและองค์หญิงต้วนเจี่ยก็ยังเบิกตาโพลง เกรงจะพลาดช่วงจังหวะที่สำคัญของเหตุการณ์ตื่นเต้นนี้ไป
คุณหนูซูกังวลเสียจนบิดผ้าเช็ดหน้าในมือเป็นเกลียวขณะจับจ้องกล่องใบนั้น หรงฮูหยินมองอย่างกังวลและสำนึกเสียใจ ความรู้สึกหลากหลายวิ่งวนอยู่ภายใน ทว่าคุณหนูหยวนกลับเป็นเพียงผู้เดียวที่ยังไม่อาจละสายตาจากของรางวัลในถาดเงินนั้นได้
ฉู่เหลียนนำถาดใส่ลูกท้อขนาดพอดีสมบูรณ์สามใบออกมาวางลงบนโต๊ะหิน ลูกท้อเหล่านั้นเปล่งประกายน่ารัก ดูอิ่มเอิบสมบูรณ์ ทั้งยังมีใบไม้สีเขียวสดใสวางประดับอยู่ด้านบนพร้อมหยาดน้ำที่ส่องประกายเกาะอยู่ ลูกท้อเหล่านี้ดูคล้ายกับผลท้อสดใหม่หอมหวานที่เพิ่งเด็ดออกจากต้น!
บรรดาสตรีล้วนจับจ้องลูกท้อด้วยความนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ บางคนถึงขนาดสูดหายใจเข้าเสียงดังอย่างตกตะลึง
ทันใดนั้น เสียงของเด็กสาวผู้หนึ่งก็ร้องขึ้น “อ๊า! นั่นไม่ใช่ลูกท้อจริง ๆ! แต่ล้วนเป็นซิ่วท้อที่ถูกทำขึ้นมา!”
เสียงของเด็กสาวผู้นั้นดังและชัดเจนยิ่ง ส่งถึงข้างหูทุกคนในที่แห่งนั้น
อะไรนะ? นั่นไม่ใช่ลูกท้อจริง ๆ หรือ? เป็นซิ่วท้อหรอกหรือ?!
เด็กสาวผู้นั้นรู้สึกตัวว่านางเผลอร้องออกมาเสียงดัง จึงรีบปิดปากตนด้วยความไวแสง ใบหน้านางแดงก่ำขณะหันไปมองมารดาที่อยู่ข้างกาย ผู้เป็นมารดารู้ว่าบุตรสาวเสียกิริยาแล้ว จึงได้หันไปขอโทษเหล่าฮูหยินรอบกาย ขณะที่กล่าวขอโทษ นางก็อธิบายไปด้วย “คราแรกที่นายหญิงสามจวนจิ่งอันนำซิ่วท้อออกมา ข้าก็คิดว่าเป็นผลท้อสดใหม่เช่นกัน กระทั่งเห็นว่ามีไอน้ำลอยออกมาจาก ‘ผลท้อ’ เหล่านั้นจึงรู้ว่าเป็นเพียงซิ่วท้อนี่เอง”
เหล่าคุณหนูและฮูหยินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะรีบมองหาความต่างทันที
เมื่อสตรีนางนั้นอธิบายเสร็จแล้ว เหล่าสตรีอื่นในเรือนเม่ยกลับยิ่งตกตะลึง ซิ่วท้อที่สมจริงเหล่านี้ทำจากแป้งสาลี ไม่ใช่ผลท้อจริง ๆ หรอกหรือ! ?
กระทั่งหยางฮูหยินและเว่ยเฟิงจื่อก็ยังสนใจขึ้นมา
หวงฮูหยินมองไปยังซิ่วท้อเหล่านั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ท่าทางที่นางกำผ้าเช็ดหน้าจนแน่นนั้นบ่งบอกชัดเจนว่านางไม่อาจยอมรับได้
“สมจริงแล้วอย่างไร? หากรสชาติไม่อร่อย ก็ยังเอาชนะซิ่วท้อของคุณชายหวางไม่ได้!” เป็นองค์หญิงเล่อเหยาที่อดรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยโต้ตอบด้วยความโมโห
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816