ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 51 พลังแห่งขนม
เมื่อมองที่กล่องที่พ่อบ้านนำมาให้ ใต้เท้าหยางก็พลันนึกหวนถึงขุนนางคุมประพฤติไร้ยางอายที่เคยยื่นฎีการายงานเขา ซึ่งในงานวันอายุยืนของติ้งหยวนโหวผู้เฒ่า ขุนนางผู้นี้ก็ได้ทานซิ่วท้อนำโชคด้วยความตะกละตะกลาม ทำให้เขารู้สึกย่ำแย่อยู่ในใจ แต่ก็ยังอดมิได้ให้จินตนาการถึงสิ่งนั้นว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร
วันนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเขาสักอย่าง หรือเป็นเพราะไม่ได้ทานซิ่วท้อโชคดีในวันนั้นกันแน่?
ใต้เท้าหยางกระแอมเบา ๆ แล้วกล่าว “เอาไปไว้ที่ห้องรับแขก ประเดี๋ยวข้าจะนำไปให้ฮูหยินยามไปหานางที่เรือนใน”
ใต้เท้าหยางมิได้ชมชอบเซนฉะนัก จึงให้บ่าวชายรินน้ำเปล่าอุ่น ๆ ให้ถ้วยหนึ่งแทนยามนั่งลงพักที่ห้องรับแขก ขณะนั้นสายตาที่กวาดทั่วก็ชะงักงันอยู่ที่กล่องไม้งามที่วางอยู่ใกล้ ๆ ใต้เท้าหยางเอื้อมมือไปเปิดมันออก
ภาพด้านในทำให้ดวงตาหรี่ปรือนั้นเบิกออกกว้าง
ขนมแปดชิ้นถูกวางอยู่ในตะกร้าไผ่ใบเล็กสีเขียวงดงาม ขนมแต่ละชิ้นล้วนมีรูปทรงแตกต่างกัน ทั้งยังมีดอกมู่ตานสีแดงเบ่งบานวางอยู่ด้านข้าง ทำให้ยิ่งดูโดดเด่นสะดุดตา และเมื่อใต้เท้าหยางสูดหายใจเข้าเพียงน้อย ก็ได้กลิ่นดอกไม้หอมหวานลอยปนมากับกลิ่นนมเนยจากขนมเหล่านี้
เขาอดใจไม่ไหวอีกต่อไป พลางกลืนน้ำลายลงคอและเลือกหยิบเอาขนมรูปทรงคล้ายค้างคาวมาชิ้นหนึ่ง มองด้วยท่าทีฉงนก่อนจะกัดเข้าไปเต็มคำ อืม ภายในยังมีไส้อีกด้วย นั่นคือลูกเกดหรือไม่? สดชื่น กรุบกรอบ และยังหวานโดยไม่มันเยิ้มเกินไป…อร่อย!
ใต้เท้าหยางยังคงหยิบขนมชิ้นที่สองซึ่งรูปทรงคล้ายผลท้อขึ้นมา โอ? ชิ้นนี้กลับมีรสชาติคล้ายเกาลัด ดูแปลกใหม่ หวานหอมนาน แม้กลืนลงไปแล้ว แต่เจ้าสิ่งนี้ก็ยังคงทิ้งกลิ่นของเกาลัดไว้อยู่ในปาก
ชิ้นที่สามมีรูปทรงคล้ายมือ กลิ่นเหมือนดอกกุหลาบ…
แม้เขาจะเผลอทานเข้าไปหลายชิ้นแล้ว แต่กลับมิได้รู้สึกเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย ชิ้นที่สามนี้ดูสง่างาม รสชาติหวานอ่อน ๆ ทำให้เขารู้สึกพึงใจชิ้นนี้เป็นพิเศษ
……
กว่าใต้เท้าหยางจะรู้ตัวก็พบว่าในกล่องเหลือขนมอีกเพียงสองชิ้นเท่านั้น มือที่กำลังจะยื่นไปหยิบมาทานเพิ่มพลันชะงักกึก รีบถอนออกอย่างกระอักกระอ่วนใจ
บ่าวชายที่ยืนดูอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดเพ่งมองนายของตนราวกับตาจะถลนออกมานอกเบ้า และแอบคิดในใจ ‘นั่นมิใช่ของตอบแทนของฮูหยินหรอกหรือ! นายท่านกลับทานเข้าไปมากมายถึงเพียงนั้นได้เช่นไร?’
“เราจะไปเรือนในหานายหญิงของเจ้าเสียหน่อย หยิบที่เหลือมาด้วยนะ” ใต้เท้าหยางกระแอมไอปกปิดความเขินอายของตนขณะหันไปสั่งบ่าวรับใช้
ระหว่างเดินไปเรือนใน ใต้เท้าหยางก็ลอบบ่นในใจไม่หยุดหย่อน
จวนจิ่งอันนั่นช่างใจแคบเหลือเกิน เหตุใดจึงได้ส่งของมาน้อยเช่นนี้ — มีขนมเพียงแปดชิ้นเท่านั้น! — ในฐานะของตอบแทนเช่นนี้หรือ? ซ้ำแต่ละรสยังมีเพียงชิ้นเดียวอีก! และขนมเพียงหนึ่งชิ้นเขาสามารถทานจนหมดได้ภายในสองคำ
เมื่อมาถึงเรือนหลักด้านในก็เห็นหยางฮูหยินกำลังสนทนาอยู่กับลูกสะใภ้
หยางฮูหยินหันหน้ามาก็เห็นสามีของตนในทันที นางลุกขึ้นต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “ที่รัก เหตุใดวันนี้จึงกลับมาเร็วนัก?” นางถามขึ้น ก่อนจะเห็นกล่องผ้างดงามในมือบ่าวรับใช้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น “ท่านซื้อของขวัญมาให้ข้าด้วยหรือ?”
ใบหน้าใต้เท้าหยางแข็งทื่อพยายามกลบเกลื่อนความเขินอายที่มี “นี่เป็นของขวัญตอบแทนจากจวนจิ่งอัน”
บ่าวรับใช้วางกล่องผ้าลงบนโต๊ะก่อนจะล่าถอยไป
หยางฮูหยินเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะนึกถึงดรุณีน้อยที่นางได้พบที่จวนติ้งหยวนโหว ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะโดยไม่สนใจใคร่มองสีหน้าของสามีอีก
“ของตอบแทนจากจวนจิ่งอันหรือ? จะเป็นอะไรกัน? ลูกสะใภ้ก็ร่วมดูด้วยกันเถิด” สะใภ้ใหญ่ของหยางฮูหยินมิได้ไปร่วมงานวันเกิดติ้งหยวนโหวในวันนั้น เมื่อได้ยินแม่สามีกล่าว นางก็ก้าวออกมา
ใต้เท้าหยางไม่อาจเอ่ยห้ามปรามได้ทัน จึงแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ทันทีที่หยางฮูหยินเปิดกล่องออก นางก็เห็นขนมสองชิ้นที่จัดวางอยู่ในกล่องที่ดูโหรงเหรงชอบกล
นางจึงได้หันไปหาใต้เท้าหยาง “นี่คือ…”
“ยามนั้นข้ายังหิวอยู่เล็กน้อย จึงทานไปสองชิ้น” ใต้เท้าหยางอธิบายด้วยเสียงเรียบนิ่งแต่ดูผิดธรรมชาติ
ในกล่องนี้ยังมีที่ว่างเหลืออยู่มากมาย แน่ใจหรือว่าท่านทานไปเพียงสองชิ้น?
มุมปากหยางฮูหยินยกขึ้น นางปิดปากกล่องลง
สะใภ้ใหญ่ถึงกับอ้าปากค้างไปเล็กน้อยยามได้เห็นของในกล่องนั้น หรือหากจะเอ่ยให้ชัดเจนคือขนมน้อยชิ้นที่ถูกจัดวางในภาชนะที่ใหญ่เกินตัว ทว่านางยังรู้ตัวหุบปากลงได้เพื่อเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ยิ่งกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้ “ท่านพ่อกลับมาแล้ว เช่นนั้นสะใภ้จะไปที่ครัวสั่งบ่าวจัดเตรียมอาหารที่ท่านชอบให้นะเจ้าคะ”
หยางฮูหยินทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้จนกระทั่งสะใภ้ของนางจากไป จากนั้นจึงได้ระเบิดหัวเราะออกมา “ใช่นายหญิงสามแห่งจวนจิ่งอันส่งมาหรือไม่?”
ใต้เท้าหยางทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ พยักหน้าขณะจิบชา ทำทีไม่รู้ไม่ชี้
“ข้าย่อมกล่าวโทษท่านมิได้ เด็กสาวผู้นั้นทำของว่างได้อร่อยเป็นที่สุด” กล่าวดังนั้นแล้ว หยางฮูหยินก็เปิดกล่อง เลือกขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เมื่อได้ทานเข้าไป ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย “เด็กคนนั้น…คราวนี้นางทำอะไรกัน? รสชาติถูกปากข้ายิ่งกว่าซิ่วท้อที่เคยทำคราวนั้นเสียอีก อืม… มีรสเค็มด้วย!”
ใต้เท้าหยางเลียริมฝีปาก ขนมรสเค็มหรือ? น่าเสียดายนักที่เขามิได้ลองทาน ก่อนจะกล่าว “ในกล่องมีขนมเพียงแปดชิ้นเท่านั้น คล้ายว่าแต่ละชิ้นจะมีรสชาติที่แต่งต่างกัน”
หยางฮูหยินตะลึงไป ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของหวานที่ประณีตบรรจงยิ่ง
เมื่อนางได้ทานขนมชิ้นสุดท้ายจึงมั่นใจว่าขนมทั้งสองชิ้นมีรสชาติแตกต่างกัน เมื่อทานเสร็จ นางก็หยิบกล่องใบเล็กที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ปรากฏเป็นกำไลปะการังที่วางอวดรูปโฉมเปล่งประกายงามสง่าอยู่ด้านใน มุมปากของนางก็โค้งขึ้น “ดูท่าสตรีจากจวนอิ้งผู้นี้จะมีดีมากกว่าการเป็นแม่พันธุ์เสียแล้ว”
หยางฮูหยินเร่งเขียนจดหมายตอบกลับในทันทีและส่งบ่าวรับใช้ที่ไว้ใจได้ที่สุดนำจดหมายฉบับนั้นไปส่งที่จวนจิ่งอัน
นับแต่ใต้เท้าหยางทานจิงปาเจี้ยนที่ฉู่เหลียนส่งมานั้น เขาก็ตกหลุมรักขนมรสกุหลาบชิ้นนั้น ทั้งยังสั่งให้คนครัวที่จวนทำขนมเช่นเดียวกัน ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสามารถทำได้อร่อยเทียบเท่าที่ฉู่เหลียนส่งมาในวันนั้น ส่งผลให้บัดนี้ใต้เท้าหยางเลือกกินเสียยิ่งกว่าเก่า จนทำให้น้ำหนักลดลงไปมากทีเดียว!
ในขณะเดียวกันนั้น ของขวัญแบบเดียวกันถูกส่งไปยังจวนเว่ยอ๋อง
องค์หญิงต้วนเจี่ยเปิดกล่องผ้างดงามออกโดยไม่ลังเล ดวงตากลมโตเปล่งประกายยามเห็นขนมด้านใน และเพื่อที่จะได้ลิ้มรสขนมเหล่านี้อย่างมีความสุขแต่เพียงผู้เดียว นางจึงถือกล่องด้วยความระมัดระวังกลับไปยังเรือนของตน กระทั่งยามพี่รองของนางโผล่ออกมาขอส่วนแบ่งขนมบ้าง นางก็ไม่ยอมมอบให้แม้สักชิ้น เมื่อเห็นน้องสาวทำตัวราวลูกสุนัขหวงกระดูก ท่านอ๋องน้อยก็พลันรู้สึกขบขันยิ่งนัก
เขารีบวิ่งไปที่ห้องของมารดาเพื่อฟ้องเรื่องเจ้าน้องสาวจอมขี้งกทันที “หมู่เฟย น้องหญิงสามเจอของอร่อยแต่นางกลับขี้เหนียวไม่ยอมแบ่งข้าแม้แต่คำเดียว!”
“โอ เช่นนั้นหรือ?” พระชายาเว่ยอ๋องเลิกคิ้ว ด้วยองค์หญิงต้วนเจี่ยนั้นเป็นคนทระนงตน จึงเห็นว่าน่าสนใจนัก เพียงอาหารธรรมดาจากจวนขุนนางกลับทำให้บุตรีทำตัวแปลกไปได้เช่นนี้
ขณะมารดาและบุตรชายคุยกัน องค์หญิงต้วนเจี่ยก็เข้ามาในห้อง “พี่ชาย ตอนนี้ท่านอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว เหตุใดยังทำตัวราวกับเด็กมาฟ้องหมู่เฟยเรื่องข้าอีก!”
ท่านอ๋องน้อยที่นั่งอยู่ข้างพระชายาเว่ยอ๋องย้อน “ข้าหาได้ฟ้องหมู่เฟยเรื่องเจ้าไม่ เพียงแต่กำลังพยายามตรองดูว่าอาหารเช่นใดกันที่มาล่อลวงน้องสาวตัวน้อยสุดที่รักของข้าได้!”
องค์หญิงต้วนเจี่ยจ้องท่านอ๋องน้อยเขม็ง ก่อนจะนั่งลงอีกด้านของพระชายาเว่ยอ๋อง “หมู่เฟย ในอีกสองสามวันลูกอยากจะเชิญผู้หนึ่งมาที่จวนเรานะเพคะ”
พระชายาเว่ยอ๋องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน เปล่งรัศมีสูงส่ง รอยยิ้มเบาบางปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก “ใช่ผู้ที่มอบขนมนั่นแก่เจ้าหรือไม่?”
องค์หญิงต้วนเจี่ยยิ้มเลศนัย “ลูกยังมิอาจบอกหมู่เฟยได้! เมื่อนางมาถึงท่านก็จะทราบเองเพคะ!”
พระชายาเว่ยอ๋องดีดหน้าผากบุตรีของตนด้วยความเอ็นดู “หมู่เฟยไม่ห้ามเจ้ามีเพื่อนหรอก เพียงแต่อย่าลืมฐานะของตนเป็นพอ”
กลับมาที่จวนจิ่งอัน พ่อบ้านใหญ่เรือนนอกได้สั่งให้หมัวมัวนำจดหมายสองฉบับไปส่งที่เรือนซงเถาก่อนเวลามื้อเย็น หนึ่งในนั้นยังมีกล่องของขวัญใบน้อยแนบติดมาด้วย
ฉู่เหลียนรับจดหมายมาก่อนจะเปิดอ่านดูเนื้อหาที่ด้านใน
ฉบับหนึ่งมาจากหยางฮูหยิน อีกฉบับนั้นมาจากองค์หญิงต้วนเจี่ย
ในส่วนของหยางฮูหยินพบว่ากำไลปะการังอันเลอค่าถูกส่งกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับใจความสำคัญในจดหมายที่สื่อว่า ถึงจะอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นของขวัญที่ตั้งใจจะมอบให้ จึงไม่อาจรับคืนได้ และจงเก็บของชิ้นนี้ไว้ให้ดี หากได้พบกันในภายหน้าขอเพียงทำขนมอย่างอื่นมามอบให้นางแทนบ้างเท่านั้น
แม้หยางฮูหยินจะมิได้เขียนตรง ๆ ว่าให้ไปเยี่ยมเยียนได้ แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีของฉู่เหลียนแล้ว นับว่านี่จัดเป็นเครือข่ายที่ชั้นเยี่ยมของนางได้ทางหนึ่ง
แต่สิ่งที่ฉู่เหลียนเห็นว่าแปลกกลับเป็นจดหมายจากองค์หญิงต้วนเจี่ย
ที่แท้องค์หญิงต้วนเจี่ยส่งจดหมายเทียบเชิญให้นางไปร่วมสังสรรค์ที่จวนเว่ยอ๋อง
ฉู่เหลียนยังจำได้ว่ายามอยู่จวนติ้งหยวนนั้น องค์หญิงต้วนเจี่ยดูคล้ายจะประสงค์ดีต่อนางอย่างน่าประหลาดใจ นางนิ่วหน้าเล็กน้อย กระนั้นในนิยายก็มีเขียนถึงองค์หญิงต้วนเจี่ยเพียงไม่กี่ครั้ง ทั้งนางยังมิได้ปรากฏตัวในฉากที่ฉู่เหลียนอ่านไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าองค์หญิงผู้นี้เป็นคนเช่นไร หรือจวนเว่ยอ๋องมีลักษณะเป็นอย่างไร
ทว่าในเมื่อองค์หญิงเป็นผู้ส่งเทียบเชิญมา ปฏิเสธไปย่อมไม่ดีแน่ในขณะที่เมืองหลวงนี้มีสตรีมากมายที่อยากคบหาสมาคมกับองค์หญิงต้วนเจี่ยแต่ก็ไม่มีผู้ใดได้รับโอกาสเช่นนาง อีกประการหนึ่ง ฉู่เหลียนก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับอีกฝ่าย จึงไม่มีเหตุให้ต้องปฏิเสธ
ทางฝั่งกุ้ยหมัวมัวและจงหมัวมัวเมื่อได้เห็นคำเชิญนั้นจากองค์หญิงต่างก็พากันยินดี
องค์หญิงต้วนเจี่ยขึ้นชื่อเรื่องความเหินห่างจากเหล่าวงสังคมชั้นสูง นางอาจจะปรากฏตัวให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของฝูงชนเพียงนาน ๆ ครั้งพร้อมกับองค์หญิงท่านอื่น แต่ก็มิได้มีมิตรสหายที่สนิทสนม นอกจากนั้นเว่ยอ๋องเองก็เป็นผู้ได้รับความเคารพต่อหมู่ขุนนางทั้งหลาย ดังนั้นหากฉู่เหลียนสามารถคบค้ากับองค์หญิงต้วนเจี่ยได้ ก็อาจส่งผลให้จวนจิ่งอันประหนึ่งได้ยกระดับทางสังคมขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
วันนี้ทุกคนมารวมตัวกันรับประทานอาหารเย็นที่เรือนชิ่งสี่ เมื่อฉู่เหลียนมาถึงที่ทางเข้า ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาจากภายใน
นางก้าวเข้าเรืยนด้วยความสงสัย เฮ่อเหล่าไท่จวินโบกมือเรียกนาง “หลานสะใภ้สามมานี่สิ พวกเรากำลังคุยเรื่องเจ้ากันอยู่!”
ฉู่เหลียนทักทายผู้อาวุโสทุกคนอย่างนอบน้อม ก่อนจะถูกเฮ่อเหล่าไท่จวินดึงตัวไปนั่งบนเก้าอี้นุ่มข้างกายที่ต่ำลงมาระดับหนึ่ง
“ท่านย่า คุยเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหลานหรือเจ้าคะ?” ดวงตากลมโตอยากรู้อยากเห็นนั้นทำให้เฮ่อเหล่าไท่จวินยิ้มอีกครั้ง
“พี่ใหญ่เจ้าเพิ่งจะเล่าเรื่องซิ่วท้อที่เจ้าทำในจวนติ้งหยวน! วันนี้ย่าได้ลองทานเองแล้วจึงรู้ว่ารสชาติดียิ่งนัก!”
ฉู่เหลียนยิ้มรับ “ท่านย่าชอบก็ดีแล้วเจ้าค่ะ! ถึงวันเกิดท่านย่า หลานจะทำของที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้ให้เจ้าค่ะ!”
“ซิ่วท้อนั่นยังมิใช่สิ่งดีที่สุดแต่ยังจะมีของที่น่าสนใจกว่านี้อีก!”
ทุกคนในห้องหัวเราะร่วมกัน ดวงตาคมกริบของฉู่เหลียนตวัดผ่านสมาชิกแต่ละคนก่อนจะเห็นในดวงตาของโจวซื่อที่ดูไม่มีความสุขนัก นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้พี่ใหญ่กลับเร็วเป็นพิเศษ แต่ข้ายังได้ยินมาอีกว่าวันนี้เราจะมีเนื้อกวางให้ทานกันด้วย! หลานรอไม่ไหวแล้ว!”
หลังจากนางเปลี่ยนเรื่องได้สำเร็จก็ลอบมองพี่สะใภ้ใหญ่อีกครั้ง และเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายดีขึ้น
ทว่าเฮ่อฉางฉีกลับเป็นผู้ราดน้ำมันลงกองไฟ “น้องสะใภ้สาม เจ้าทำขนมดี ๆ ได้ เช่นนี้เจ้ารู้วิธีทำเนื้อกวางที่ดีกว่านี้หรือไม่?”
ฉู่เหลียนร่ำไห้ในใจ ขณะที่โจวซื่อดูเริ่มจะไม่ชอบนางแล้ว พี่ใหญ่กลับยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์อันดีนี้ยิ่งร้าวฉานขึ้นไปอีก
“เนื้อกวางเป็นของหายากเจ้าค่ะ น้องสะใภ้จึงไม่ทราบสูตรลับการทำเนื้อกวางเลย”
เมื่อฉู่เหลียนกล่าวจบ สีหน้าเฮ่อฉางฉีก็ดูผิดหวังขึ้นมาทันใด
จากนั้นทั้งครอบครัวก็ทานอาหารร่วมกัน ฉู่เหลียนไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่รู้สึกว่าถูกแย่งความรักความเอ็นดูจากคนในตระกูลไป เลยไม่พูดอะไรมากนักระหว่างทาน ยกเว้นแต่เมื่อต้องตอบคำถามของเหล่าไท่จวินเท่านั้น
เมื่อกลับถึงเรือนซงเถาแล้ว ฉู่เหลียนก็ตบอกตัวเองด้วยความโล่งใจโดยไม่สนภาพลักษณ์สวยหวานของตนแม้แต่น้อย
เหตุการณ์เมื่อครู่ทำเอานางกลัวขึ้นมาหน่อย ๆ เลยนะ! ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ขนมเล็กน้อยพวกนั้นจะทำให้พี่สะใภ้ใหญ่อิจฉาได้แล้ว ดูเหมือนหนทางสู่ชีวิตการนั่ง ๆ นอน ๆ อันแสนสุขที่เรือนในดูจะไม่ง่ายอีกต่อไป
ฉู่เหลียนยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของกำไลปะการังจากหยางฮูหยินและคำเชื้อเชิญขององค์หญิงต้วนเจี่ยต่อหน้าคนในตระกูล นางยังคงสงสัยอยู่ว่าหากกล่าวออกไป โจวซื่อจะเข้าใจผิดหรือไม่จนถึงตอนนี้
คิดแล้วคิดอีก ในที่สุดฉู่เหลียนก็ตัดสินใจจะแจ้งเหล่าไท่จวินเมื่อไปคารวะตอนช่วงเช้าในวันถัดไปเพียงลำพัง
องค์หญิงต้วนเจี่ยเชิญนางไปพบที่จวนในวันที่ยี่สิบหกเดือนนี้ ยังมีเวลาเตรียมการอีกสองวัน นับว่ามิได้เร่งด่วนจนเกินไปนัก
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816