ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 46 ชู้รัก
เจิ้งซื่อจื่อดึงแขนเซียวป๋อเจี้ยนแล้วยิ้ม “พี่เซียว ข้าไม่คาดว่านายหญิงสามจวนจิ่งอันจะมากพรสวรรค์เพียงนี้”
เซียวป๋อเจี้ยนค่อย ๆ คลายมือที่จับราวระเบียงนั้นออก ความเย็นชาในดวงตาเลือนหาย ก่อนจะกวาดตาสำรวจพื้นที่ข้างสระบัวพร้อมเม้มปากไม่เอ่ยคำใด
บ่าวรับใช้คนเดิม เมื่อได้ยินน้ำเสียงมีความสุขของเจิ้งซื่อจื่อ จึงรีบเข้ามารายงาน “เจิ้งซื่อจื่อขอรับ บ่าวได้ยินว่าซิ่วท้อที่นายหญิงสามผู้นั้นทำถูกส่งไปยังเรือนนอกแล้ว หากท่านอยากลองชิมดู เหตุใดจึงไม่ไปที่โถงจัดงานเลี้ยงเล่าขอรับ? งานกำลังจะเริ่มแล้ว”
“ดีล่ะ ขอบคุณสำหรับข่าว” เจิ้งซื่อจื่อโยนเมล็ดถั่วที่ทำจากทองคำไปให้ บ่าวผู้นั้นรับเอาไว้แล้วขอบคุณเจิ้งซื่อจื่อก่อนจะรีบร้อนจากไป
เจิ้งซื่อจื่อโบกพัดเบา ๆ กล่าว “พี่เซียว ไปกันเถอะ! เราต้องรีบแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่เหลืออะไรให้เราทานแน่”
เซียวป๋อเจี้ยนเดินตามเจิ้งซื่อจื่อไปด้วยความเงียบงัน
ขณะเดียวกัน ท่านอ๋องผู้นั่งอยู่บนชั้นสามเรือนฉินเฟิงก็ลุกขึ้น มุมปากขยับยิ้ม “ไปเรือนนอกกันเถอะ”
แม้ยุคราชวงศ์อู่จะเปิดกว้างกว่ายุคก่อน ๆ แต่หากยามใดสามารถแยกชายหญิงได้ก็ย่อมต้องแยกจากกัน ดังนั้นงานเลี้ยงนี้จึงแยกจัดเลี้ยงคนละเรือน ฉู่เหลียนเดินตามหลังโจวซื่ออย่างเชื่อฟัง ใครเห็นนางยามนี้ย่อมไม่คิดว่านางคือนายหญิงสามผู้นั้นที่เพิ่งพลิกกระดานเอาคืนเหล่าฮูหยินขุนนางทั้งหลายในเรือนเม่ยเป็นแน่
หัวคิ้วโจวซื่อย่นหากันเล็กน้อย ครั้นนางได้ยินว่าฉู่เหลียนพบปัญหาและเร่งกลับมายังเรือนเม่ย นางก็ทราบได้ทันทีว่ามีคนต้องการจัดการฉู่เหลียนอยู่
แม้จวนติ้งหยวนจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูพรั่งพร้อมไปด้วยลูกหลานและความร่ำรวยเฉกเช่นที่จวนขุนนางชั้นสูงควรจะเป็น ทว่าความจริงภายในนั้นกลับมีความขัดแย้งกันระหว่างบ้านหลักและบ้านรองเป็นประจำ
โจวซื่อเป็นคุณหนูจากบ้านรอง และเป็นหลานสาวคนโตของครอบครัว แต่ป้าของนางกลับไม่ชื่นชอบนางแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่มีความเกรงกลัวที่จะขัดแย้งกับจวนจิ่งอัน ดังนั้นคนผู้นั้น เมื่อหวังจะกระทำสิ่งใดย่อมไม่มีขีดจำกัด
ในตอนที่ต้องแยกกับฉู่เหลียน โจวซื่อได้รับรายงานว่าลูกสาวของตนบังเอิญพลัดตกจากภูเขาจำลองจนได้รับบาดเจ็บเข้า นางจึงเร่งฝีเท้าไปยังปลายทางนั้น เมื่อไปถึงกลับพบว่าลูกสาวตนเป็นแผลที่หัวเข่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นนางจึงเริ่มรู้สึกว่าตงิดใจราวกับมีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่คาดว่าเป้าหมายที่แท้จริงของป้าจะเป็นฉู่เหลียน
โจวซื่อลอบถอนใจ หันไปหาฉู่เหลียน “น้องสะใภ้สาม พี่สะใภ้ไม่ดีเองที่ไม่ดูแลเจ้าให้ดีจนต้องเจอะเจอกับเรื่องเช่นนี้ ตอนนี้ข้าจะไม่ออกห่างกายเจ้าอีกแล้ว”
ฉู่เหลียนส่ายหน้ายิ้ม “ไม่ใช่ความผิดของพี่สะใภ้เจ้าค่ะ! ต่อให้พวกนางไม่จัดการข้าในยามนี้ แต่ก็ยังมีอีกเป็นพันวิธีที่พวกนางจะใช้จนกว่าข้าจะไม่สามารถก้าวเท้าออกจากจวนได้อีก อย่างไรสักวันข้าก็ต้องถูกเล่นงานอยู่แล้ว อย่าได้ใส่ใจไปเลยเจ้าค่ะ วันนี้ข้าได้เครื่องประดับดี ๆ มาตั้งหลายชิ้น! ”
เมื่อฉู่เหลียนเอ่ยถึงเครื่องประดับ ดวงตาดังผลชิ่งนั้นก็เปล่งประกายสุขใจ นางไม่เอาเรื่องที่เพิ่งเกิดนี้มากระทบตัวแม้แต่น้อย
โจวซื่อนึกอยากเอ่ยอะไร ทว่าก็หยุดไปเสียก่อน เมื่อนึกถึงเรื่องที่ฉู่เหลียนต้องอดทนจนถึง ณ ตอนนี้แล้ว นางจึงคิดจะกล่าวเรื่องที่เหลือในยามที่กลับถึงจวนจิ่งอันแทน
ถึงอย่างไร การรับเอาเครื่องประดับจากเหล่าฮูหยินและองค์หญิงมาก็ยังไม่นับเป็นเรื่องดี
โจวซื่อตบมือฉู่เหลียนเบา ๆ ก่อนจะนำนางไปยังเรือนที่เหล่าสตรีมารวมตัวกัน ในใจก็ยังคิดหวังจะกลับจวนให้เร็วที่สุดทันทีที่งานเลี้ยงนี้จบลง เพื่อเลี่ยงกับดักที่หวงฮูหยินผู้เป็นป้าจะวางเอาไว้อีก
ในที่สุด งานเลี้ยงในวันนี้ก็ผ่านไปอย่างราบรื่น แขกเหรื่อถูกเชื้อเชิญไปยังศาลาติ่งป๋อหลังฉลองเสร็จ แต่ฉู่เหลียนกลับขอตัวไปพักผ่อนในห้องรับแขกกับหลานสาวทั้งสองสักหนึ่งชั่วยาม
หลังจากงานเลี้ยงช่วงกลางวันเลิกรา โจวซื่อ และฉู่เหลียนที่ไม่อยากอยู่จวนติ้งหยวนต่อ ดังนั้นก่อนอาทิตย์อัสดง พวกนางจึงส่งคนไปเรียกรถม้าจวนจิ่งอันมารับ
ในขณะนั้นเองเวิ่นฉิงถูกพาตัวไปเรือนฉีโดยหนึ่งในสาวใช้ของจวนติ้งหยวน ทันทีที่เลี้ยวเข้าไปในมุมหนึ่งซึ่งเชื่อมต่อกับทางแยก สาวใช้นางนั้นหันกลับมากะทันหัน พร้อมดึงเอาจดหมายออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะยัดใส่มือเวิ่นฉิง
เวิ่นฉิงชะงักงัน ก่อนที่สาวใช้ผู้นั้นจะเริ่มอธิบาย “นี่เป็นจดหมายจากคุณชายเซียวฝากถึงคุณหนูหกสกุลฉู่เจ้าค่ะ พี่สาวโปรดระมัดระวังด้วย” กล่าวจบ สาวใช้ผู้นั้นก็วิ่งจากไป…
ทั้งร่างของเวิ่นฉิงสั่นสะท้าน ให้คุณหนูหกสกุลฉู่หรือ? นั่นมิใช่นายหญิงสามหรอกหรือ? ใคร…ใครคือคุณชายเซียวกัน?
เมื่อรู้สึกตัว นางก็รีบซ่อนจดหมายไว้ในแขนเสื้อ มองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น จากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
เรือนฉีนั้นอยู่ตรงมุมสุดของจวน เวิ่นฉิงรออีกสองสามอึดใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปยังห้องเบื้องหลัง และถือวิสาสะดึงเอาจดหมายจากแขนเสื้อออกมาเปิดดู บนซองจดหมายมีเพียงตัวอักษรที่เขียนคำว่าเซียว ลายมือนั้นบ่งบอกบุคลิกที่ดูหนักแน่นเข้มแข็งของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี
เมื่อเวิ่นฉิงนึกย้อนไปถึงคำของจงหมัวมัวที่สั่งนางเมื่อวาน ดวงใจนางก็เต้นแรงบ้าคลั่ง และก้มมองจดหมายในมือ
ต้องมีใครสักคนที่ต้องการจะใส่ร้ายนายหญิงสามเป็นแน่ นายหญิงสามเป็นคนดีเพียงนั้น จะมีชู้รักไปได้อย่างไร?! จงหมัวมัวนั้นใจแคบเกินไป นางต้องเก็บซ่อนจดหมายฉบับนี้ไว้ให้ดี! แค่เพียงคุณชายสามทิ้งนายหญิงสามไปชายแดนเหนือก็น่าสงสารอยู่แล้ว นางต้องปกป้องนายหญิงสาม! และจะไม่ยอมให้ผู้ใดหาญกล้ามาทำร้ายนายหญิงเป็นแน่!
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เวิ่นฉิงก็พับจดหมายเก็บเข้าแขนเสื้ออีกครั้ง
ยามที่กลับมาหาฉู่เหลียน โจวซื่อก็เตรียมเดินทางออกจากจวนติ้งหยวนเรียบร้อยแล้ว
เวิ่นฉิงเดินตามหลังฉู่เหลียน ก้มศีรษะลงต่ำด้วยสีหน้าวิตก ฉู่เหลียนเห็นว่าแปลกนักจึงหันไปมอง และเอ่ยถาม “เวิ่นฉิง เจ้าไม่สบายหรือ? ”
เวิ่นฉิงเงยหน้าขึ้นสบสายตากังวลของนายหญิงสาม ดวงใจอ่อนยวบ ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจของนางว่าจดหมายที่ได้รับนั้นต้องมีผู้พยายามใส่ร้ายนายหญิงของนางแน่
เวิ่นฉิงรีบส่ายหน้า “นายหญิงสาม บ่าวไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ช่วงสองสามวันนี้อากาศร้อน บ่าวเลยอาจเผลอเหม่อลอยไปบ้างเจ้าค่ะ”
“เมื่อถึงจวนจิ่งอัน เจ้าก็กลับห้องไปพักเถิด วันนี้ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว”
“ขอบคุณนายหญิงสามเจ้าค่ะ”
โจวซื่อและฉู่เหลียนเร่งเดินทางออกจากจวนติ้งหยวน จึงทำให้กลับถึงจวนจิ่งอันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันมืด
เฮ่อเหล่าไท่จวินยังคงอยู่ที่จวนติ้งหยวนเพื่อสังสรรค์ต่อและอาจกลับดึกสักเล็กน้อย
ฉู่เหลียนส่งเวิ่นฉิงกลับห้องทันทีที่ถึงเรือนซงเถา
……
ณ ห้องรับแขกฝ่ายชายที่จวนติ้งหยวน เซียวป๋อเจี้ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เมื่อเขาอนุญาตแล้ว สตรีในชุดสาวใช้ทั่วไปสีเขียวก็ผลักประตูเข้ามา
สาวใช้ผู้นั้นคุกเข่าลงเบื้องหน้า
“นายท่าน”
“เรียบร้อยดีหรือไม่? ”
“นายท่านโปรดวางใจ ข้าส่งจดหมายฉบับนั้นให้สาวใช้ส่วนตัวผู้หนึ่งของคุณหนูฉู่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูฉู่ย่อมได้อ่านจดหมายแล้วเป็นแน่”
“อืม ออกไปได้ และอย่าเผยตัวให้ผู้ใดเห็น”
“ทราบเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้นั้นเปิดประตูแล้วจากไป ทันทีที่เดินผ่านประตูห้อง สีหน้าเย็นชาแข็งแกร่งกลับถูกความอ่อนแอบอบบางเข้ามาแทนที่ ราวกับนางเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อสาวใช้ผู้นั้นจากไป คนอีกผู้หนึ่งจึงปรากฏกายขึ้นภายในห้องรับแขก เป็นบุรุษในชุดสีขี้เถ้า ดูธรรมดาทั้งรูปร่างและหน้าตา
เขาก้มศีรษะคำนับ เอ่ยเสียงต่ำ “นายท่าน เผยตัวเว่ยฉีเพื่อสตรีผู้หนึ่งจะไม่นับว่าสูญเปล่าหรือขอรับ? ”
สีหน้าเซียวป๋อเจี้ยนพลันเย็นชาแข็งกร้าวขึ้น ก่อนจะหรี่ตาลงจ้องมองบุรุษผู้นั้น “เว่ยเจี่ย ข้าจะทำอันใด เจ้าย่อมไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากวิจารณ์”
บุรุษผู้ถูกเรียกว่าเว่ยเจี่ยตัวแข็งทื่อ รีบก้มหัวลง “ขออภัยนายท่าน บ่าวผู้นี้ล่วงเกินแล้ว”
เซียวป๋อเจี้ยนโบกมือ เอ่ยสั่งเสียงเย็น “อย่าได้เผยตัวอีก จนกว่าข้าจะเรียก”
เวิ่นฉิงกลับมาถึงห้องด้วยความรู้สึกสับสน นางปิดประตูลงทันทีที่ย่างเท้าเข้าห้อง จากนั้นจึงนำจดหมายออกมาวางไว้บนโต๊ะ นางมิกล้าแม้แต่จะเปิดจดหมายนั้นออกอ่าน เพียงแต่อยากเผามันให้กลายเป็นเถ้าถ่านเสียเท่านั้น
ทันทีที่ลุกยืน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เวิ่นฉิงตกใจกลัวจนทำที่จุดไฟร่วงลงพื้น นางลนลานซ่อนจดหมายไว้ใต้หนังสือเล่มหนึ่ง
“พี่เวิ่นฉิง นายหญิงสามเรียกให้ท่านไปดื่มน้ำแกงอุ่น ๆ ในครัวก่อนนอนเจ้าค่ะ” เป็นเสียงของสาวน้อยผู้หนึ่งที่ทำหน้าที่กวาดพื้นเรือน
เวิ่นฉิงไม่กล้าชักช้า รีบรุดออกจากห้องทันที
เมื่อเวิ่นฉิงจากไป ฝูเยี่ยนก็เดินออกมาจากห้องข้าง ๆ นางมองแผ่นหลังผู้ที่จากไปด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
วันนี้นางมิได้ทำงานเท่าใดนัก เนื่องจากนายหญิงสามออกไปร่วมงานสังสรรค์ที่จวนติ้งหยวน ส่วนนางที่รู้สึกเมื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานมาตลอดทั้งเดือน จึงได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องหลังจากแจ้งกุ้ยหมัวมัวเสร็จแล้ว
ทว่าทันทีที่ออกจากห้อง นางก็ได้ยินสาวใช้ระดับล่างคุยกันเรื่องนายหญิงสามที่กลับจวนมาพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมายจากจวนติ้งหยวน
จากนั้นนางก็ยังได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจากห้องข้าง ๆ จึงรู้ว่าเวิ่นฉิงกลับมาแล้ว
เวิ่นฉิงเพิ่งจะย้ายเข้ามาในเรือนซงเถาหลังจากคุณชายสามจากไป ซ้ำยังทำหน้าที่ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น! ส่วนฝูเยี่ยนเป็นสาวใช้ส่วนตัวของนายหญิงสามมาตั้งแต่ครั้งที่นางยังมิได้ออกเรือน นางสมควรเป็นผู้มีส่วนร่วมในชะตากรรมใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับนายหญิงสาม ณ จวนติ้งหยวน ทว่าเวิ่นฉิงกลับแย่งหน้าที่นั้นของนางไป ฝูเยี่ยนย่อมไม่พอใจ ยิ่งไปกว่านั้นนายหญิงสามกลายเป็นคนที่เป็นมิตรขึ้นมากนับแต่แต่งออกมา และมักจะมอบรางวัลหรือของว่างให้แก่สาวใช้ส่วนตัวอยู่เสมอ
ในเมื่อเวิ่นฉิงไปจวนติ้งหยวนวันนี้ ซ้ำนายหญิงสามยังได้ของดีติดมือกลับมา เวิ่นฉิงก็ย่อมมิได้กลับมามือเปล่าเป็นแน่ ฝูเยี่ยนอดมิได้ให้รู้สึกอิจฉา
รางวัลนั้นควรเป็นของนาง! ทว่ายามนี้กลับตกเป็นของเวิ่นฉิงเสียแทน!
ปกติแล้วเหล่าสาวใช้ล้วนอาศัยอยู่ในเรือนเล็กติดกับเรือนซงเถา สองคนต่อหนึ่งห้อง เมื่อฉู่เหลียนเพิ่งกลับมา บรรดาสาวใช้อื่นจึงต้องไปรับใช้ และเหลือเพียงฝูเยี่ยนผู้เดียวที่อยู่ในเรือนพัก
ฝูเยี่ยนเพ่งมองห้องของเวิ่นฉิงที่ประตูยังเปิดกว้างอยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะความเร่งร้อนของเจ้าของห้องที่รีบรุดออกไปโดยไม่ระวัง ฝูเยี่ยนจึงไม่รอช้าหมุนกายเดินเข้าห้องเวิ่นฉิงทันที
เวิ่นฉิงและเวิ่นหลานเพิ่งจะย้ายเข้ามา ทั้งห้องจึงยังแทบไม่มีอะไรตั้งวางอยู่ เพียงกวาดตามองครั้งเดียวก็เห็นทั่วแทบทุกซอกทุกมุม ฝูเยี่ยนกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอด้วยความวิตกกังวล และเริ่มลงมือค้นโต๊ะ
บนโต๊ะของพวกนางมีของไม่มากนัก มีพวกหนังสือทั่วไป เช่น “บทเรียนสตรี” “หนังสือแห่งบทเพลง” เป็นต้น นอกนั้นก็เป็นพวกอุปกรณ์สำหรับการเขียน ทว่าทันใดนั้นเอง ฝูเยี่ยนก็เหลือบเห็นซองสีเหลืองที่แลบออกมาจากหนังสือ เมื่อดึงออกมาจึงพบว่าเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง
มีเพียงคำว่า “เซียว” อยู่บนซองจดหมาย
ดวงตาฝูเยี่ยนเต็มไปด้วยความครุ่นคิด นางกำลังจะวางคืนที่เดิม แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอดมาจากนอกห้องเสียก่อน จึงรีบเก็บจดหมายซ่อนในแขนเสื้อ ก่อนจะรีบปิดประตูและจากไป
เมื่อกลับมาถึงห้องตน นางก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตูจากห้องข้าง ๆ ทำให้นางทรุดกายลงบนพื้น ก่อนจะหายใจหายคอ ปลอบประโลมใจให้เย็นลง และเมื่อนึกถึงจดหมายขึ้นมาได้ นางก็รีบลงกลอนประตู นั่งลงบนเตียงแล้วดึงเอาซองจดหมายยับย่นออกมา จากนั้นจึงเปิดออกช้า ๆ …
หญิงสาวกังวลจนมือน้อยสั่นเทา ความหวาดระแวงพุ่งสูง เกรงจะมีผู้อื่นรับรู้
เมื่อเปิดอ่านเนื้อหาข้างในซองจดหมายแล้ว ฝูเยี่ยนก็ตัวแข็งทื่อ
นี่…นี่เป็นจดหมายของนายหญิงสาม!
เป็นคุณชายเซียวที่เขียนขึ้น โดยมีเจตนาจะส่งให้นายหญิงสาม เพื่อทำการนัดพบกับนางที่ร้านน้ำชาเต๋อเฟิงในวันที่ยี่สิบหกนี้!
ฝูเยี่ยนเป็นสาวใช้ส่วนตัวของฉู่เหลียนมานาน นางย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ยามอยู่จวนอิ้ง แต่มิคาดว่าฉู่เหลียนจะกล้าลอบพบกับคุณชายเซียวหลังแต่งเข้าจวนจิ่งอัน!
ฝูเยี่ยนตกใจลนลานเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
นางมิกล้าเข้าห้องของเวิ่นฉิงอีกแล้ว และทำได้เพียงซ่อนจดหมายไว้ที่ก้นหีบไปก่อนเท่านั้น
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816