ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 53 ระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้น
ฉู่เหลียนไม่รู้หรอกว่าการที่นางตัดสินใจตกรางวัลให้แก่บ่าวไพร่เพื่อให้เรือนสงบสุขนั้นจะช่วยดับไฟในใจของสาวใช้คนหนึ่งได้
เมื่อทุกคนได้รับเครื่องประดับเงินที่ถูกสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษแล้ว สีหน้าของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงและยินดี
บรรดาสาวใช้ต่างพินิจรางวัลของตนทีละชิ้น ก่อนจะรู้ได้ทันทีว่าของเหล่านี้มิใช่เครื่องประดับธรรมดา
ประการแรก ของทุกชิ้นถูกทำขึ้นอย่างประณีต ประการต่อมา ของทุกชิ้นถูกออกแบบมาด้วยความใส่ใจ แลดูน่ารักเสียจนตัดใจนำไปขายต่อไม่ลง
สำหรับบ่าวไพร่ในจวน ส่วนมากพวกนางเพียงแต่สวมต่างหูเงินหยาบ ๆ ดังนั้นเครื่องประดับที่ดีที่สุดจึงเป็นต่างหูที่สลักลายง่าย ๆ ทว่าเครื่องประดับที่นายหญิงสามให้นั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ต่างหูเหล่านี้มีขนาดพอดี ทั้งยังมีรูปร่างหลากหลาย ทั้งใบซันเย่เฉ่า ผลท้อ หัวใจ…และยังมีลวดลายอีกมากมายที่ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่ล้วนงดงามทั้งนั้น!
บรรดาสาวใช้เมื่อได้รับไปต่างก็รีบสวมใส่ทันที
เครื่องประดับที่ประณีตเหล่านี้ ย่อมมีเพียงหอซุ่ยหยินแห่งเมืองหลวงเท่านั้นที่ทำได้!
นายหญิงสามตั้งใจทำรางวัลให้บ่าวไพร่ด้วยใจจริง
อันที่จริงบ่าวไพร่ล้วนแต่คิดว่าการรับใช้บ้านสามจวนจิ่งอันนั้นไร้อนาคตเสียแล้ว เนื่องจากนายหญิงสามมิได้มีสถานะใดสูงส่งนัก เป็นเพียงสตรีจากจวนอิ้งที่ขึ้นชื่อเรื่องการให้กำเนิดบุตรชายเท่านั้น นอกจากนั้นก็มิได้ดูมีคุณสมบัติอื่นใดที่เข้าตาจวนจิ่งอันแม้แต่น้อย ซ้ำแต่งเข้าได้เพียงไม่กี่วันคุณชายสามก็ละทิ้งไปเสียแล้ว ดังนั้นบ่าวไพร่จึงยิ่งเกียจคร้านไม่ทำหน้าที่ของตน
ทว่าดูจากของขวัญที่นายหญิงมอบให้วันนี้และคำกล่าวอันเด็ดขาดของแม่นางฉีเยี่ยนแล้ว พวกนางย่อมต้องทุ่มเทแรงกายและใจเพื่อทำงานนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปอย่างแน่นอน
การได้รับเครื่องเงินเป็นของรางวัลมิใช่เรื่องธรรมดาสำหรับบ่าวไพร่ ดูจากมารดาของไป่ฉาเป็นตัวอย่างก็ได้ ที่แม้ทำงานรับใช้จวนจิ่งอันมาตลอดชีวิตก็ได้รับเพียงเครื่องประดับเงินสองสามชิ้นเท่านั้นจากฮูหยินผู้เฒ่ายามเพิ่งแต่งงาน
หลังจากที่ฉีเยี่ยนแจกของเสร็จ นางก็กลับไปรายงานฉู่เหลียนที่ห้องหนังสือ
ฉู่เหลียนวางสมุดบัญชีลงและยืนขึ้น นางหยิบกล่องที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาและเดินออกไปห้องด้านนอก ก่อนจะเรียกจงหมัวมัว กุ้ยหมัวมัว และสาวใช้ส่วนตัวทั้งสี่มาหา
นางวางกล่องลงเบื้องหน้าบ่าวส่วนตัว “ข้าเตรียมสิ่งนี้ไว้เป็นพิเศษให้พวกเจ้า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นคนที่ข้าไว้ใจที่สุด ดังนั้นข้าย่อมไม่ลืมรางวัลของพวกเจ้าแน่!”
เดิมทีฝูเยี่ยนยังสงสัยอยู่ว่าเหตุใดสาวใช้ระดับล่างเหล่านั้นต่างได้รับของรางวัล ขณะที่นางและสาวใช้ส่วนตัวกลับไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว นางมิได้คาดว่านายหญิงสามจะเตรียมส่วนแบ่งของพวกนางไว้ และรอมอบให้พวกนางอยู่เช่นนี้
ฝูเยี่ยนเห็นเครื่องประดับเงินที่แจกจ่ายทั้งหมด ล้วนแต่ทำมาอย่างประณีต รูปลักษณ์งดงามหายาก เพียงแค่มองก็ยังอดกลั้นความต้องการไม่ได้
ในขณะที่จงหมัวมัวมีท่าทีเหมือนดังเช่นกุ้ยหมัวมัวเมื่อวานนี้ นางมองฉู่เหลียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคัดค้าน
เหตุใดนายหญิงสามทำเช่นนี้? ตกรางวัลมากมายทันทีที่เพิ่งเข้าจวน ย่อมเป็นการใช้เงินฟุ่มเฟือยจนเกินไป
ทว่านางมิได้กล่าวออกมา และทำเพียงบันทึกภาพจำทั้งมวลไว้ในใจ เพื่อเตรียมรายงานเรื่องเหล่านี้ในจดหมายที่จะส่งให้แก่คุณชายสาม
เวิ่นฉิงและเวิ่นหลานเป็นเพียงสาวใช้ขั้นสอง แน่นอนย่อมไม่ได้รับส่วนแบ่งเช่นเดียวกับสาวใช้ส่วนตัวของฉู่เหลียน
“มานี่สิ ลองดูว่าเจ้าชอบชิ้นไหนที่สุด!”
เมื่อกล่องเปิดออก ต่างหูสองคู่และแหวนภายในก็เผยให้เห็น
ในนั้นยังมีเครื่องประดับที่ออกแบบให้ดูดั้งเดิมและมีส่วนผสมของเนื้อทองมากกว่า ฉู่เหลียนเตรียมไว้สองชุดสำหรับหมัวมัวทั้งคู่
ส่วนที่เหลือออกแบบมาให้ดูแปลกใหม่และน่ารักเหมาะสมกับสาว ๆ
ภายในกล่องนั้นยังมีต่างหูคู่หนึ่งรูปทรงคล้ายดอกท้อ ดูงดงามยิ่ง หากได้ลองใส่ต้องยิ่งดูดึงดูดเป็นแน่แท้ กลีบดอกท้อทองคำดูบอบบางและยังเปล่งประกายรับกับรูปทรงของใบหูสตรี
ต่างหูและแหวนเหล่านั้นมีลวดลายตรงตามที่ฉู่เหลียนได้ออกแบบเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน และไม่ได้ใช้ทองมากเกินไป ทั้งหมดนี้ใช้แค่เพียงหลอมปิ่นปักผมทองคำจากเครื่องประดับในวัยเด็กของนางไปสองอันเท่านั้น
มูลค่าของเครื่องประดับทองนั้นแท้จริงแล้วอยู่ที่การออกแบบอันโดดเด่นหายากทั้งสิ้น
ทั้งสองอย่างล้วนเหมาะสมกับฉีเยี่ยนและสตรีคนอื่น ๆ ยิ่งนัก
เหล่าสาวใช้กระโดดดีอกดีใจ จงหมัวมัวมองต่างหูและแหวนในมือของนาง ลอบแค่นเสียงในใจอย่างเย่อหยิ่ง
นายหญิงสาม ต่อให้ท่านติดสินบนข้าเช่นนี้ ข้าก็ยังคงรายงานทุกสิ่งให้คุณชายสามทราบ ทุกคำ!
ข้าย่อมไม่แสร้งเล่าเรื่องไม่ดีให้เป็นดีเพื่อท่านแน่!
ฉู่เหลียนยิ้ม และโบกมือไล่ให้ทุกคนกลับไปทำงานของตน
เพียงชั่วพริบตา ก็ถึงวันเยือนจวนเว่ยอ๋องแล้ว
ฉู่เหลียนตื่นแต่เช้าและทำหมี่ซั่วไก่ฉีกให้แก่ตัวเองในวันเกิด และยังได้รับผ้าปักเป็นของขวัญจากสาวใช้อีกด้วย
เมื่อมาถึงเรือนชิ่งสี่เพื่อคารวะเช้าแล้ว เฮ่อเหล่าไท่จวินก็มอบผ้าไหมสีฟ้าทะเลสาบให้นางพับหนึ่ง กระทั่งฮูหยินจิ่งอันป๋อที่ป่วยติดเตียงก็ยังให้เมี่ยวเจินส่งเซนฉะมาให้หนึ่งจิน แต่มีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่อย่างโจวซื่อที่มิได้มอบสิ่งใดให้
เมื่อกล่าวอำลาแก่เฮ่อเหล่าไท่จวินแล้ว ฉู่เหลียนก็รีบขึ้นรถม้า และนำเอาของว่างที่นางทำเมื่อเช้าติดตัวไปจวนเว่ยอ๋องด้วย
กลับมาที่เรือนชิ่งสี่ โจวซื่อเพิ่งจะนำบุตรสาวสองนางมาคารวะเช้า
เฮ่อเหล่าไท่จวินนิ่วหน้าเล็กน้อยและทดสอบนางด้วยคำถาม “หลานสะใภ้ใหญ่ วันนี้มีโอกาสพิเศษอะไร เจ้าจำได้หรือไม่?”
เนื่องจากวันนี้อากาศร้อน โจวซื่อจึงเหม่อลอยไปเล็กน้อยตั้งแต่ตื่นนอน ได้ยินดังนี้จึงถามกลับอย่างสงสัย “โอกาสพิเศษหรือเจ้าคะ?”
เหล่าไท่จวินเห็นอีกฝ่ายมิได้ตอบสนองการทดสอบของตนแม้แต่น้อย นางจึงวางถ้วยชาลง “ไม่มีอะไร บางทีความจำข้าคงเลอะเลือนด้วยวัยชรากระมัง”
โจวซื่อรีบปลอบทันที “ท่านย่า ร่างกายท่านยังแข็งแรงดียิ่ง จะเลอะเลือนได้อย่างไรเจ้าคะ? หลานสะใภ้ลืมเลือนสิ่งใดไปหรือไม่? หลานต้องให้ท่านย่าเตือนแล้ว!”
เหล่าไท่จวินมองหลานสะใภ้ของตน โจวซื่อแต่งเข้าจวนจิ่งอันเกือบสิบปีแล้ว แม้นางจะมิได้เก่งกาจด้านการจัดการภายในจวน แต่ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และไม่พบความผิดพลาดใด จนกระทั่งภรรยาซานหลางตบแต่งเข้าจวนมา
เหล่าไท่จวินลอบสังเกตมาได้สองสามวันแล้ว ช่วงนี้ภรรยาต้าหลางดูจะซูบซีด ทั้งยังทำงานได้ไม่เป็นระเบียบ ไม่เต็มที่เหมือนอย่างเคย ราวกับคนไม่ค่อยมีสมาธิ ทั้งยังลืมวันเกิดภรรยาซานหลางอีกด้วย
ในจวนมีสมุดเล่มหนึ่งที่จดบันทึกวันเกิดเจ้านายในจวนเอาไว้ทุกคน เมื่อถึงวันเกิดใครก็จะต้องมอบเงินกองกลางให้บ้านนั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองทางหนึ่ง
เฮ่อเหล่าไท่จวินจิบชาอีกหนึ่งอึก และยังคงเงียบงัน
โจวซื่อจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น “ท่านย่า หลานได้ยินบ่าวรายงานว่าวันนี้น้องสะใภ้สามออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ?”
เหล่าไท่จวินพยักหน้ารับ “ภรรยาซานหลางได้รับเทียบเชิญจากองค์หญิงต้วนเจี่ย วันนี้จึงไปจวนเว่ยอ๋องเพื่อร่วมพบปะสังสรรค์”
อะไรนะ!
องค์หญิงต้วนเจี่ย!
ทันใดนั้นโจวซื่อก็ถูกอารมณ์หลากหลายโหมกระหน่ำซัดดั่งพายุ นางย่อมทราบดีว่าเว่ยอ๋องมีอิทธิพลเช่นไร!
เว่ยอ๋องทรงเป็นพระอนุชาของฮ่องเต้ ทรงเป็นท่านอ๋องลอยชาย ยามฮ่องเต้ต่อสู้ชิงบัลลังก์กับองค์ชายองค์อื่น ๆ ทั้งยังช่วยสนับสนุนพระองค์มากมายนัก แต่ยามฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ เว่ยอ๋องได้ส่งมอบอำนาจทั้งหมดในมือคืนแก่ฮ่องเต้ และร้องขอให้ตนได้เป็นเพียงอ๋องที่อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ รวมถึงความรู้สึกผิดต่อเว่ยอ๋องผู้เป็นพี่น้องร่วมอุทรจากมารดาเดียวกัน ฮ่องเต้จึงเคารพพระอนุชาผู้นี้อยู่มากนัก อีกทั้งองค์หญิงต้วนเจี่ยทรงเป็นพระธิดาเพียงองค์เดียวของเว่ยอ๋อง นางจึงได้รับการปฏิบัติเทียบได้กับองค์หญิงในฮ่องเต้ทีเดียว
แม้เว่ยอ๋องจะมิได้มีอำนาจใด แต่ก็นับว่าเป็น ว่าที่ผู้นำผู้หนึ่งอย่างเป็นทางการ
เหตุใดโจวซื่อจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสะใภ้สามได้รับเทียบเชิญไปจวนเว่ยอ๋องเล่า?
โจวซื่อตกตะลึงเสียจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองเฮ่อเหล่าไท่จวินอยู่เช่นนั้น
สีหน้าเหล่าไท่จวินยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยยามนางกล่าว “องค์หญิงต้วนเจี่ยส่งคนมาเทียบเชิญตั้งแต่สองวันก่อน ข้าลืมเอ่ยถึง มิใช่ความผิดของภรรยาซานหลางเลย”
ได้ยินเหล่าไท่จวินอธิบายเช่นนั้น ดวงตาโจวซื่อก็หม่นลง
นางยังนั่งอยู่ตรงนั้นต่ออีกเกือบหนึ่งเค่อ ก่อนจะจากไปพร้อมบุตรีทั้งสองของตน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816