ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่157อนุมัติ
ในยามราตรี ตามหลักแล้วหลี่จิ้งเสียนต้องพักอยู่กับนางฮาน
นางฮานเอาอกเอาใจอย่างระมัดระวัง ด้วยการถือน้ำชาเข้ามาให้ด้วยตนเองแล้วว่างลงบนโต๊ะหนังสือที่ผู้เป็นสามีเอื้อมถึงและไม่ส่งผลกระทบต่อการอ่านตำรา หลังจากนั้นจึงไปตัดไส้ตะเกียงเพื่อเพิ่มแสงสว่าง “ท่านพี่ ท่านพักผ่อนสักประเดี๋ยวเถิด! ระยะนี้ยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอด ดูท่านซูบผอมลงเยอะเลยนะเจ้าคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หลี่จิ้งเสียนถือถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วเป่าลมลงไปบนพื้นผิวน้ำชาก่อนจะถอนหายใจออกมา “ช่วงนี้มัวยุ่งวุ่นวายกับเรื่องการจัดสรรเงินเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั้งยังต้องเตรียมเสบียงทางทหารและการจัดสรรเงินทางทหาร ซึ่งทำให้เงินคงคลังของประเทศก็ค่อยๆ ร่อยหรอลงไป ฮ่องเต้ก็ดันต้องการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล โดยต้องการลดหรือยกเว้นภาษีทุกประเภท แล้วจะให้ข้าไปหาเงินจากแห่งหนใด เฮ้อ…ยากลำบากเหลือเกิน!”
นางฮานกล่าว “มนุษย์เรามีเจ็ดสิ่งที่ถือว่าเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งฟืน ข้าวสาร น้ำมันพืช เกลือ ซอสปรุงรส น้ำส้มสายชูและชา มีสิ่งใดบ้างที่มิต้องใช้เงิน ขนาดน้องดูแลครอบครัวเล็กๆ นี้ยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แล้วนับประสาอะไรกับท่านพี่ที่ต้องดูแลจัดหาเงินมาหล่อเลี้ยงบ้านเมือง คงต้องเหน็ดเหนื่อยยิ่งกว่าแน่นอน อย่างไรก็ตามท่านพี่ก็ต้องรักษาสุขภาพตนเองให้มากๆ ด้วยเช่นกันนะเจ้าคะ”
หลี่จิ้งเสียนพยักหน้าเล็กน้อย “ยังดีที่ทุกวันนี้มีหมิงอวินคอยช่วยเหลือ มีบางเรื่องไม่อาจพูดคุยกับคนนอกได้ จึงทำได้เพียงพูดคุยกับบุตรชายของตนเอง ซึ่งเขากลับช่วยเสนอความคิดเห็นดีๆ ออกมาอยู่บ่อยครั้ง จึงช่วยขจัดความหนักอกหนักใจของข้าไปได้มิน้อย”
นางฮานเริ่มรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นภายในใจ “ยามนี้หมิงอวินโดดเด่นเสียเหลือเกิน น่าสงสารหมิงเจ๋อที่ยังคงเป็นเพียงผู้สอบผ่านขั้นพื้นฐาน”
หลี่จิ้งเสียนขมวดคิ้ว “แล้วนี่จะโทษใครได้หรือ คงได้แต่โทษที่เขาเองมิได้เรื่องได้ราว”
นางฮานพยักหน้าแล้วกล่าว “ครั้งก่อนที่สอบไม่ผ่านจะโทษหมิงเจ๋อทั้งหมดก็คงมิได้ หากมิใช่เพราะหลั้วเหยียนตระเตรียมให้อย่างมิรอบคอบ ก็คงไม่ออกมาย่ำแย่เช่นนั้นกระมังเจ้าคะ เฮ้อ! คงโทษได้แต่ข้าที่เป็นแม่ ในสถานการณ์สำคัญเช่นนั้นกลับมิได้อยู่ข้างกายเขา…” นางฮานเผยสีหน้าเศร้าโศกขึ้นมาขณะเอ่ย
“เรื่องราวมันผ่านพ้นไปแล้ว เอ่ยขึ้นมาก็เท่านั้น” หลี่จิ้งเสียนดื่มน้ำชาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
นางฮานทำทีเช็ดปลายหางตาแล้วกล่าว “อีกไม่กี่วันหมิงเจ๋อก็ต้องไปสอบเข้าร่วมการสอบแล้ว ข้าได้ยินว่าครั้งนี้ผู้ควบคุมการสอบครานี้คือท่านอาจารย์เผย ท่านพี่ ท่านมีความสนิทสนมกับท่านอาจารย์เผย น้องจึงคิดว่า…”
หลี่จิ้งเสียนตวัดสายตาไปมองแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ารีบลบเลือนความคิดนี้ออกไปให้โดยเร็ว ครั้งก่อนหมิงเจ๋อเผลอทำเรื่องน่าอาย จนทำให้ข้าอับอายขายหน้ามากพอแล้ว การสอบหมิงจิงง่ายดายกว่าการสอบจิ้นซื่ออย่างมาก หากกระทั่งหมิงจิงยังสอบไม่ผ่านแล้วต้องให้ข้าถ่อไปร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เช่นนั้นมิสู้เขาไม่ต้องไปสอบแล้วจะดีกว่า ข้าจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าผู้อื่นเขา”
นางฮานเห็นผู้เป็นสามีเริ่มฉุนเฉียวจึงรีบกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม “น้องเพียงเสนอความคิดเห็นในมุมมองของสตรี ท่านพี่อย่าได้โกรธเกรี้ยวไปเลยเจ้าค่ะ น้องมองๆ ดูแล้วหลายเดือนมานี้หมิงเจ๋อขยันขันแข็งอย่างมาก คิดๆ ดูแล้วคงมิเหลือบ่ากว่าแรงหรอกเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งเสียนเผยสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย “บอกอาจินให้ไปบอกกล่าวหมิงเจ๋อไว้ว่า พรุ่งนี้ข้าจะทดสอบเขาเสียก่อน”
นางฮานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้รับคำชี้แนะของท่านพี่ หมิงเจ๋อจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งเสียนกล่าวอย่างเนิบๆ “คนอย่างเขาซึ่งมีนิสัยหุนหันพลันแล่นจำเป็นต้องมีคนคอยจับตาเอาไว้พร้อมกับถือแส้คอยโบกสะบัดอยู่ด้านหลัง เขาถึงจะตั้งหน้าตั้งตาเชื่อฟัง หากเขาตั้งใจได้สักครึ่งหนึ่งของหมิงอวิน เหตุใดจะสอบไม่ผ่านไปได้”
นางฮานรู้สึกขัดหูอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินดังกล่าว จึงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงและท่าทีทุกข์ใจ “หากหมิงเจ๋อได้รับการสั่งสอนจากท่านพี่ตั้งแต่เยาว์วัย คงไม่มีนิสัยดั่งเช่นวันนี้ น้องรู้สึกสงสารเขาที่มีพ่อแต่มิอาจอยู่เคียงข้างได้ตั้งแต่เยาว์วัย จึงมักรู้สึกติดค้างเขามากมายจนส่งผลให้น้องประคบประหงมเขามากเกินไป”
ประโยคนี้หลี่จิ้งเสียนพอจะซึมซับอย่างเข้าใจได้และอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกละอายแก่ใจขึ้นมาเล็กน้อย “ยังเหลือเวลาอีกสิบกว่าวันกว่าจะถึงวันสอบ ข้าจะช่วยชี้แนะสั่งสอนเขาให้มากๆ แล้วกัน”
ขณะนั้นเอง นางฮานถึงได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา นางเงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้งอย่างลังเลใจ “ท่านพี่ มีเรื่องหนึ่งที่น้องอยากปรึกษาหารือกับท่านพี่ และแน่นอนว่านี่ก็เป็นความประสงค์ของเหล่าไท่ไทเช่นกัน”
“ว่ามาสิ” หลี่จิ้งเสียนหยิบตำราขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง
นางฮานเรียบเรียงคำพูดแล้วจึงเอ่ย “วันมะรืนร้านยาของหลินหลันก็ต้องเปิดทำการแล้ว ตั้งแต่นางเริ่มตระเตรียมร้านยานี้ วันๆ ก็วิ่งเข้านอกออกในเป็นว่าเล่น ยุ่งเสียจนตัวเป็นเกลียว เดี๋ยวพอร้านของนางเปิดทำการขึ้นมาแล้วคงต้องยุ่งยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน หญิงชราเห็นดังกล่าวจึงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก กังวลว่าหมิงอวินจะไม่มีคนคอยดูแลเจ้าค่ะ…”
นางฮานคอยสังเกตสีหน้าผู้เป็นสามีระหว่างเอื้อนเอ่ยออกไป นางเห็นผู้เป็นสามีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางจึงกล่าวเสริม “เดิมทีควรเป็นบุรุษที่เป็นเสาหลักเรื่องภายนอก ส่วนสตรีเป็นเสาหลักเรื่องภายใน ยามนี้ทั้งบุรุษและสตรีล้วนเป็นเสาหลักเรื่องภายนอก ท่านพี่ลองคิดดูนะเจ้าคะ หากเป็นเช่นนี้แล้วยังเสมือนบ้านไปได้หรือเจ้าคะ แม้ว่าเรือนหลั้วเซี๋ยจายจะมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ จะอย่างไรยามหมิงอวินกลับมาบ้านก็ต้องมีน้ำชาร้อนๆ ไว้ให้ดื่ม ทว่าความคิดของสาวใช้หรือจะรอบคอบและจัดการได้อย่างเหมาะสมเท่าภรรยา…ความหมายของเหล่าไท่ไทคือ…หากหลินหลันดูแลบ้านนี้มิไหวก็ควรรับอนุภรรยาให้หมิงอวินสักคนดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลี่จิ้งเสียนขมวดคิ้วแน่นขึ้น เสมือนมีความนึกคิดบางอย่างขึ้นมาเล็กน้อย
“อีกอย่าง ร่างกายหลินหลันก็มิค่อยแข็งแรงนัก ระยะนี้ก็ยังไม่เหมาะสมที่จะให้กำเนิดบุตร หญิงชราท่านอยากอุ้มหลานใจจะขาด จัดหาอนุภรรยาให้หมิงอวินสักคนจะได้ให้กำเนิดหลานจ้ำม่ำอย่างเร็วไวสักคนอย่างไรล่ะเจ้าคะ…”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดไปพักใหญ่ หลังจากนั้นหลี่จิ้งเสียนจึงกล่าวขึ้น “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ความนึกคิดของท่านแม่ก็เป็นอันเข้าใจได้ หลินหลันค่อนข้างยุ่งจริงๆ ทว่า…หมิงอวินเองก็มิได้มองว่ามันเป็นปัญหาแต่อย่างใด…”
“ท่านพี่เจ้าคะ หมิงอวินเป็นผู้ที่ใส่ใจและคำนึกถึงความรู้สึกของคนรอบข้างมากกว่าตนเอง แม้ว่าเขาจะมีความนึกคิดอยากรับอนุภรรยาสักคน แต่ก็ติดที่หลินหลัน เขาคงไม่สะดวกใจนักหากต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปาก พวกเราออกหน้าให้ในฐานะผู้อาวุโส หมิงอวินก็คงมิรู้สึกลำบากใจ ส่วนหลินหลันก็พูดอันใดมิได้มากนัก อย่างไรก็ตาม เราจะเอาแต่มองดูหมิงอวินมีครอบครัวที่เหมือนไม่มีมิได้กระมัง เหล่าไท่ไทคงรู้สึกเจ็บปวดหัวใจแย่เลยนะเจ้าคะ!” นางฮานกล่าวเสริมอีกชุดใหญ่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ลองพูดคุยกับหลินหลันก่อนแล้วกัน มองดูความคิดเห็นของนาง เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่รักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง หมิงอวินปฏิบัติต่อนางอย่างดิบดีปานนั้น อย่าทำให้เรื่องดีๆ กลายเป็นเรื่องแย่ก็เป็นพอ” หลี่จิ้งเสียนกล่าวอย่างสุขุม
นางฮานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ ท้ายที่สุดอย่างไรก็ต้องดูความคิดเห็นของพวกเขาเองแหละเจ้าค่ะ”
เมื่อได้รับคำอนุญาตของผู้เป็นสามี เรื่องนี้ก็จะจัดการได้ง่ายดายขึ้นเป็นกอง นางฮานแสยะยิ้ม แทบอดรนทนไม่ไหวที่จะได้เห็นท่าทีของหลินหลันที่โกรธเกรี้ยวอกแทบแตกแต่กลับไม่กล้าเอื้อนเอ่ยใดๆ
ภายในเรือนหลั้วเซี๋ยจาย หลินหลันเอ่ยถามหยินหลิ่วหลังเพิ่งเสร็จสิ้นจากการตรวจดูบัญชี “เอ้อร์เส้าเหยียยังทำไม่เสร็จอีกหรือ”
หยินหลิ่วหัวเราะคิกคักแล้วกล่าวขึ้น “เมื่อครู่นี้ข้าน้อยเพิ่งไปแอบสอดส่องมา อ่างอาบน้ำนั่นมันใหญ่เกินไปหน่อยเจ้าค่ะ จึงทำได้เพียงย้ายไปวางไว้ที่ห้องปีกตะวันออกเสียแล้ว เอ้อร์เส้าเหยียจึงเรียกคนให้ช่วยโยกย้ายฉากกันลม อ่างเตาถ่าน และแขวนผ้าม่านอยู่เจ้าค่ะ! เอ้อร์เส้าเหยียกล่าวว่า พรุ่งนี้ยังต้องให้คนมาทะลายผนังกั้นสามห้องที่มีอยู่นั่นด้วยเจ้าค่ะ”
หลินหลันโอดครวญภายในใจ นี่เขาคิดจะทำอันใด หรือว่าต้องการทำห้องปีกตะวันออกกลายเป็นห้องอาบน้ำเช่นนั้นหรือ
“ข้าขอไปดูหน่อยสิ” หลินหลันอยู่ไม่สุขเสียแล้ว นางลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ยังไม่ทันเข้าไปสู่ห้องปีกตะวันออกก็ได้ยินเสียงของหมิงอวินเล็ดลอดออกมา “ช่วยเปลี่ยนชุดผ้าปูที่นอนนี่ใหม่ทั้งหมดด้วย…” ทันใดนั้นใบหน้าของหลินหลันก็แดงก่ำขึ้นมา เขาไม่เพียงแต่จะทำห้องปีกตะวันออกเปลี่ยนเป็นห้องอาบน้ำ นอกจากนั้นยังจะตกแต่งให้กลายเป็นห้องใหม่อีกด้วยหรือ ด้วยคำพูดของเขานั้นให้ความหมายว่า…ค่ำคืนนี้ข้าต้องการพลอดรักกับนายหญิงน้อยของพวกเจ้าในอ่างน้ำนี่ หลังจากนั้นยังต้องการ…
“คิกๆ” หยินหลิ่วที่อยู่ด้านหลังหัวเราะออกมา
หลินหลันหันหน้าไปพร้อมกับจ้องเขม็งใส่นาง หยินหลิ่วจึงรีบยกมือขึ้นปิดปากแต่น่าเสียดายที่นัยน์ตาอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นไม่อาจกลบเกลื่อนไปได้
“เอ้อร์เส้าหน่ายนาย…” ป้าจ้าวและคนอื่นๆ ถือถังน้ำพากันเดินออกมาก่อนจะคารวะให้นายหญิงน้อยภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ เดี๋ยวนำมาเติมอีกรอบ น้ำอุ่นนี่ก็จะเป็นอันตระเตรียมเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
หลินหลันอึดอัดใจ นางทำเพียงส่งเสียง ‘อืม’ อย่างส่งเดชแล้วเดินก้มหน้าเข้าสู่ห้องปีกตะวันออก
ภายในห้องเต็มไปด้วยไอหมอกจากความร้อนที่กลั่นตัวลอยระอุขึ้นมา นางเดินอ้อมฉากกันลมพิมพ์ลวดลายต้นไผ่ ดอกกล้วยไม้ และดอกเบญจมาศผสมปนเปงามวิจิตร ปรากฏอ่างน้ำขนาดใหญ่โตเกินบรรยายจนทำให้หลินหลันรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่หลี่หมิงอวินจะทำเกินไปแล้วกระมัง!
“หลันเอ๋อร์ เจ้ารออีกประเดี๋ยวนะ ใกล้เตรียมเรียบร้อยแล้ว” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินหลันรู้สึกหมดคำจะพูดอย่างถึงที่สุด นางทำเพียงพึมพำออกไป “ข้าก็แค่เดินมาดูเสียหน่อย เจ้าค่อยๆ อาบไปแล้วกัน! ข้าขอตัวก่อน”
“เฮ้…อย่าเพิงไปสิ! มานี่ เจ้ามาลองดูสิว่าน้ำอุ่นนี่ร้อนเกินไปหรือไม่” หลี่หมิงอวินดึงรั้งนางมาหยุดอยู่เบื้องหน้าอ่างน้ำ
นอกจากนั้นยังมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายพร้อมกับไอน้ำที่ระเหยล่องลอยในอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้มันเสมือนฉากอาบน้ำท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่มักจะปรากฏในละครอิโรติกอะไรพวกนั้น! หลินหลันกล่าวอย่างอึดอัดใจ “เจ้าเป็นบุรุษแท้ๆ ยังต้องอาบน้ำที่โรยกลีบดอกไม้ด้วยหรือ”
หลี่หมิงอวินโอบรัดเอวนางจากทางด้านหลังแล้วกระซิบบางเบาข้างใบหูของนาง “นี่น่ะเตรียมไว้ให้เจ้าต่างหาก เจ้าชอบหรือไม่”