ประธานหยิ่งยโสของฉัน - ตอนที่ 1031
“หลักฐานชิ้นนี้เพียงพอที่จะทำลายภาพลักษณ์ที่หลงจื๋อพยายามสร้างมาด้วยความยากลำบากภายในพริบตา ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะไม่สนใจ”
เจิ้งซินนั่งอยู่บนโซฟาที่ใกล้ที่สุดและไม่ได้หัวหดจากแรงกดดันของหลงเซียวเลย
เธอจะต้องได้หลักฐานและไม่ถูกหลงเซียวกดดันอีก!
ใบหน้าหล่อเหลาของหลงเซียวยิ้มอย่างมีชีวา “คุณเจิ้งครับ ดูเหมือนคุณจะทำผิดไปหนึ่งเรื่อง สิ่งที่อยู่ในมือคุณไม่ได้สร้างความคุกคามให้ผมหรือหลงจื๋อได้”
เจิ้งซินหนาวสันหลังวาบและตั้งคอตรงเส้นเลือดปูดโปนเพราะแอบซ่อนความโมโหเอาไว้ “หลงเซียว คุณคิดว่าฉันจะไม่กล้าเปิดโปงเรื่องทั้งหมดงั้นเหรอ?”
“นั่นเป็นอิสระของคุณ” หลงเซียวใช้เทคนิคสี่ตำลึงปาดพันชั่งและเตะลูกบอกโยนกลับไปให้เจิ้งซินโดยง่าย
นิ้วมือของเจิ้งซินเกร็งจนเห็นกระดูก เธอกำนิ้วของเธอลงทีละนิ้ว “คุณถนัดเล่นกับความคิดของคนที่สุด และรู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้ได้ยังไง บางครั้งฉันก็ชื่นชมคุณด้วยใจจริง เห็น ๆ อยู่ว่าในใจคุณนั้นทั้งร้อนรนและสนใจ แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่สน คุณนี่เก่งจริง ๆ!”
หลงเซียวก็เป็นแบบนี้ แต่คนคนนี้ก็ยังทำให้เธอรักจนเกลียดเข้ากระดูกดำ ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้! ช่างโง่เขลา!
หลงเซียวขมวดคิ้วเส้นยาวสลวย “คุณเจิ้งพูดแบบนี้ ผมไม่เข้าใจ”
“หึ ๆ!” เจิ้งซินหัวเราะเจื่อน ๆ และพูดจาเยาะเย้ยส่งมาจากช่องฟัน “บอกเงื่อนไขมาเถอะหลงเซียว จะให้ลูกน้องของคุณวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ ฉันต้องแลกด้วยอะไรบ้าง? ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนทะเยอทะยานมาก แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันคิดว่าเราไม่จำเป็นจะต้องมาเล่นให้สะบักสะบอมกันหรอก ใช่ไหมล่ะ?”
คนในอย่างเกาจิ่งอานสามารถเข้าใจได้ พี่ใหญ่มีหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้เจิ้งซินหวาดกลัว ดังนั้นเธอจึงเสนอตัวก่อน เพื่อเข้ามาคุยเรื่องเงื่อนไขกับพี่ใหญ่!
หึ! ผู้หญิงคนนี้ พี่ใหญ่ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด!
หลงเซียวไม่สนใจเงื่อนไขที่เจิ้งซินจะเสนอ และเขาก็ไม่มีทางที่จะมอบหลักฐานที่จะทำให้เจิ้งเฉิงหลินหนีพ้นกฎหมายไปได้ เรื่องบางเรื่องสามารถแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ได้ แต่บางเรื่อง ไม่ได้
เห็นเพียงหลงเซียวที่นั่งสายตาเย็นชาและไม่พูดจา เจิ้งซินเริ่มไม่แน่ใจ เธอคิดว่าตนเองนำยูเอสบีมาก็เท่ากับวาล์วที่จะทำให้หลงเซียวต้องหัวใจเต้นแล้ว คิดไม่ถึง…
“ฉันสามารถช่วยเรื่องการรื้อถอนได้ คุณคงรู้ดี โครงการพัฒนาขนาดใหญ่มักไม่ดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีแรงกดดันไม่มากก็น้อย คุณคร่ำหวอดอยู่ในวงการมาหลายปี มีความเข้าใจในกฎระเบียบของอุตสาหกรรมมากกว่าของฉัน วันนี้ฉันสามารถพูดได้ว่าขอเพียงมีฉันอยู่ ทีมงานจะทำงานได้อย่างไม่สะดุด”
เจิ้งซินสามารถรับปากเขาได้ก็มีเพียงเท่านี้
เธอไม่กล้ายืนยันว่าหลงเซียวจะใจเต้นหรือไม่ เขาเป็นคนที่มีความคิดล้ำลึกและละเอียด และสิ่งที่เขาต้องการก็มีมากมาย
เกาจิ่งอานหูร้อนขึ้นมา และหัวใจของเขาก็ร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้
เจิ้งซินไม่ได้หลอก เธอกับพ่อร่วมมือฝ่าฟันความยากลำบากมามากในเจียงเฉิง มีเรื่องลับลมคมในมากมายในมือ แล้วทำไมถึงกลัวพี่ใหญ่จนถึงขนาดนี้?
ในที่สุดหลงเซียวก็พูดขึ้นช้า ๆ “คุณเจิ้ง อาคารหัวชิวอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องแล้วและผมไม่มีแผนที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นอีกในเจียงเฉิง พูดให้ชัด คุณกับพ่อของคุณไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผมมากนัก กล่าวอีกนัยหนึ่งคืออะไรที่ไม่มีประโยชน์เก็บไว้ก็ไม่มีความหมาย”
หลงเซียวไม่สนใจใบหน้าที่ซีดขาวของเจิ้งซินและพูดต่อ “ขณะนี้มีแรงผลักดันอย่างมากในการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน ทันทีที่ฝ่าฝืนกฎก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับ แล้วคุณคิดว่าวิดีโอที่สมมติขึ้น รวมถึงโครงการที่อยู่ในมือเราอยู่แล้ว จะมีแรงดึงดูดอะไรงั้นเหรอ?”
เจิ้งซินถูกเขาพูดจี้ถูกจุดและเลือดก็ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หลอดเลือดขายตัวอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อแก้มทั้งสองข้างกระตุกเกร็ง นิ้วมือจิกแน่นลงบนเบาะหนังของเก้าอี้ “คุณหมายความว่ายังไง?”
หรือว่าหลงเซียวไม่คิดจะรอแล้ว? เขาวางแผนจะเปิดเผยทุกอย่างในตอนนี้? !
เขาจะให้ไม้ตายเพื่อส่งพ่อเขาเข้าคุกอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาที่หวาดกลัวของเจิ้งซินสะท้อนให้เห็นร่างของหลงเซียว เพราะดวงตาที่เบิกกว้างเกินไปทำให้มองเห็นเงาสะท้อนทั้งสองอย่างชัดเจน
หลงเซียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ “ผมมีแผน แต่ว่าเมื่อไหร่? ด้วยวิธีไหน? ผมยังคิดไม่ออก…แต่ ในเมื่อคุณเจิ้งไม่ไว้หน้า ความอดทนของผมคงไม่จำเป็นกับคุณแล้ว”
หลงเซียวเหลือบมองยูเอสบีในมือเธอแล้วพูดอย่างไม่รู้สึก
เกาจิ่งอานได้ยินสิ่งนี้แล้วเริ่มรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
พี่ใหญ่จะจับเสือมือเปล่า เก่ง! โคตรเก่งเลย!
เจิ้งซินยิ้มไม่ออกอีกแล้ว ดังนั้นการแสดงจึงแข็งเป็นน้ำแข็ง “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น! คุณอย่าเพิ่งรีบ!”
หลงเซียวมองเธออย่างใจเย็น ไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาที่ล้ำลึก
เจิ้งซินรีบมอบยูเอสบีบนโต๊ะให้กับเขา “คุณเก็บสิ่งนี้ไว้ เมื่อครู่ถือเสียว่าฉันไม่ได้พูดอะไร…พ่อฉันอายุมากแล้ว อีกไม่กี่ปีเขาก็จะเกษียณแล้ว หลังจากเลิกอาชีพนี้แล้วก็จะไม่คุกคามอะไรคุณได้อีก ฉันรับรองได้ ฉันจะเอาเงินไปชดเชยสังคมด้วยวิธีอื่น ฉันสามารถบริจาคให้กับสภากาชาดได้ หรือ…สังคมสงเคราะห์ด้านการศึกษา!
แบบนี้…ก็ถือว่าเป็นของประชาชนแล้ว คุณคิดว่ายังไ?”
พูดถึงขั้นนี้ เจิ้งซินไม่กล้าอวดเก่งอีกต่อไป เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงเซียวเลย!
ให้ตายเถอะ!
ให้ตาย!
หลงเซียวได้ยินแล้วทำหน้าเหมือนสนใจ “บริจาค? แล้วทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น?”
เจิ้งซินกลืนน้ำลาย “เงินที่เขาได้มานั้นน่าอับอาย แต่การทำการกุศล…เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการแล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้ส่งมอบให้กับคณะกรรมการตรวจสอบและสำนักงานเขตพื้นที่แล้ว ก็ยังรู้ว่าเงินอยู่ที่ไหน”
เจิ้งซินเบี่ยงประเด็นสำคัญไปประเด็นรองแล้วเริ่มคุยเรื่องน้ำใจในฐานะเพื่อนมนุษย์
เกาจิ่งอานกัดฟันและใคร่ครวญ เจิ้งซินคงโกงกินเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย เพียงพอที่จะให้พวกเขากินดื่มและใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปได้อีกหลายรุ่น แล้วเธอยังจะมาพูดได้อย่างไม่รู้สึกผิดแบบนี้อีก แม่ง!
หลงเซียวไม่ตอบรับคำพูดของเธอแต่พูดไปเรื่องอื่น “คุณกับพ่อของคุณจัดการกับเงินยังไงไม่เกี่ยวกับผม ผมเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีสิทธิ์รายงานเท่านั้น”
เจิ้งซินกัดฟัน!
ให้ตายสิหลงเซียว! ไม่เอาทั้งไม้อ่อนไม่แข็ง!
ทำยังไงดี?
“ฉันให้ยูเอสบีคุณ โครงการฉันก็ช่วยได้ เกี่ยวกับอาคารหัวชิวของคุณ ฉันรับรองได้ว่าจะไม่มีใครมาหาเรื่องคุณระหว่างดำเนินการ ต่อไปหากคุณต้องการอะไรในพื้นที่ของฉัน ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด”
เจิ้งซินไม่อาจจะหยิ่งผยองได้อีก เธอต้องอดทนและกล้ำกลืนความโกรธลงไป
การมาด้วยความบุ่มบ่าม ด้วยหวังว่าจะใช้ของที่อยู่ในมือโต้กลับ คิดไม่ถึงว่าชดใช้แบบขาดทุนย่อยยับ
ยิ่งกว่านั้น…
คนอย่างตู้หลิงเซวียนยังทำอะไรเขาไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับเธอล่ะ?
หลงเซียว…เป็นตำนานที่ไม่มีวันแพ้อย่างนั้นเหรอ?
หลงเซียวไม่ได้สนใจยูเอสบี ตลอดกระบวนการเขาไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลย แต่เขากลับให้ความสนใจพ่อของเจิ้งซินมากกว่า “อีกอย่าง สุขภาพของพ่อคุณ ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรแล้วใช่ไหม?”
เจิ้งซินยังไม่ทันจะคลายความกังวลไปได้ก็เดือดพล่านอีกครั้ง “เขา…”
ให้ตายเถอะ! ให้ตาย!
ฉู่ลั่วหานเป็นคนดูแลอาการป่วยของพ่อ
อย่างไม่รู้ตัว ดูเหมือนโชคชะตาของเธอและพ่อจะอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขาสองสามีภรรยาไปเสียแล้ว!
“เขาไม่เป็นไรแล้ว!”
ยืนหยัดไว้และเค้นคำพูดออกไป
“งั้นก็ดี ภรรยาของผมบอกเขาว่า หลีกเลี่ยงความเร่งรีบหงุดหงิดและลอยตัว ให้พ่อคุณจำไว้ให้ดีล่ะ” คำพูดของหลงเซียวนั้นเบาบางแต่ดังก้องอยู่ในหูไม่สิ้นสุด
……
เกาจิ่งอานผลักประตูห้องน้ำกระโดดลงไปที่จุดนั้นด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่! พี่ใหญ่! ผมนับถือพี่จริง ๆ!”
หลงเซียวจึงได้หยิบยูเอสบีขึ้นมา “นี่เป็นความคิดใคร?”
ความตื่นเต้นของเกาจิ่งอานหยุดลงในทันที!
ซวยแล้ว พี่ใหญ่จะคิดบัญชีย้อนหลัง!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ นี่มัน…นี่มัน…ที่จริงพวกเรา…เอาเถอะ ความคิดผมเองครับ” เกาจิ่งอานเป็นแพะรับบาปที่มีสัจธรรมน่าเกรงขาม
หลงเซียวใช้นิ้วถูยูเอสบี ไม่ต้องดูก็รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร “กล้ามาก หึ? แผนเยอะ หึ?”
ยิ่งเขาพูดเล่น เกาจิ่งอานก็ยิ่งขาแข้งก็ยิ่งต่ำลงไปอีก “ผมผิดไปแล้ว…พี่ใหญ่ ผมไม่กล้าทำแล้วครับ”
“ตู้หลิงเซวียนมีบทบาทยังไง? พวกนายคิดว่าเขาจะหลงกลพวกนี้? เก่งจริง” หลงเซียวกล่าวคำวิจารณ์อย่างง่ายดาย
ใบหน้าของเกาจิ่งอันแทบจะติดพื้น “ผมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแบบเดิมอีก เป็นความคิดของผมเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับน้องสาม เลย”
หลงเซียวให้ยูเอสบีกับเขา “เจิ้งซินคิดจะใช้ยูเอสบีมาขู่ฉัน โชคดีที่ของในมือฉันมันพอที่จะทำให้เขากลัวได้ ไม่งั้น…ทันทีที่ข้อมูลถูกเผยแพร่ไป นายรู้ใช่ไหมผลจะเป็นยังไง? หือ?”
เกาจิ่งอานไม่กล้ารับ ยูเอสบีนั้นร้อนจริง ๆ “ผมรู้…เสี่ยวจื๋อคงโดนนินทาตาย ยิ่งขุดผมก็อาจจะซวยไปด้วย โครงการล้มเหลว ผมกับหลงจื๋อคงโดนคนในวงการหาว่าเป็นพวกเก็งกำไรที่ขโมยความลับทางการค้า…”
แม่งเอ๊ย คิด ๆ ดูแล้ว ผลของมันช่างหนักหน่วง! น่ากลัวจริง ๆ!
หากไม่ใช่เพราะเจิ้งซินที่โง่มาขู่พี่ใหญ่ ถ้าไม่ใช่พี่ใหญ่ที่จัดการเจิ้งซินได้อย่างเมื่อกี้ เขากับหลงจื๋อคงเสร็จไปแล้ว!
หลังจากที่เกาจิ่งอานรู้สึกผิดสั่นเทิ้ม ขนลุกสะท้านไปทั่วตัว
“ถือว่านายยังมีสมองอยู่บ้าง ต่อไปก็มีสติให้มาก เก็บสิ่งนี้ไว้เตือนตัวเองทุกช่วงเวลา” หลงเซียวยัดยูเอสบียัดลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทของเขาแล้วตบ ๆ กระเป๋า
เกาจิ่งอานถอนหายใจอย่างโล่งอก “ครับ…วันนี้ขอบคุณพี่ใหญ่มาก”
เขาเองก็ถือว่าเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ต่อสู้กับเหล่ามารผจญมาก็หลายปี แต่ครั้งนี้เกาจิ่งอานถึงกับหนาว หากครั้งนี้เจิ้งซินกับตู้หลิงเซวียนข้ามพี่ใหญ่ไปแล้วเล่นงานเขากับหลงจื๋อได้โดยตรง พวกเขาคงไม่สามารถรับได้แน่
ขา…อ่อน
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ กลุ่มมาเฟียอิตาลีที่พี่พูดถึง…ตอนนี้เตรียมตัวเลยได้รึเปล่า ทางผมไม่ต้องวิตกกังวลอะไรแล้ว” เกาจิ่งอานก้มหน้าจิบกาแฟเงียบ ๆ และในที่สุดสมองก็โล่งขึ้น
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างด้านหลังยาวของเขาพร้อมความเย็นชา “ใช่ ควรเริ่มแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพาพยานกลับเมืองหลวง”
“พวกเขา…จะขึ้นศาลเป็นพยานได้ไหม?”
ไม่…ได้หรอกปะ?
“ขึ้นศาลหรือไม่ไม่ใช่ประเด็น”
ประเด็นคือหลงถิง
“จะให้ผมทำอะไรไหมครับ?” เกาจิ่งอานจัดการสะสางภูมิหลังของตนเอง ราวกับว่าตัวเองทำได้พี่ใหญ่ก็เช่นกัน
“เสร็จเรื่องโครงการแล้ว นายไปอังกฤษ สักรอบ”
ลั่วลั่วอยู่ที่นั่นคนเดียว…เขาไม่ไว้ใจเลย
“ทางพี่สะใภ้! ได้! ผมจะรีบไปครับ!”
——
ผลของยาได้ผลชัดเจนในครั้งก่อน ลั่วหานตัดสินใจใช้แผนล่าสุดเพื่อให้การรักษาเชิงลึกแก่Merrick
เขากินยาปฏิชีวนะและยาตะวันตกที่มีฤทธิ์แรงสูงเป็นเวลานานและความดันในหัวใจสมองหลอดเลือดและกระเพาะอาหารสูงมาก การเปลี่ยนไปใช้ยาจีนพร้อมทานและยาจีนชนิดอ่อนจะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและอาการนอนไม่หลับก่อนหน้านี้ได้อย่างช้า ๆ
ผ่านไปชั่วพริบตา เธอก็อยู่ที่อังกฤษ เป็นวันที่เจ็ดแล้ว
“แอนน่า ดูเหมือนจะมีเรื่องในใจนะ?”
ดื่มยาเสร็จ Merrickก็ยิ้มเล็กน้อยและถามเธอ
มีบางอย่างอยู่ในใจของแอนน่าจริง เธอต้องการค้นหาว่าความเกลียดชังที่ลึกซึ้งระหว่าง Merrick และ MAX คืออะไร เห็นชัด ๆ ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมกลับกลายเป็นศัตรูกัน? อีกทั้งยังทะเลาะกันจนไม่ติดต่อไปมาหาสู่?
“ตอนอยู่ที่วิลล่าฉันเห็นรูปใบหนึ่ง เป็นผู้ชาย หน้าตาหล่อเหลา ดูคล้าย ๆ คุณอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขาคือใคร” ลั่วหานจัดกระถางกล้วยไม้ไว้หน้าหน้าต่างและเธอก็เช็ดใบเรียวของกล้วยไม้จนส่องแสงแวววับ
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของ Merrick เคร่งขรึมลง “คิดไม่ถึงว่าจิตใจคุณจะละเอียดแบบนี่”
ลั่วหานไม่รีบร้อน “อ้อ? จะบอกว่าคุณรู้จักคนคนนี้เหรอคะ?”
Merrick ไม่ได้คิดจะปิดบัง เขาพิงพนักเตียงแล้วสูดลมหายใจ “รู้จัก ไม่เพียงแค่รู้จักแต่ยังคุ้นเคยด้วย เขาคือน้องชายผม พวกเราเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ หลังจากพ่อกับแม่ผมหย่ากัน ก็แต่งงานกับแม่ของเขา แล้วก็มี MAX ผมแก่กว่าเขาห้าปี”
ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้?
ไม่ใช่แม่คนเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีช่องว่าง แต่ทำไมถึงได้ทะเลาะกันดุเดือดขนาดนั้น?
“เหรอคะ…แล้วคุณ MAX ทำอะไรคะ?” ลั่วหานค่อย ๆ ลูบใบเรียวและสามารถมองเห็นเส้นของใบไม้ได้อย่างละเอียด
Merrick จะแสดงความในใจกับเธอหรือเปล่า?
Merrick กดมือของเขาลงบนหน้าท้องของเขาจมลงในความทรงจำ “ตอนนั้น…พวกเราทำเรื่องผิดพลาด ในที่สุด เป็นผมที่ทำร้ายเขา”
แอนน่าอยากจะซักไซ้ไล่เลียงไปตรง ๆ แต่เธอต้องพูดอย่างใจเย็น “มีเรื่องที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นรึเปล่าคะ?”
Merrickดึงมุมปากของเขาอย่างขมขื่นและดวงอาทิตย์ตกนอกหน้าต่างก็สาดเข้ามาในดวงตาของเขาทำให้ดวงตาสีฟ้าของเขาเป็นสีส้มจาง ๆ “MAX นั้นสุดโต่งและเฉียบแหลมมาก”
แอนน่าไม่รบกวนเขา ให้เขาได้พูดไปอย่างช้า ๆ
เขาประเมินค่า MAX แบบนั้นจริงไหม? หรือใส่ร้ายเข้า?
“เขาสร้างศัตรูไว้เยอะมาก ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง คนมากมายมองเขาเป็นขวากหนาม มีหลายคนต้องการที่จะเตะเขาออกไป แต่ MAX อาศัยความสามารถและมีรากฐานที่มั่นคง ไม่สนใจคนพวกนั้น สุดท้ายเกิดเรื่องบางอย่าง นำพาให้นักการเมืองภายใต้เขาหักหลัง”
อ้อ?
MAX ในช่วงวัยรุ่นเป็นคนแบบนั้นเหรอ? ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับเขาที่จะแก้แค้น
“คุณไม่ช่วยเขาเหรอคะ?” ในเมื่อทั้งพี่และน้องต่างอยู่ในวงการ พี่ช่วยน้องก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วสิ?
แต่ เห็นได้ชัดว่าแอนน่าไม่เข้าใจคาวเลือดและความโหดเหี้ยมของการเมืองเลย
Merrick สังเกตดูเธอ “คุณคิดว่าผมควรจะช่วยเขาไหม?”
ดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับเคลือบสีแต่มันกลับเย็นชา เพียงพอจะให้ลั่วหานรับรู้อารมณ์ของเขา ทึ่สุดแล้ว เขาก็เป็นนักการเมืองเช่นกัน!
“ถ้าหากพวกคุณกำลังแย่งชิงตำแหน่งเดียวกัน คุณคงไม่มีทางช่วย แต่จะต้องหาทางแทรกตัวเข้าไป” แอนน่าเองก็ไม่ช่วยเขากลบเกลื่อนว่าทุกอย่างปกติดี เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา
ฉากนี้เท่ากับความองค์ชายทั้งเก้าของช่วงเสื่อมสลายของราชวงศ์ชิงทำนองนั้น เพื่อให้ได้เป็นจักรพรรดิ พี่น้องจึงสามารถเกลียดชังและเข่นฆ่ากันเองได้
ไม่ว่าจะเป็นประเทศอะไรและยุคสมัยไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น
Merrick ไม่ปฏิเสธแต่เขาพูดอย่างปลิ้นปล้อน “มีบางคนอยู่ข้างหลังพวกเรา บางครั้ง ไม่เดินหน้าก็ล้าหลัง บางครั้งก็ไม่มีทางเลือก”
หึ!
ใช่เหรอ!
“ดังนั้น คุณกำลังจะยอมรับว่านักการเมืองของคุณทำกลุ่มของเขาต้องราบคาบ? จากนั้นก็ถีบเขาออกไป?”
แอนน่าพูดจี้จุดสำคัญ ตรงประเด็น
ในขณะเดียวกันเธอดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าศัตรูทางการเมือง คู่แข่ง คนที่เขาเกลียดจนเข้ากระดูกดำ แท้จริงแล้วเป็นพี่ชายต่างมารดาของตนเอง!
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้น ไม่มีทางเข้าใจ…แต่หลังจากนั้นเรื่องที่ MAX ทำ ก็ทำให้ผมต้องผิดหวังมาก ๆ”
Merrick ไม่รู้ว่ากำลังแก้ตัวหรือเอือมที่จะกล่าว พูดจบจึงได้หลับตาและสงบลง
แอนน่าวางมือจากใบกล้วยไม้ ความสงสัยในใจนั้นถูกทำให้กระจ่างแล้ว ปมของ MAX และศัตรูอยู่ที่นี่
ถ้างั้น…หากให้Merrick กับ MAX จับมือปรองดองกัน เรื่องที่หลงเซียวจะทำจะราบรื่นขึ้น?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ลั่วหานก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
“Merrick แท้จริงแล้ว MAX ไม่เคยลืมว่าคุณคือพี่ชาย ในวิลล่าของเขา ยังมีรูปของคุณกับเขาแขวนอยู่บนผนัง”