ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 80 ตกเหยื่อ ล่อของขวัญ
คุณหนูหยวนลอบคิดอยู่ฝ่ายเดียว ดูเหมือนว่าฉู่เหลียนจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบายยามแต่งออกจวน!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ความโมโหที่คุณหนูหยวนมีต่อคุณหนูซูและคุณหนูฟู่ก่อนหน้าก็หายไปทันที
ฉู่เหลียนพยักหน้าทักทายให้เหล่า ‘พี่น้อง’ ยามนี้ได้บรรดาศักดิ์แล้วคงไม่จำเป็นต้องทำท่าทางให้มากพิธีต่อพวกนาง
คุณหนูซูเชื้อเชิญให้ฉู่เหลียนเข้าหอจิ้นฉือ ทว่าคุณหนูหยวนกลับมีท่าทีที่ไม่ปกติ ปรี่เข้ามากระแทกตัวเวิ่นหลานให้ออกไป ก่อนจะคล้องแขนและเรียกฉู่เหลียน ‘พี่หญิงหก’
ฉู่เหลียนขนลุกทั่วร่างเพราะน้ำเสียงของคุณหนูหยวนที่พยายามสื่อเหมือนเราสองพี่น้องสนิทสนมใกล้ชิดผิดวิสัยนั่น นางจ้องมองมือของคุณหนูหยวนที่เกาะเกี่ยวแขนซ้ายไว้แน่น ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเป็นมองไม่เห็นท่าทางรำคาญใจของนาง และยังแสร้งต่อคล้ายว่าพวกนางสนิทกันพลางเอ่ยหยอกล้อ “พี่หญิงหก ข้าได้ยินมาว่าท่านเพิ่งได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์! ทว่าน้องไม่มีเวลาไปเยี่ยมเยือนท่านที่จวนจิ่งอันเพื่อแสดงความยินดีเลย ท่านคงไม่กล่าวโทษน้องใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ฉู่เหลียนแค่นหัวเราะในใจ หากจวนอิ้งมีใจจะกระทำเรื่องเช่นนั้นจริงย่อมต้องติดต่อนางมาแล้ว คงไม่จำเป็นต้องรอให้คุณหนูหยวนเอ่ยเมื่อบังเอิญพบกันหรอก
แม้การได้รับตำแหน่งท่านหญิงบรรดาศักดิ์จะเป็นเรื่องที่หาได้ยาก ทว่าก็เป็นเพียงตำแหน่งต่ำ ๆ ที่ไม่ได้มีสิทธิพิเศษใดตามหลักราชวงศ์ และสำหรับจวนอิ้งแล้วนางก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวนับแต่แต่งออก บิดามารดาก็หาได้ใส่ใจไม่ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ได้รับการปฏิบัติใด ๆ เป็นพิเศษเมื่อได้รับบรรดาศักดิ์มา แต่ก็โชคดีเช่นกันที่นางไม่ใช่ ‘ฉู่เหลียน’ คนเดิม จึงไม่ได้รู้สึกหรือสนใจอะไรแม้แต่น้อย
แล้วมันจะแย่ตรงไหนกันล่ะ? ทำแบบนี้ยิ่งทำให้นางมีอิสระยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
เมื่อจวนอิ้งขีดเส้นแบ่งเรียบร้อยแล้ว พวกนั้นย่อมต้องไตร่ตรองซ้ำอีกครั้งหากต้องการใช้เส้นสายในอนาคต!
ฉู่เหลียนไม่อยากจะทำตัวดีกับน้องรักอย่างคุณหนูแปดเลยสักนิด แต่ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะ จึงจำต้องคิดถึงชื่อเสียงจวนจิ่งอันก่อน นางกล่าวอย่างอดทน “ข้าไม่โทษเจ้าด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงนั้นหรอก”
คุณหนูหยวนกลอกตา มุมปากยกขึ้น สีหน้าฉายชัดคล้ายกำลังกรีดร้องว่า ‘อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอจะฉลาดอยู่บ้างนะ’ เห็นแบบนี้แล้วเวิ่นฉิงก็โกรธจนแทบสำลัก มือกำหมัดแน่นคล้ายตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ
คุุณหนูซูเดินนำหน้าอยู่สองก้าว ฟังบทสนทนานั้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เกรงว่าคุณหนูหยวนจะขับไล่ฉู่เหลียนไปด้วยการเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้น นางจึงพยายามแก้ไขสถานการณ์ “น้องหก เจ้ามาหอจิ้นฉือเพื่อซื้อเครื่องประดับหรือ?”
ยามนี้ พี่น้องจากจวนอิ้งต่างก็มาถึงโถงใหญ่หอจิ้นฉือแล้ว
ฉู่เหลียนไม่อยากให้พวกนั้นรู้ว่านางมาซื้อของขวัญวันเกิดให้ฮูหยินจิ่งอันป๋อ จึงทำเพียงพยักหน้า
ดวงตาคุณหนูซูหม่นเศร้าลงเล็กน้อย ตั้งแต่เหตุการณ์ที่จวนติ้งหยวน นางก็รู้สึกได้ถึงความเหินห่างที่ฉู่เหลียนสร้างขึ้นระหว่างนาง หรงซื่อ และทั้งจวนอิ้ง
ยามอยู่จวนติ้งหยวนนั้น คุณหนูซูไม่ได้ก้าวออกไปเพื่อสนับสนุนฉู่เหลียนแม้แต่น้อย นั่นก็นับเป็นสิ่งที่ผิดมากแล้ว ทุกวันนี้นางจึงรู้สึกผิดมาตลอด เมื่อเห็นท่าทางของฉู่เหลียนที่ส่งมาก็ทำให้นางไม่อยากจะสนทนาต่อ
โถงใหญ่หอจิ้นฉือตกแต่งอย่างหรูหราตระการตา ด้านในมีพื้นที่สำหรับนั่งพักพร้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้ และกำยานหอม อีกทั้งยังมีห้องดื่มน้ำชาอยู่ที่ด้านหลัง
เมื่อคุณหนูทั้งสี่นั่งลง สาวใช้ก็ยกน้ำชามาวางให้ พร้อมทั้งผู้ดูแลหญิงคนเดิมที่เข้ามาดูแลพวกนางเป็นการส่วนตัว
ดวงตาคุณหนูฟู่มองเครื่องแต่งกายฉู่เหลียนก่อนจะทำสีหน้าเป็นเชิงดูหมิ่น บรรดาคุณหนูทั้งสามบ้านในจวนอิ้งไม่เคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบ และจากมุมมองคุณหนูฟู่ นางและคุณหนูหยวนต่างก็ลงเรือลำเดียวกัน ยามนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว คุณหนูฟู่จะปล่อยไปให้เสียเปล่าได้อย่างไรเล่า
คุณหนูฟู่แสร้งทำหน้าอิจฉาฉู่เหลียน “เป็นเกียรติจวนอิ้งนัก เมื่อพี่หญิงหกได้รับราชทินนามจากฮ่องเต้! เมื่อสองวันก่อนท่านยายยังชื่นชมพี่หกต่อหน้าข้าอยู่เลย! ทั้งยังกล่าวอีกว่าเมื่อฮ่องเต้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ผู้ใดแล้ว พระองค์มักจะพระราชทานสิ่งของให้อีกด้วย! อย่างน้อย ๆ ก็หลายร้อยตำลึงทอง ยังไม่นับพวกเสื้อผ้าและเครื่องประดับอีกนะ! ข้าล่ะอิจฉาท่านจริง ๆ!”
คุณหนูซูไม่คิดว่าคุณหนูฟู่จะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา นางส่งสายตาตักเตือนไปในทันที
ในขณะนั้น ดวงตาคุณหนูหยวนทอประกายวาบอย่างคนละโมบ ก่อนจะผันเปลี่ยนเป็นริษยา
ฉู่เหลียนยังคงนิ่งงัน นางเพียงมองคุณหนูทั้งสามด้วยดวงตากลมโต ในใจนึกอยากหัวเราะ คุณหนูฟู่ไม่ได้พินิจพิเคราะห์สิ่งใดก่อนจะโกหกเลย ‘ฉู่เหลียน’ คนเดิมเคยพบฮูหยินผู้เฒ่าจวนอิ้งเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้งต่อปีเท่านั้น กระทั่งสาวใช้ในจวนยังทราบดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้โปรดปรานบุตรีผู้นี้จากบ้านสองสักนิด แล้วจะมาเอ่ยชื่นชมนางได้อย่างไร? นอกจากนั้นองค์ฮ่องเต้จะพระราชทานเงินหลายร้อยตำลึงทองให้กับสตรีที่ได้รับตำแหน่งเพียงท่านหญิงระดับล่างเนี่ยนะ? นางคิดว่าท้องพระคลังมีเงินทองเป็นภูเขาหรือ?
คำพูดคุณหนูฟู่เพ้อฝันจนเกินไป นางเพียงแต่ต้องการล่อหลอก ก่อกวนอารมณ์ของคุณหนูแปด ฉู่หยวน ผู้ที่มีจิตใจคับแคบและละโมบโลภมากเท่านั้น เมื่อคุณหนูฟู่เอ่ยจบ นางก็มองฉู่เหลียนและคุณหนูหยวนด้วยรอยยิ้มที่ประสงค์ร้าย
และฉู่หยวนก็ติดกับในทันที ก่อนหน้านั้นเมื่อพวกนางทั้งคู่ยังเป็นสตรีที่ไม่ได้ออกเรือน นางมีดีกว่าฉู่เหลียนในทุกทางและแทบจะทุกอย่าง ทั้งอาหารการกิน การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ กระทั่งเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนก็มากกว่าฉู่เหลียนอยู่สิบตำลึง
ยามฉู่เหลียนแต่งงาน ฮูหยินสองลอบดึงเงินสินเดิมออกมาครึ่งหนึ่งจากหนึ่งพันตำลึง ตอนนั้นนางดีใจมาก เพราะมารดามอบเงินจำนวนนั้นให้นางครึ่งหนึ่ง ทว่าทุกสิ่งตอนนี้ต่างออกไป แค่ฉู่เหลียนได้รับบรรดาศักดิ์และราชทินนามโดยฮ่องเต้ก็เลวร้ายมากพอแล้ว แต่นางยังได้รับพระราชทานทั้งเงิน เสื้อผ้าและเครื่องประดับอีกมากมายถึงเพียงนั้นจริงหรือ? เงินหลายร้อยตำลึงทองน่ะหรือ? นางจะอดกลั้นไม่ให้จิตใจที่ริษยาเหิมเกริมได้อย่างไร?
แผนการร้ายก่อตัวขึ้นในใจนางอีกครั้ง
ฉู่หยวนพยายามปกปิดความอิจฉาไว้เพียงในใจ บังคับฝืนให้ตนเองยิ้ม “ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ไม่คิดว่าพี่หกจะร่ำรวยมีเงินทองมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว! จึงไม่แปลกอะไรที่ท่านจะมาหอจิ้นฉือแห่งนี้ ข้าชอบเครื่องประดับอยู่ชิ้นหนึ่งราคาเพียงร้อยตำลึงเงินเท่านั้น สำหรับพี่หกแล้วคงไม่นับว่ามากมายกระมัง ไม่ทราบว่าพี่หกจะซื้อให้น้องได้หรือไม่เจ้าคะ?”
อันที่จริง ฉู่หยวนต้องการทรัพย์สินทั้งหมดที่ฉู่เหลียนมี ทว่านางไม่อาจขโมยทั้งหมดมาได้ในคราวเดียว คงทำได้เพียงใช้ลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ฉู่เหลียนนำออกมาทีละนิด
เมื่อฉู่หยวนกล่าวจบก็หันมองผู้ดูแล ผู้ดูแลทราบดีว่าคุณหนูเหล่านี้กำลังฟาดฟันเอาชนะกันอยู่ จึงไม่เอ่ยสิ่งใดมาก และนำเครื่องประดับที่คุณหนูหยวนต้องการขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะยิ้มอธิบายให้ฉู่เหลียนฟังพลางเผยมือไปที่คุณหนูแต่ละคน และเครื่องประดับแต่ละชิ้น “ฮูหยิน ก่อนท่านมา คุณหนูผู้นี้ชอบกำไลหยกวงนี้ราคาห้าสิบตำลึง ปิ่นทองสลักมรกตอันนี้เป็นสิ่งที่คุณหนูข้างกายท่านเลือก ราคาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง ส่วนคุณหนูผู้นี้เลือกกำไลไข่มุกทองคำราคาหกสิบตำลึงเจ้าค่ะ”
ไม่มีอันไหนราคาถูกเลย!
ผู้ดูแลลอบมองฉู่เหลียนที่แต่งกายด้วยชุดเรียบง่าย นางแปลกใจเหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนั้น แล้วใครจะทราบได้เล่าว่านางคือบุคคลอันเป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งเมืองหลวงผู้นั้น ท่านหญิงจินอี่?
ผู้ดูแลทำได้เพียงมองเร็ว ๆ มิกล้าจ้องนานเกินไป และพยายามคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าท่านหญิงจินอี่นั้นยากจนจริงหรือ หรือนางตั้งใจแต่งกายเช่นนี้ด้วยเหตุผลใดกันแน่
ฉู่เหลียนยื่นนิ้วเรียวยาวออกไปสัมผัสเครื่องประดับแต่ละชิ้นด้วยความระมัดระวัง นางพยักหน้า ยิ้มน้อย ๆ พออกพอใจกับสิ่งของเบื้องหน้า
“งดงามจริง ๆ เครื่องประดับที่หอจิ้นฉือนี้ทำออกมาได้ประณีตงดงามจริง ๆ” สีหน้านางก็ดูเคอะเขินยามกล่าว
คุณหนูฟู่และคนอื่น ๆ จ้องมองฉู่เหลียนเป็นตาเดียว เมื่อคุณหนูฟู่เห็นความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนั้น นางก็ลอบเยาะหยันในใจ เป็นไปอย่างที่นางคิดไว้ ฉู่เหลียนเป็นนายหญิงสามแห่งจวนจิ่งอันแล้วอย่างไร? หรือจะเรียกว่าเป็นท่านหญิงจินอี่แล้วจะอย่างไร? ดูจากการแต่งกายโกโรโกโสวันนี้ก็พอจะทราบแล้วว่าคงมิได้อยู่ในจวนจิ่งอันอย่างสุขสบายนัก ดูจากสีหน้านั้นแล้ว ท่านหญิงจินอี่ย่อมไม่มีทางหยิบเอาหนึ่งร้อยตำลึงเงินออกมาแน่!
“พวกเรายังเด็กนัก จึงเลือกเพียงเครื่องประดับเรียบง่ายเท่านั้น เครื่องประดับสามอย่างนี้รวมกันแล้ว ราคาก็ยังไม่ถึงสามร้อยตำลึงเจ้าค่ะ แต่สำหรับพวกเรา เงินสามร้อยตำลึงก็นับว่าเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย ทว่าสำหรับพี่หญิงหกคงไม่มากไปกระมังเจ้าคะ เพราะตอนนี้พี่หญิงเป็นถึงท่านหญิงที่ฮ่องเต้แต่งตั้ง…” คุณหนูฟู่กล่าวเสริม
ฉู่เหลียนแอบกลอกตาอยู่ในใจ ถ้าเงินสามร้อยตำลึงยังเรียกว่าไม่มาก แล้วทำไมเจ้าไม่ปล้นเงินจากข้าไปเสียตรง ๆ เลยเล่า?!
สามร้อยตำลึงนี้มากพอให้ครอบครัวคนธรรมดาอยู่ได้สบาย ๆ ไปตลอดชีวิต!
ฉู่เหลียนยกยิ้มลำบากใจ “น้องเก้า เจ้าจะพูดเยี่ยงนั้นได้อย่างไรกัน?”
คุณหนูซูเห็นฉู่เหลียนพูดตะกุกตะกัก จึงเอ่ยตำหนิคุณหนูฟู่ “น้องเก้า เราจะขอให้น้องหกซื้อของพวกนี้ให้เราได้อย่างไร? อย่าสร้างปัญหาให้นางอีกเลย!”
“พี่หญิงห้ากล่าวหากันแล้ว พี่หญิงหกจะมีปัญหาได้อย่างไรกับอีแค่เงินเพียงสามร้อยตำลึง?”
แต่เดิมฉู่เหลียนอาจออกปากได้ว่าตนไม่มีเงิน เพราะนั่นคือความจริง! ทว่าตอนนี้นางเป็นถึงท่านหญิงบรรดาศักดิ์ ย่อมไม่อาจกล่าวว่าตนเองยากจนได้อีก การกระทำใดของนางล้วนส่งผลโดยตรงต่อบ้านสามี และในตอนนี้ยังอาจกระทบต่อชื่อเสียงของราชวงศ์อีกด้วย ไหนจะยังมีราชทินนามที่ฮ่องเต้ประทานให้อีก ย่อมนับว่านางกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ไปแล้ว หากนางกล่าวว่าตนยากไร้ ย่อมเสมือนออกปากว่าราชวงศ์นั้นยากไร้ ถือเป็นการลบหลู่ราชวงศ์อีกทางหนึ่ง
ฉู่เหลียนมองน้องหญิงเก้าของตนอย่างระมัดระวัง ไม่คิดเลยว่าเด็กอายุแค่สิบสามปีจะวางแผนเช่นนี้ได้แล้ว
เหตุใดคุณหนูฟู่จึงมั่นใจในตัวเองนัก จนวางแผนเช่นนี้ได้?
ดวงตาคุณหนูหยวนจับจ้องไปยังปิ่นทอง มันถูกทำขึ้นด้วยความประณีต มรกตสามชิ้นที่หัวปิ่นมีขนาดเท่ากัน เมื่อกระทบกับแสงไฟจากตะเกียงยิ่งส่องประกายแวววาว และเมื่อคิดไปว่าของงดงามเช่นนี้จะตกเป็นของนางโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่น้อย อีกทั้งฉู่เหลียนจะโมโหเพียงใดยามต้องควักเงินจ่าย หัวใจของฉู่หยวนก็เต็มไปด้วยความสุขล้น
ดังนั้น คุณหนูหยวนจึงร่วมประสมโรง “พี่ห้าอย่าลืมสิ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว พี่หกเป็นถึงท่านหญิงจินอี่แล้วนะ!”
แม้คุณหนูซูอยากจะปกป้องฉู่เหลียนใจแทบขาด แต่น้องสาวตัวดีทั้งสองกลับร่วมมือกันเช่นนี้ นางจึงไม่รู้จะทำอย่างไรดี และได้แต่ขอโทษขอโพยฉู่เหลียนอยู่ภายในใจ
ฉู่เหลียนยิ้มเจื่อน โดยที่ยังไม่กล่าวออกไปว่านางจะซื้อเครื่องประดับเหล่านั้นได้หรือไม่ และหันไปหาผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างแทนแล้วถาม “ท่านผู้ดูแล ยังมีของแบบอื่นอีกหรือไม่ นำออกมาให้ข้าดูหน่อยเถิด”
คุณหนูฟู่ยิ่งยินดีเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของฉู่เหลียนที่ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น นางไม่ได้สนใจว่าฉู่เหลียนจะซื้อกำไลให้นางหรือไม่ สิ่งเดียวที่ต้องการคือให้ฉู่เหลียนเสียหน้า และเสียตำแหน่งไป อีกทั้งต้องการสั่งสอนให้รู้ว่าการรักษาบรรดาศักดิ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากมีข่าวว่าฉู่เหลียนหมิ่นเกียรติราชวงศ์แพร่งพรายออกไป ต้องมีคนนำไปทูลต่อฮ่องเต้หรือฮองเฮาเป็นแน่ หลังจากนั้นบรรดาศักดิ์ของนางก็คงถูกริบคืนไป และฉู่เหลียนผู้น่าสงสารก็จะกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง!