ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - บทที่ 602
- Home
- ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit
- ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - บทที่ 602
บทที่ 602 – ท้องฟ้าฉีกขาด งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่
ได้เริ่มขึ้น
ฉินหนานกลับไปที่คฤหาสน์องค์รัชทายาท และได้ คุยกับองค์ชายสามอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เขาจะ ออกมาจากที่นั้น “ได้เวลาออกจากเมืองพยัคฆ์ขาวแล้ว มาลองดูสิว่า ข้าจะสามารถเปิดรอยแยกได้รึยัง!” ฉินหนานมุ่งตรงไปที่ประตูเมือง เมื่อก่อนนี้หลังจาก ที่เขาได้พัฒนาขึ้นสู่ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตราชันย์ จักรพรรดิ เขาพยายามจะส่งตัวเองโดยการเปิดรอย แยก แต่กระแสลมภายในรอยแยกก็แข็งแกร่งมาก แม้แต่กล้ามเนื้อในขอบเขตราชันย์จักรพรรดิของเขา ก็ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอสําหรับการอยู่รอดของ กระบวนการนี้
ซึ่งในตอนนี้เขาได้รับเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจมาแล้ว เขาก็ควรจะสามารถทนแรงกดดันระหว่างรอยแยก ได้ แม้ว่าจะยังไม่สามารถควบคุมเสื้อคลุมได้ก็ตาม เถอะ (= =)
“หือออ?” ฉินหนานหยุดเดินบนถนน และขมวดคิ้ว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย 2-3 จุดที่เพ่งเล็งอยู่
ที่ร่างของเขา “พยายามจะลอบสังหารข้าเนี้ยนะ?” ฉินหนานรู้สึกสับสนเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันไป รอบๆและตรวจสอบร่างที่กําลังใกล้เข้ามาด้วย ดวงตาซ้ายเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ที่กําลังเคลื่อนผ่าน ฝูงชน แต่ละคนมีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตราชันย์ จักรพรรดิขั้นแรก
ร่างนั้นที่กําลังเข้ามาสะดุ้งตกใจ หลังจากที่รับรู้ถึง การจ้องมองของฉันหนาน (*_*); ไอ้เด็กนี้มันมองผ่านการปลอมตัวของพวกข้าได้ ยังไง? ร่างนั้นได้สื่อสารกับคนอื่นด้วยสายทันที เนื่องจาก ตัวตนของพวกเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว มันจึงไม่มี เหตุผลใดๆอีกต่อไปที่จะต้องซ่อน พวกเขาเปลี่ยน รูปลักษณ์ของตนกลับสู่ความจริงทันที และเข้าหา ฉินหนาน ผู้นําที่เป็นชายวัยกลางคนได้มาอยู่ตรงหน้าของฉัน หนาน และกล่าวว่า “ท่านด่วนฉิง นายท่านของข้า ต้องการให้ท่านไปพบเขา โปรดมากับเราด้วย” ฉินหนานยังคงยืนนิ่ง ขณะที่ถามว่า “นายท่านของ เจ้า? ใครน่ะ?”
–
“เจ้าไม่ควรถามมากเกินไป!” ชายวัยกลางคน ตะโกนขึ้นอย่างฉับพลัน “โง่เง่า!” ฉินหนานหมุนตัวไปทางอื่น เขาไม่มีจุดประสงค์อะไร ที่จะต้องมาเสียเวลากับคนพวกนี้ คนพวกนี้ยังคงทํา พฤติกรรมอย่างหยาบคาย แม้ว่าฝ่ายตนจะเป็นผู้ ร้องขอก็ตาม “เจ้า!” คนวัยกลางคนและคนอื่นๆ ตกตะลึง ไอ้เด็กด่วน งนี้กล้าเพิกเฉยคําพูดของพวกข้าเชียวเรอะ! “ด่วนฉิง! สถานะนายท่านของข้าเทียบเท่ากับ จักรพรรดินภาลัยโบราณ! มันถือเป็นเกียรติของเจ้า ที่ได้รับเชิญ แต่เจ้ากล้าปฏิเสธงั้นเรอะ!? “ชายวัย กลางคนก้าวเดินมาด้านหน้าเรื่อยๆ ซึ่งน้ําเสียงของ เขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เทียบเท่ากับจักรพรรดินภาลัยโบราณหรอ?” ฉินหนานตกใจนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะหัวเราะกลวง “แล้วมันยังไงอะ? มันไม่เกี่ยวกับข้า!” ตอนนี้ ฉินหนานสามารถบอกได้ว่าคนพวกนี้มาจาก สมาพันธ์ค้ําฟ้า ซึ่งมาที่นี่เพื่อส่งคําเชิญจาก ผู้นํา สมาพันธ์ฟ้า ทุกๆคนล้วนรู้ดีว่ามีสองกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ในเมืองพยัคฆ์ ขาว หนึ่งคือราชวงศ์ของอาณาจักรนภาลัยโบราณ ในขณะที่อีกกลุ่มนั้นคือที่ตั้งสํานักงานใหญ่ของ สมาพันธ์ค้ําฟ้า! ผู้นําสมาพันธ์ค้ําฟ้าน่าจะสนใจแผนที่ที่ข้าได้มาจาก องค์ชายสอง เจ้าเป็นผู้นําของสมาพันธ์ค้ําฟ้าหรอ แล้วมันยังไง
I
ละ?
ข้าจะไม่ไปเจอเจ้า ถ้าข้าไม่ต้องการ!
“เจ้ากล้า
ดวงตาของชายวัยกลางคนและคนของเขาเยือก เย็นชื้น พร้อมกับจิตสังหารที่คลุมเครือ ในฐานะที่ เป็นองครักษ์ของผู้นํา นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็น ว่ามีคนกล้าที่จะปฏิเสธคําเชิญของนายท่าน ซึ่งจะ นับประสาอะไรกับขั้นสูงสุดขอบเขตทรราชย์แค่คน เดียว แววตาของฉันหนานจ้องมองอย่างรุนแรง ในขณะนั้น พื้นที่ภายใน 10 เมตรก็ได้แปร เปลี่ยนเป็นน้ําแข็ง
พร้อมด้วยเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจสีดํา มันเหมือนกับ ว่าเขาได้กลายเป็นปีศาจที่ไร้สิ่งใดเทียบได้ พร้อม กับอ้าปากที่เปื้อนเลือดออกกว้าง
|
|
ไป”
คนวัยกลางคนและคนอื่นๆ รู้สึกว่าหัวใจของพวก เขาสั่นสะท้าน กลิ่นอายที่เยือกเย็นดั่งน้ําแข็งนั่นได้
พุ่งเข้ามาปะทะหัวใจของพวกทันที กลิ่นอายของด่วนฉงนี้มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ “ไม่ต้องมาตามข้า!” ฉินหนานตะโกนออกมา และออกจากที่นั่นอย่างไม่ สนใจ
ชายวัยกลางคนและคนของเขาประหลาดใจ พวก เขาเตรียมที่จะตามฉินหนาน แต่ก่อนที่พวกเขาจะ เคลื่อนไหว ก็มีเสียงหนึ่งถูกส่งไปยังพวกเขา ซึ่งเป็น เหตุที่ทําให้พวกเขาเปลี่ยนใจ เมื่อฉันหนานกําลังจะออกจากเมืองพยัคฆ์ขาว ก็ เสียงหนึ่งส่งเข้ามาในจิตใจของเขา
“ด้วนฉิง ข้าคือผู้นําของสมาพันธ์ค้ําฟ้า มาที่ สํานักงานใหญ่ของสมาพันธ์ค้ําฟ้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยาก คุยกับเจ้าเกี่ยวกับแผนที่ที่เจ้าได้จากองค์ชายสอง!” ท่าทางของฉันหนานยังคงนิ่งเฉย ในขณะที่ตอบว่า “ไม่มีทางที่ข้าจะให้แผนที่กับสมาพันธ์ค้ําฟ้า ไม่ว่า ท่านจะเสนอราคาเท่าไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการจริงๆ ข้าจะมอบให้ท่านหลังจากนี้ 1 เดือน” แผนที่นี้มันเกี่ยวข้องกับมหาสมุทรโลหิตทมิฬ ในปัจจุบัน ทั้งชินซางและเพื่อนของเขากําลังพัฒนา สู่ขึ้นขอบเขตเทวะที่มหาสมุทรโลหิตทมิฬ หาก สมาพันธ์ค้ําฟ้าส่งคนไปที่นั่น มันก็เป็นไปได้สูงที่ทั้ง ชินซางและเพื่อนของเขาจะได้รับผลกระทบ ซึ่งจะ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย “ด้วนฉิง เจ้าได้คิดไหมว่าแผนที่นี้มันสําคัญยังไง?” น้ําเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่คลุมเครือ”
บ
เจ้าไม่มีค่าพอที่ได้แผนที่นั้น! นํามันมายังสมาพันธ์ ค้ําฟ้าและข้าจะตอบแทนอย่างมากมาย มิฉะนั้นข้าก็ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระบุว่าเจ้าเป็นศัตรูของ เรา!!” “อ่อหรอ? งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแหละ!” ฉินหนานตอบกลับอย่างไม่ลังเล เขาไม่เคยมีความประทับใจใดๆต่อสมาพันธ์ค้ําฟ้า เลย นอกจากนี้แผนที่นี้มีความสําคัญในการ รับประกันในความปลอดภัยของทั้งชินซางและคน อื่นๆ เขายินดีที่จะต่อต้านทั้งสี่กลุ่มใหญ่สําหรับเรื่อง นี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับสมาพันธ์ฟ้า เจ้าของน้ําเสียงที่เผด็จการหยุดที่จะพูดต่อ ขณะที่ไม่ คาดคิดว่าฉันหนานจะดื้อดึงถึงขนาดนี้
11PWEI
ฉินหนานออกจากเมืองพยัคฆ์ขาว และสําแดงฤทธิ์ ของพลังอํานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ ราว กับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น * เปิดรอยแยก! มือของเขาเต็มไปด้วยพลังอํานาจแห่งขอบเขต ราชันย์จักรพรรดิ ขณะที่ผลักดันพวกมันเข้าไปในมิติ อื่น และดึงไปด้านข้าง ฉีกช่องว่างที่ตรงหน้าของเขา พร้อมกับกระแสลมกระโชกอันรุนแรงที่ถูกปล่อย ออกมาจากรอยแยก เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจกระพืออย่างรวดเร็ว เนื่องจากกระแสลม แต่ไม่ว่าลมนั่นจะรุนแรงแค่ไหน มันก็ไม่ได้นําความเสียหายใดๆ มาสู่ที่เสื้อคลุมได้ “ข้าคาดหวังนะ! ว่าเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจนี้จะไม่ ธรรมดา!”
II
I ม
ดวงตาของฉินหนานรุ่งโรจน์ด้วยความปิติยินดี ขณะที่เขากระโดดเข้าไปในรอยแยก พื้นที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุด และกระแสลมที่ดุเดือดรุนแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทํา การบ่มเพาะได้ไปถึงขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ สามารถล็อคไปยังจุดหมายด้วยความทรงจําของตน และเคลื่อนไหวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว เมื่อพวก เขามาถึงจุดหมายแล้ว พวกเขาสามารถสลายพื้นที่ เพื่อจบกระบวนการนี้ได้ทันที
นอกจากนี้ ระยะทางของกระบวนการนี้ก็ขึ้นอยู่กับ การบ่มเพาะของบุคคลด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ฉินหนานมีเพียง 33 ลําธารของพลัง อํานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิในร่างกายของ เขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะส่งตัวเองไปยังกอง พันวิหคเพลิงด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว เขา
–
1
ต้องกระโดดอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อไปถึงปลายทาง
ของเขา
ตู้มมม! พื้นที่ถูกทําลายโดยฉันหนานด้วยการชก ก่อนที่ร่าง ของเขาจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ กองพันวิหคเพลิงได้อยู่ที่ด้านล่างเขาในเวลานี้ เขาได้ใช้เวลาไปเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นโดยการ เดินทางมาจากเมืองพยัคฆ์ขาว “ไม่มีอะไรสําคัญในอีก 2-3 วันข้างหน้า ข้าควรจะ เข้าสู่ความสันโดษและบ่มเพาะ” ฉุนหนาน เหลือบ มองร่างของมู่เฉินเย่ ซูเหมิง และคนอื่นๆ ในสํานัก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ เวลาค่อยๆ ผ่านไปและ 8 วันก็ได้หายไปในพริบตา ในช่วงเวลานี้ เซียนหลายต่อหลายคนได้เดินทาง มาถึงเมืองพยัคฆ์ขาวจากสถานที่ต่างๆแล้ว
เมืองพยัคฆ์ขาวตกแต่งด้วยแสงไฟระยิบระยับและ ริบบิ้นมากมาย นอกเหนือจากกลิ่นอายที่ทรงอํานาจ แล้ว เมื่อถึงเวลายามค่ําคืนการปรากฏตัวของเมืองนี้ ได้เป็นสิ่งที่งดงามอย่างมาก ในวันที่เก้า เสียงก้องของระฆังโบราณได้สะท้อนอยู่ ในเมืองพยัคฆ์ขาว ทําให้ดวงตาของคนจํานวนมาก ส่องแสงแวววาว งานบูชาสวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!