ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 73 อ่านจดหมายจากบ้าน (2)
เฮ่อซานหลางสูดหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นความโกรธไร้สิ้นสุดของตนที่กำลังก่อตัว และเมื่อใจเย็นลงได้ เขาจึงหยิบเอาภาพวาดเหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเริ่มดูอย่างละเอียด
ภาพที่ฉู่เหลียนวาดนั้นเป็นแบบมังงะสี่ช่องของยุคปัจจุบัน แม้นางจะไม่เขียนแม้แต่อักษรเดียว ทว่าก็สามารถสื่อถึงสิ่งที่นางต้องการได้เป็นอย่างดี นับว่าไม่มีตัวอักษรก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อเนื้อหา
ในการวาดภาพเหล่านี้ ตัวเอกหญิงสุดน่ารักก็คือฉู่เหลียนเอง ทุก ๆ หน้า เด็กหญิงคนนี้จะมีท่าทางและสีหน้าที่แตกต่างกัน บางทีโมโห บางทีโอหัง บางทีจริงใจ
สีหน้าและอารมณ์ทำให้เด็กหญิงคนนี้ดูมีชีวิตชีวา แม้ว่าภาพวาดของนางจะดูเรียบง่ายแต่กลับน่าดึงดูด และชวนให้รู้สึกราวกับได้ใกล้ชิดกับผู้วาดมากขึ้น
อันที่จริง เหตุที่ฉู่เหลียนตัดสินใจวาดการ์ตูนเหล่านี้แทนที่การเขียนจดหมาย เป็นเพราะเกรงว่าจะเผยลายมือของตนเองออกไปและทำให้ผู้อ่านเกิดความสงสัยในตัวนาง จึงไม่มีทางเลือกใด
เนื้อหาของแต่ละภาพค่อนข้างสุ่ม อาจเพราะนิสัยนักวาดมืออาชีพในชาติที่แล้ว จึงทำให้ในแต่ละแผ่นมีใจความแตกต่างกัน และจะเน้นเฉพาะสิ่งน่าสนใจที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของนางเป็นหลัก
ในหนึ่งภาพสื่อออกมาได้มากกว่าพันคำ ซึ่งเข้าใจง่ายกว่าการอ่านตัวอักษรมาก แต่ภาพวาดแบบมังงะนี้ยังไม่เคยมีปรากฏในราชวงศ์อู่มาก่อน
ระหว่างดูภาพวาดเหล่านี้ เฮ่อฉางตี้ก็รู้สึกเหมือนเขาสามารถเห็นภาพฉู่เหลียนในแต่ละวันได้ เด็กหญิงผู้มีชีวิตชีวา สบายอกสบายใจผู้นี้ดูช่างแตกต่างจากสตรีเหลี่ยมจัด หลอกลวง และเลวร้ายผู้นั้นที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ชั่วขณะต่อมา เขาก็เบิกตาโพลง เกลียดตัวเองยิ่งนักที่ใจรวนเรไปมาอยู่ตลอด เฮ่อซานหลางหายใจเข้าลึกเพื่อเก็บกักความรู้สึกแปลกประหลาดเอาไว้ ก่อนจะดูภาพสุดท้าย
ในภาพนี้ เด็กหญิงตัวน้อยที่เกล้ามวยผมสองข้างนั่งอยู่บนเก้าอี้ เผชิญหน้ากับสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข สตรีวัยกลางคนผู้นั้นมีรอยยิ้มเอื้ออารี ทั้งยังมีจุดแดง ๆ บนแก้มซ้ายของใบหน้ากลม ๆ ในขณะที่มีสาวใช้คนหนึ่งกำลังรินน้ำชาให้ ที่เหนือศีรษะของเด็กหญิงผมมวยถูกวาดให้ดูคล้ายกับมีฟองบทสนทนาที่ไร้ซึ่งตัวหนังสืออยู่บนนั้น ทว่ากลับมีภาพของสตรีชั้นสูงผมสีดอกเลาที่ดูโดดเด่นอีกผู้หนึ่งอยู่แทน
สตรีชั้นสูงผู้นั้นดูใจดี แต่ก็ดูไม่ออกว่าเป็นใคร สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของนางคือเครื่องประดับศีรษะเฟิ่งหวง และปิ่นเฟิ่งหวงเก้าหาง รอยยิ้มของนางดูงดงามเปล่งรัศมีดั่งเซียน ที่มือนั้นถูกวาดคล้ายกำลังชูนิ้วโป้งขึ้น
จากภาพนี้ดูปราดเดียวก็ทราบได้ว่าเด็กหญิงผมมวยนั่นคือฉู่เหลียน สตรีผู้ไม่ละอายที่บังอาจวาดตนเองให้น่ารักกว่าใคร ส่วนฉากหลังที่ถูกวาดนั้น มองเพียงครู่เดียวเฮ่อฉางตี้ก็ทราบว่าคือจวนติ้งหยวนนั่นเอง
สตรีวัยกลางคนที่มีปานแดงบนหน้า…ใคร ๆ ในเมืองหลวงก็ทราบดีว่านายกองกัวนั้นมีภรรยาขี้ริ้วขี้เหร่ ทว่านายกองกัวกลับมองข้ามสิ่งเหล่านั้นและปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ เท่าเทียม ทั้งยังไม่รับอนุ โดยทั้งคู่มีบุตรชายสองคนและบุตรสาวสามคน
ส่วนสตรีสูงศักดิ์ในฟองความคิดนั้นชัดเจนยิ่ง ย่อมต้องเป็นไทเฮาพระองค์ปัจจุบัน
ในราชวงศ์อู่ยังมีกฎอยู่ว่ามีเพียงไทเฮาเท่านั้นที่สามารถสวมใส่เฟิ่งหวงเก้าหางได้ กระทั่งฮองเฮายังสวมได้เพียงเจ็ดหางเท่านั้น
เหมือนว่าฉู่เหลียนจะพูดคุยกับภริยานายกองกัวอย่างสนุกสนาน ขณะที่ไทเฮาเองก็ยินดีสนับสนุน
หืม? สตรีร้ายกาจผู้นั้นกำลังจะบอกอะไรเขากันนะ?
กองทัพชายแดนเหนือนี้อยู่ใต้บังคับการของลู่กงเจว๋กับแม่ทัพเฉียน ส่วนนายกองกัวเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา แม้นายกองกัวจะมิได้มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา ทว่าเขาก็ยังได้ใกล้ชิดกับแม่ทัพเฉียน
เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในกองทัพชายแดนเหนือล้วนแต่มีอำนาจโดยแท้ นายกองกัวนั้นกล้าหาญดุดัน เก่งกาจการรบ ทั้งยังเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา ถือได้ว่าเป็นผู้นำที่ดีคนหนึ่ง เขายังรักและปกป้องคนของตนเอง ไม่ขโมยความชอบของใคร แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่คนผู้นี้กลับใจร้อนหุนหันพลันแล่น ด้วยจุดอ่อนนี้เอง แม่ทัพเฉียนจึงมิได้มอบหมายหน้าที่สำคัญแก่เขา
เฮ่อฉางตี้ย่อมไม่ทราบความลับทางการทหารเหล่านี้ หากมิใช่เพราะตนเคยประสบมาแล้วชาติหนึ่ง
หากเขาสนับสนุนผู้นำเช่นนี้และช่วยเหลือนายกองกัวด้วยทรัพยากรที่มี แม่ทัพเฉียนย่อมสามารถเห็นพัฒนาการของนายกองกัวได้แน่ เมื่อใช้โอกาสนั้น เขาย่อมสามารถแนะนำตนเองกับลู่กงเจว๋ และได้รับโอกาสเพิ่มความชอบได้!
นี่เป็นสิ่งที่เฮ่อฉางตี้วางแผนไว้กับตนเอง ช่วงหลายวันมานี้เขาวุ่นวายกับการสร้างสัมพันธ์กับกองทัพชายแดนเหนือ ซึ่งทั้งหมดนี้เขาทำไปเพียงเพื่อหวังได้เข้าทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายกองกัว และแน่นอนว่าเขามิได้เอ่ยเรื่องเหล่านี้กับใคร แม้แต่กับจิ่นอ๋องเองก็ยังไม่ทราบ ทว่าสตรีร้ายกาจผู้นั้นกลับคิดเช่นเดียวกับเขา!
เฮ่อซานหลางยืนยันแล้วว่าฉู่เหลียนมิได้มีประสบการณ์จากชาติก่อนเช่นเดียวกับเขา จึงแน่ใจว่าฉู่เหลียนผู้นี้ย่อมต้องไม่ทราบเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เช่นนั้นเหตุใดนางจึงส่งจดหมายคลุมเครือบอกใบ้เหล่านี้มาเล่า?
มิใช่ว่า ‘รักแท้’ ของนางคือเซียวอู่จิ้งหรอกหรือ?
ขณะนั้น ฉู่เหลียนที่กำลังหลับสบายอยู่ในเรือนซงเถาไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางกลับทำให้เฮ่อฉางตี้เกิดความวิตก หวาดระแวงเสียจนแทบจะทึ้งผมตนเองหมดหัวเพราะความเป็นไปได้อันหลากหลายนี้
นางย่อมไม่มีตาทิพย์ และนางก็มิได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ดังนั้นเฮ่อฉางตี้จึงคิดได้เพียงว่าสตรีร้ายกาจฉู่เหลียนผู้นั้นเฉียบคมกว่าที่เขาเคยคิดอยู่มากนัก
เขามิคาดว่านางจะยังซุกซ่อนความเฉลียวฉลาดเอาไว้ เมื่อนึกถึงชาติที่แล้ว ความลึกลับนี้กลับลบล้างความรู้สึกขอบคุณที่เขามีต่อนางไปหมดสิ้น เหลือเพียงความหวาดระแวงที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
หากฉู่เหลียนทราบว่าภาพวาดของนางจะนำพาความยุ่งยากมาให้ตน นางย่อมกระเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วทุบ ๆ ๆ เบาะนอนหลายครั้งแน่
ขอร้องล่ะ สามีที่รัก สมองเจ้ายังปกติอยู่ไหม? โดยปกติถ้าภรรยาทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ ท่านควรยกย่องชื่นชมนาง รักนางให้มากไม่ใช่หรือ? ไหนล่ะคำชมสักคำสองคำว่าข้าฉลาดมีคุณธรรม? ไหงถึงได้คิดอะไรที่ตรงกันข้ามเล่า?
เฮ่อฉางตี้ม้วนจดหมายเก็บเข้าซองหนังขนาดใหญ่ จากนั้นก็ถือมันเดินไปยังเตาไฟที่ลุกโชติช่วง
สะบัดมือเพียงครั้ง ซองจดหมายก็ลอยไปอยู่ในเตา ถูกโอบล้อมด้วยเปลวเพลิง เมื่อเขาเห็นจดหมายเริ่มติดไฟ ทันใดนั้นดวงตาเฮ่อซานหลางก็หม่นลง เขายื่นมือเข้าไปดึงซองจดหมายนั้นออกมาโดยเร็ว
นับว่าเมื่อครู่นี้เป็นเหตุการณ์อันระทึกใจ เมื่อเฮ่อซานหลางเห็นรอยไหม้เล็ก ๆ บนมุมซอง ในใจก็เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้น
ภาพวาดที่อยู่ภายในซองปรากฏขึ้นในใจเขา
สตรีร้ายกาจผู้นั้นพยายามบอกใบ้เขาหรือไม่? หรือบางทีความจริงอาจมิได้ดำมืดดังที่เขาคิด?
ความคิดนั้นสับสนวุ่นวายในหัว จากนั้นจึงโยนซองจดหมายลงในกล่องไม้ให้พ้นจากสายตา และให้พ้นจากใจ
ฉู่เหลียนฝึกคัดอักษรในห้องหนังสือของตนไปได้สองหน้า และทำลายหลักฐานในทันที ก่อนจะลองสวมชุดพิธีการชุดใหม่ โดยมีกุ้ยหมัวมัวจดบันทึกส่วนที่ไม่พอดี เพื่อนำไปปรับขนาดในภายหลัง
ขณะไปคารวะเช้าตามปกติ ฉู่เหลียนก็ได้ขอเฮ่อเหล่าไท่จวินออกไปข้างนอกเพื่อไปเยี่ยมชมภัตตาคารกุ้ยหลิน นางอยากเห็นกับตาตัวเองว่าขณะนี้ร้านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
เมื่อจัดการสิ่งที่ต้องทำเสร็จแล้ว ฉู่เหลียนก็เปลี่ยนไปใส่ชุดสีฟ้าเรียบ ๆ ก่อนจะนำเวิ่นหลานและเวิ่นฉิงไปที่ด้านนอกด้วยกัน นางนั่งรถม้าที่ทางจวนตระเตรียมไว้ให้และมุ่งหน้าไปยังร้านกุ้ยหลินโดยมีสาวใช้และองครักษ์เพียงไม่กี่คน
ภัตตาคารกุ้ยหลินตั้งอยู่ในเขตตลาดเก่าทางตะวันตก ระยะทางค่อนข้างห่างไกลจากจวนจิ่งอันนัก อีกทั้งเส้นทางก็แย่นักทั้งเล็กทั้งคดเคี้ยว กว่าจะถึงที่นั่นใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม